เซียงซั่นไม่คิดว่าเฉินเสียนจะได้ยิน นางไม่อยากจะยอมทว่าก็ไม่กล้าตอบอะไร
เฉินเสียนกล่าวเรื่อยๆ ว่า “แม้ว่าข้าจะไม่ใช่ผู้รับผิดชอบเรื่องภายในครอบครัว แต่ถึงอย่างไรข้าก็เป็นภรรยาเอกที่แต่งงานอย่างถูกต้อง แม่นมจ้าว เจ้าได้ยินสิ่งที่นางพูดเมื่อครู่นี้ชัดเจนแล้วใช่ไหม”
แม่บ้านจ้าวตอบ “บ่าวได้ยินชัดแล้วเพคะ”
“เช่นนั้นเจ้าจงพานางไปหาพ่อบ้านซะ แล้วทวนคำพูดของนางให้เขาฟัง ดูหมิ่นผู้เป็นนายเช่นนี้ต้องลงโทษตามกฎของตระกูล โทษสูงสุดแค่ไหนก็โบยไปเท่านั้น”
“เพคะ”
เซียงซั่นหน้าเปลี่ยนสี พร้อมกันนั้นแม่บ้านจ้าวก็เดินมาข้างหน้าเพื่อนำตัวนางไป
หลิ่วเหมยอู่รีบพูดว่า “เซียงซั่นพูดไปไม่คิด กลับไปแล้วหม่อมฉันจะสั่งสอนนางเอง อย่าให้ต้องรบกวนองค์หญิงเลยเพคะ”
เฉินเสียนหาวไปหนึ่งทีก่อนจะยิ้มตาหยีและเอ่ยว่า “ไม่รบกวนอะไรนักหรอก”
หลิ่วเหมยอู่หันไปมองเซียงซั่นและเอ่ยเสียงดัง “ยังไม่รีบขอโทษองค์หญิงอีก!”
เซียงซั่นทั้งโกรธทั้งกลัว นางขบริมฝีปากก่อนจะเอ่ยอย่างลำบากใจ “เซียงซั่นผู้นี้พูดไม่คิด องค์หญิงได้โปรดอภัยด้วยเพคะ!”
เฉินเสียนมองนางก่อนจะกระตุกยิ้มอย่างเย็นชา “ขอโทษนะ แต่ข้าไม่รับ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “แม่นมจ้าว ยังไม่ลากนางออกไปอีก!”
เซียงซั่นพยายามขัดขืน แต่แม่บ้านจ้าวเป็นคนร่างอวบ ในไม่ช้านางก็บังคับให้เซียงซั่นออกไปจนได้
อวี้เยี่ยนที่อยู่ข้างๆ เห็นว่าน่าสนุกจึงเข้าไปในห้องเพื่อนำเชือกป่านมามัดมือทั้งสองข้างของเซียงซั่นไว้อย่างกระตือรือร้น นางนำปลายเชือกด้านหนึ่งส่งให้นางจ้าวก่อนจะพูดว่า “แม่นมจ้าวแค่ดึงเชือกนี่ไปก็ลากนางไปหาพ่อบ้านได้แล้ว ท่านต้องคอยดูตอนโบยนางด้วยนะ อย่าปล่อยให้พวกเขาทำแบบชุ่ยๆ”
แม่บ้านจ้าวส่งสายตาให้อวี้เยี่ยนประหนึ่งจะบอกว่า “เข้าใจแล้ว” ก่อนจะลากเซียงซั่นที่กรีดร้องเสียงแหลมออกไป
อวี้เยี่ยนยังโบกมือให้นางจ้าวและบอกว่า “แม่บ้านจ้าววางใจได้ เรื่ององค์หญิงทางนี้ข้าดูแลเอง”
หลิ่วเหมยอู่หน้าซีดเผือดทั้งยังรู้สึกไร้เรี่ยวแรง นางอยากจะตามไปแต่ก็ไม่อยากปล่อยทางนี้ไว้แบบนี้ ไม่ว่าจะทางไหนก็น่าห่วง
เฉินเสียนถามอย่างสบายๆ ว่า “เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ”
หลิ่วเหมยอู่รู้สึกเหมือนคนไร้ที่พึ่ง น้ำเสียงของนางจึงฟังดูเคว้งคว้าง “หม่อมฉันได้ยินมาว่าท่านบอกให้ท่านแม่ทัพนำของบำรุงไปคืน”
“ใช่ ทำไมรึ”
สายตาของหลิ่วเหมยอู่ผมองมาอย่างกล่าวโทษ ทว่าก็เอ่ยอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่า “ท่านก็รู้ว่าท่านแม่ทัพสงสารหม่อมฉันจึงมอบของเหล่านั้นให้ข้าบำรุงร่างกาย แต่ท่านกลับบอกให้หากลับมาใช้คืน ท่านรู้ไหมว่าท่านแม่ทัพต้องเสียทรัพย์สินและแรงกายไปมากแค่ไหน”
เฉินเสียนยกยิ้มมุมปาก “ข้าไม่รู้หรอก”
หลิ่วเหมยอู่ท่าทางโกรธจัด นางกล่าวว่า “ถึงอย่างไรองค์หญิงก็เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพเช่นกัน ทำไมถึงยังไปช่วยคนอื่นเพคะ หรือว่าท่านเห็นเลือดข้นกว่าน้ำ จึงสมคบคิดกันปอกลอกจวนแม่ทัพ”
เฉินเสียนพูดปนหัวเราะว่า “เหมยอู่คนดี ตอนนี้เจ้ายอมรับแล้วหรือว่าข้าก็เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ ไหนเจ้าลองบอกมาสิว่าข้าไปเห็นเลือดข้นกว่าน้ำยังไง ของบำรุงเหล่านั้นไม่ใช่ว่าเจ้ากินไปหรอกหรือ แม้ว่าข้าจะทำให้ครอบครัวต้องเสียทรัพย์ แต่เจ้าน่ะล้างผลาญยิ่งกว่าข้าเสียอีก ไม่เพียงแต่จะล้างผลาญ แต่เจ้ายังจะมาโทษผู้อื่นอีก ช่างไร้ยางอายเสียจริง”
หลิ่วเหมยอู่ทั้งหน้าแดงและหน้าซีด “หากท่านจะตำหนิหม่อมฉันเรื่องนี้หม่อมฉันก็ขอให้ท่านไว้หน้าท่านแม่ทัพบ้าง ท่านควรทำกับท่านแม่ทัพเช่นนี้หรืออย่างไร”
เฉินเสียนเอนตัวพิงประตูและพูดว่า “ทำไมข้าต้องนึกถึงเขาด้วย ตอนที่พวกเจ้าไล่ข้าออกไป ตอนที่บังคับให้ข้าดื่มยาทำแท้ง ทำไมพวกเจ้าไม่นึกถึงข้าบ้าง”
เธอทอดสายตาไปรอบๆ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เพียงแต่เราทุกคนล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นข้าจะไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ได้ ต่อให้ฉินหรูเหลียงจะเอาของไปคืนแล้ว แต่ข้ากับเหลียนชิงโจวก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เพียงแค่ข้าออกปาก เหลียนชิงโจวก็จะส่งคืนมาให้อีกครั้ง”
สีหน้าของหลิ่วเหมยอู่ผ่อนคลายลงเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ถ้าองค์หญิงไม่ถือโทษเรื่องที่ผ่านมาและยอมออกหน้าให้ก็ถือว่าเป็นพระคุณมากเพคะ”
เฉินเสียนกล่าวว่า “เหมยอู่ เพียงเพราะของบำรุงไม่กี่อย่างเจ้าถึงกับยอมให้ท่านแม่ทัพเสียหน้างั้นรึ เจ้าพูดไม่หยุดว่าต้องนึกถึงหน้าฉินหรูเหลียง งั้นข้าขอถามเจ้าหน่อยว่าเจ้าทำอะไรเพื่อเขาบ้าง”
หลิ่วเหมยอู่รู้ว่านางเจตนาให้นางกลายเป็นตัวตลก สีหน้าจึงเปลี่ยนไปอีกครั้ง “หม่อมฉันต้องการให้ท่านออกหน้าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับท่านแม่ทัพ ท่านไม่สนใจจะกอบกู้ความสูญเสียของท่านแม่ทัพก็เกินพอแล้ว ทำไมถึงต้องก้าวร้าวเช่นนี้ด้วย”
“ไม่ไปดูเซียงซั่นสักหน่อยหรือ ตอนนี้แม่สาวน้อยผิวบอบบางสะสวยคนนั้นอาจจะถูกโบยจนตายแล้วก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นคงน่าเบื่อแย่”
พูดจบเฉินเสียนก็หันหลังและเดินเข้าห้องไป
หลิ่วเหมยอู่สั่นสะท้านไปทั้งร่าง นางกำมือแน่น ทั้งโกรธทั้งเกลียดเป็นอย่างมาก
สุดท้ายนางก็ยังเป็นห่วงเซียงซั่น นางไม่รอช้า รีบหันหลังกลับและวิ่งโซซัดโซเซออกไป
เมื่อหลิ่วเหมยอู่วิ่งไปถึงลานด้านหน้าก็เห็นเซียงซั่นกำลังร้องอย่างโหยหวน ไม้กระดานยังคงโบยลงไปไม่หยุด
เมื่อเห็นหลิ่วเหมยอู่เซียงซั่นก็ร้องไห้น้ำหูน้ำตาท่วมและร่ำร้องว่า “นายหญิงช่วยด้วย! ช่วยบ่าวด้วย!”
ร่างกายของหลิ่วเหมยอู่สั่นเทาก่อนจะกรีดร้องเสียงแหลม “ข้าสั่งให้หยุด!”