“ชั่วครู่นี้ตรงประตูมีคนใช่หรือไม่?”
“ไม่มีนะเพคะ องค์หญิงตาลายแน่เลยเพคะ เป็นเงาของต้นไม้เพคะ”
อวี้เยี่ยนตาสว่างเปิดโลก รู้สึกว่าการเต้นระบำนี้ถ้าร้องภายในห้องส่วนตัวก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจยิ่ง
อวี้เยี่ยนตรงเข้ามาประคองแล้วเอ่ย“บ่าวประคององค์หญิงกลับห้องพักผ่อนก่อนนะเพคะ”
เฉินเสียนหอบหายใจพิงอยู่บนเตียง อวี้เยี่ยนหยิบผ้าแช่น้ำอุ่นที่แสงอาทิตย์สาดส่องมา เช็ดรอยยิ้มที่อยู่บนหน้าท้องของเฉินเสียนออก ยังคงเอ่ยอย่างมีความสุข“ต้องรีบเช็ดออกเพคะ จะให้แม่บ้านจ้าวเห็นไม่ได้นะเพคะ”
คิมหันตฤดูอากาศร้อน แม่บ้านจ้าวทำงานหนักอยู่ในห้องครัวเพียงลำพัง หลังจากนั้นอวี้เยี่ยนก็สับเปลี่ยนกับนางไปที่ห้องครัวเพื่อจัดอาหารสามมื้อกับยาสมุนไพรบำรุงร่างกายให้กับเฉินเสียน
ไม่ถึงสองวัน ตอนเที่ยงที่อวี้เยี่ยนยกอาหารมื้อเที่ยงมา ด้านหลังตามมาด้วยเจ้าแมวน้อยหนึ่งตัว ระหว่างเดินก็เรียกแมวเหมียวๆไปด้วย
พอเข้ามา อวี้เยี่ยนได้เอ่ยเสียงดังว่า“องค์หญิง เจ้าแมวน้อยตัวนี้ตามบ่าวมาเพคะ”
เฉินเสียนมองดู แมวสีครีมนั่น ไใช่เจ้าแมวน้อยตัวนั้นที่ก่อนหน้าเจอในห้องครัวของเรือนไม่ใช่หรือ
คล้ายกับว่ามันรู้จักเฉินเสียน เดินเตร่เข้ามาในห้องโดยที่ไม่เกรงกลัวเลยสักนิด
เฉินเสียนเอ่ยด้วยความขำขัน“เจ้าตะกละนี่ ต้องได้กลิ่นซุปปลาอย่างแน่แท้ เจ้าแบ่งซุปบางส่วนให้มันดื่มด้วยนะ”
อวี้เยี่ยนแบ่งซุปบางส่วนออกมา แล้ววางไว้ที่ซอกด้านใน เจ้าแมวน้อยตัวนั้นกินอย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากที่ให้อาหารมันกินหนึ่งมื้อแล้ว คาดไม่ถึงว่ามันจะยังไม่ไป เจ้าแมวน้อยก้าวเดินอยู่จนเฉินเสียนต้องหันกลับมามอง
เฉินเสียนกวักมือเรียกเจ้าแมวน้อยให้มาหา เจ้าแมวน้อยกระโดดเข้าไปในอ้อมกอดของเธออย่างคุ้นเคย เธออุ้มเดินออกมาด้านนอก และเอ่ยว่า“อวี้เยี่ยน ไปเอาน้ำมาอาบให้เจ้าแมวน้อยตัวนี้หน่อย นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปข้าจะเลี้ยงดูมัน”
แม่บ้านจ้าวไม่เห็นด้วย เอ่ยว่า“ถ้าหากมันทำให้องค์หญิงได้รับบาดเจ็บจะทำเช่นไรกันล่ะเพคะ องค์หญิงห่างจากมันหน่อยเถิดเพคะ”
เฉินเสียนหรี่ตามอง คล้ายจะยิ้มก็ไม่ยิ้มเอ่ย “อย่าดูถูกเจ้าแมวน้อยตัวนี้เชียว มันฉลาดเฉียบแหลมเป็นอย่างมากนะ”
ภายในสวนสระวสันตฤดูเลี้ยงเจ้าแมวน้อยแล้ว ทำให้เพิ่มความสนุกสนานอยู่ไม่น้อย
เพียงแค่ไม่กี่วัน การกินอาหารของเจ้าแมวน้อยดีขึ้นทำให้ขนของเจ้าแมวน้อยนั้นมันขลับ ยิ่งน่ารักไร้เดียงสามากขึ้น ขนาดแม่บ้านจ้าวยังอดไม่ได้ที่จะรักเอ็นดูทะนุถนอม
มีบางเวลาที่เฉินเสียนพามันออกไปเดินเล่นนอกเรือน ฉินหรูเหลียงมองดูอยู่ไกลๆ และเป็นธรรมดาที่เขาก็รู้จักมันเช่นกัน
และก็มีบางเวลา ที่แมวออกมาเล่นข้างนอกสวนสระวสันตฤดูเพียงลำพัง แต่พอถึงเวลาก็กลับเข้าไป
มีครั้งหนึ่งที่ฉินหรูเหลียงบังเอิญเจอมัน เขาไม่ชอบเจ้าแมวน้อยตัวนี้ เป็นธรรมดาที่เจ้าแมวน้อยตัวนี้ก็ไม่ชอบเขาเช่นกัน
เจ้าแมวน้อยกับคนทะเลาะกันไม่ยอมแยก
หลังจากนั้นเจอกันบ่อยครั้งขึ้น ฉินหรูเหลียงมีการเตรียมตัวนำปลามาด้วย ทิ้งจากด้านบนลงต่อหน้าเจ้าแมวน้อย
เจ้าแมวน้อยเข้าไปดมใกล้ๆ หลังจากนั้นก็เตรียมจะเดินออกไปด้วยความเฉยชา
ฉินหรูเหลียงหรี่ตามอง เอ่ยว่า“ที่แท้เจ้าของเป็นเช่นไรก็มีสัตว์เลี้ยงที่ไม่เห็นคนในสายตาเช่นนั้น แม้แต่ปลาที่ข้าให้เจ้ากิน เจ้าก็กล้าที่จะไม่กินมัน? หยุดเดี๋ยวนี้!”
เวลาที่หลิ่วเหมยอู่รู้สึกร้อน นอกจากไปนั่งริมทะเลสาบแล้ว ส่วนใหญ่ก็อยู่ในเรือนดอกพุดตาน
นางได้ยินสาวใช้เซียงหลิงพูดว่าช่วงนี้ฉินหรูเหลียงมักจะชอบไปที่สวนดอกไม้
หลิ่วเหมยอู่ก็ได้เอ่ยถาม“ท่านแม่ทัพไปทำอันใดที่สวนดอกไม้?”
เซียงหลิงเอ่ยว่า“เหมือนกับว่าไปเล่นกับแมวตัวนั้นนะเจ้าคะนายหญิง”
“แมวมาจากที่ใดกันเล่า?”
เซียงหลิงเงียบแล้วเอ่ย “องค์หญิงเลี้ยงเจ้าค่ะ ”
หลิ่วเหมยอู่สีหน้าอึมครึมลง
นางนึกว่านางกับเฉินเสียนจะสามารถอยู่ด้วยกันอย่างสงบไม่ทะเลาะเบาะแว้งซึ่งกันและกันต่อไป คาดไม่ถึงว่าเฉินเสียนไม่ปรากฏตัว แมวของเฉินเสียนก็มาปรากฎตัว!
นี่หมายความว่าอย่างไร? วางแผนใช้แมวตัวนั้นมาดึงดูดเรียกร้องความสนใจจากท่านแม่ทัพหรือ?
ท่านแม่ทัพไม่มีทางที่จะถูกหญิงชั่วนั่นล่อลวงไป!
หลิ่วเหมยอู่ส่ายพัดไปมา ลุกขึ้นอย่างอ้อยอิ่ง และเอ่ยว่า“ไป ไปที่สวนดอกไม้กันเถอะ”
วันนี้แมวมีความผิดปกติ ออกไปเล่นแล้วเป็นเวลานาน ถึงเวลาก็ยังไม่กลับมา
ตามปกติแล้วเวลานี้มันควรจะกลับมาตั้งนานแล้ว
ไม่ได้แล้ว เฉินเสียนกับอวี้เยี่ยนจำใจต้องออกไปตามหาที่สวนดอกไม้
แต่หารอบสวนดอกไม้แล้ว ก็ไม่พบเห็นร่องรอยของมัน
ต่อมาจึงไปตามหาที่สวนแอพริคอต ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างอบอุ่นดังมาอย่างไม่ชัดเจน เฉินเสียนพาอวี้เยี่ยนเดินไปตามเสียงนั้น
เห็นหลิ่วเหมยอู่กำลังนั่งรับความเย็นอยู่ในศาลา วันนี้นางสวมใส่กระโปรงยาวสีแดง ผิวขาวผ่อง หน้าตาอิ่มเอิบ รอยยิ้มแฝงไปด้วยความสุขปนเศร้าดึงดูดจิตใจคนได้
เซียงหลิงเฝ้ารอเกาะติดอยู่ด้านนอกศาลา
คนที่อยู่เป็นเพื่อนหลิ่วเหมยอู่ในศาลาก็คือฉินหรูเหลียง
เฉินเสียนหรี่ตามอง ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็มองเห็นก้อนขนสีครีมอันหนึ่งหมอบอยู่บนขาของหลิ่วเหมยอู่
นั่นไม่ใช่เจ้าแมวน้อยที่เธอตามหาอย่างยากลำบากหรอกหรือ ยังคิดว่าหายไปแล้วเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าจะอยู่ที่นี่
ไม่รู้ว่าฉินหรูเหลียงเอาอะไรป้อนเข้าไปในปากของเจ้าแมวน้อย ได้ยินเพียงเสียงแมวร้องเหมียวๆ หยอกล้อจนหลิ่วเหมยอู่หัวเราะออกมาเบาๆ
หลิ่วเหมยอู่เอ่ย“ท่านแม่ทัพ มันน่ารักจริงๆเลยเจ้าค่ะ”
บนใบหน้าของฉินหรูเหลียงมีรอยยิ้มที่อบอุ่น
แต่เสียงร้องของแมวนั้น พอดังเข้ามาในหูของเฉินเสียนกับอวี้เยี่ยน ทว่าเป็นเสียงกล้ำกลืนฝืนทนอย่างไม่สามารถมีอะไรมาเทียบได้
มันตัวเล็กๆหมอบอยู่ที่ขาของหลิ่วเหมยอู่สั่นระริกอยู่ตลอด
อวี้เยี่ยนเอ่ยด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยว“ทั้งสองท่านต้องบีบบังคับเจ้าแมวน้อยอย่างแน่นอนเพคะ บ่าวได้ยินเสียงร้องของเจ้าแมวน้อยไม่มีความสุขเลย องค์หญิง ทำอย่างไรดีเพคะ……”
คำพูดเพิ่งจะเอื้อนเอ่ยออกมา อวี้เยี่ยนก็เห็นเฉินเสียนเดินบุ่มบ่ามไปทางฉินหรูเหลียงแล้ว นางจะรั้งไว้ก็รั้งไม่ได้
เฉินเสียนนิ่งสงบมาก ไม่มีท่าทีความโกรธหรือดีใจ ลมริมทะเลสาบพัดโชยผมไม่กี่เส้นข้างหูของเธอ แต่ทว่าไม่สามารถพัดความรู้สึกที่ไม่อาจคาดเดาบนใบหน้าของเธอได้
หลิ่วเหมยอู่เหลือบตาขึ้นมองเห็นเฉินเสียน เอ่ยทักทายด้วยความไมตรีและสุภาพนุ่มนวล“องค์หญิงมาแล้ว หม่อมฉันกับท่านแม่ทัพกำลังนั่งพักรับความเย็นอยู่เพคะ องค์หญิงรีบเข้ามานั่งเถิดเพคะ”
คำพูดบ่งบอกได้ถึงฐานะของนาง ว่านางเป็นหลักใหญ่อย่างมาก
เฉินเสียนก็ไม่ได้ใส่ใจ เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเล็กน้อย เดินเข้าไปในศาลาสะบัดชุดแล้วนั่งลง มองแมวที่อยู่ในอ้อมกอดของหลิ่วเหมยอู่ เอ่ยว่า“ข้าตามหามันทุกแห่งหน คาดไม่ถึงว่าจะอยู่กับเจ้าที่นี่”
สายตาของเจ้าแมวน้อยแทรกซึมไปด้วยน้ำระรื่นมองมาที่เฉินเสียน
เฉินเสียนยื่นมือไปทางมัน เอ่ย“มานี่สิ”
เจ้าแมวน้อยราวกับฟังเข้าใจ อยากจะกระโจนไปทางด้านของเฉินเสียน แต่ทว่าถูกมือทั้งสองข้างหลิ่วเหมยอู่กดไว้ ทำให้มันไปไม่ได้
เฉินเสียนหรี่ตามองไม่สั่นไหว น้ำเสียงนุ่มลึกราวกับน้ำเอ่ย“เหม่ยอู่ เจ้าแมวน้อยยังตัวเล็กมาก เจ้าออกแรงเช่นนี้จะทำให้มันเจ็บแย่นะ”
หลิ่วเหมยอู่รีบวางเจ้าแมวน้อยลงเบาๆ เอ่ยอย่างคนไม่มีความผิดและรู้สึกเสียใจ“ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันไม่ได้มีเจตนา หม่อมฉันเห็นว่ามันน่ารักมาก และชื่นชอบเป็นอย่างมากเพคะ”
เฉินเสียนกระตุกริมฝีปากขึ้น
หลิ่วเหมยอู่มองฉินหรูเหลียงที่อยู่ด้านข้าง ตั้งแต่เฉินเสียนเข้ามาเขาก็มีสีหน้าที่เย็นชาไร้ความรู้สึก แล้วเอ่ยเสียงนุ่มนวลว่า“องค์หญิง อาจจะเป็นพรหมลิขิตของหม่อมฉันกับมัน พอพบเจอก็อดไม่ได้ที่อยากจะดูแลมันทะนุถนอมมันเพคะ หม่อมฉันอยากจะขอองค์หญิงเอามันมาเลี้ยงดูเพคะ ไม่รู้ว่าองค์หญิงตัดใจแบ่งให้ได้หรือไม่เพคะ?”
เฉินเสียนมองไปทางหลิ่วเหมยอู่ เอ่ย“เจ้าว่าอย่างไรนะ?”
หลิ่วเหมยอู่ยิ้มแล้วยิ้มอีก เอ่ย“เมื่อครู่นี้หม่อมฉันกับท่านแม่ทัพกำลังหารือกันว่าต่อไปจะดูแลมันอย่างไรเพคะ ถ้าหากองค์หญิงมอบมันให้กับเหมยอู่ เช่นนั้นเหมยอู่ก็ซาบซึ้งใจยิ่งนักเพคะ”
เฉินเสียนหัวเราะเยาะเย้ยออกมา เอ่ย“เหมยอู่ ข้ารู้ว่าเจ้าจิตใจดี แต่ตัวเจ้าเองยังต้องมีคนดูแล เจ้าจะดูแลมันได้อย่างไรล่ะ?”
“แต่หม่อมฉันชอบมันจริงๆนะเพคะ……..”
เวลานี้ฉินหรูเหลียงที่เงียบไม่เอ่ยพูดมาโดยตลอด ก็เอ่ยพูดออกมาว่า“มันเป็นเพียงแค่สัตว์เลี้ยงเท่านั้นเอง ในเมื่อเหมยอู่ชอบ ท่านก็ให้นางไปไม่เห็นเป็นไร ควรจะใจกว้างบ้าง”
เฉินเสียนยิ้มมุมปากไม่ลดละ แต่ทว่าสายตามีความเย็นชาแฝงอยู่“ข้าไม่เข้าใจ จะใช่หรือไม่ใช่องค์หญิง เกี่ยวอะไรกับความใจกว้างหรือไม่ใจกว้างไร้สาระนี้กัน”