คนเลี้ยงนก
เสี่ยวเชี่ยนวางยานอนหลับใส่ในชามโจ๊กของอาจารย์ หมอเป็นคนสั่งให้
เรื่องพวกนี้หัวหน้าใหญ่เป็นคนเสนอ เสี่ยวเชี่ยนมีตราอาญาสิทธิ์รอดชีวิต พออาจารย์ตื่นขึ้นมาก็คงหาตัวเธอไม่เจอแล้ว
ถ้าไม่ทำแบบนี้ ต่อให้ต้องคลานอาจารย์ก็จะไปรักษาคนไข้ให้ได้ ความรับผิดชอบสูงเกิน
เสี่ยวเชี่ยนมองศาสตราจารย์หลิวที่หลับไปแล้ว จากนั้นก็เอามือล้วงเข้าไปในเสื้อนอกของอาจารย์
อาจารย์มีสมุดโน้ตเล็กๆพกติดตัวเสมอ ในนั้นจะเขียนรายชื่อคนไข้พร้อมเบอร์ติดต่อไว้ เสี่ยวเชี่ยนรู้ความเคยชินเรื่องนี้ของอาจารย์ดีจากเมื่อชาติก่อน จึงหาเจอได้อย่างง่ายดาย
“วันนี้สิบเอ็ดโมงที่ห้องทำงาน ชื่อคนไข้ หวางย่าเฟย…”
เสี่ยวเชี่ยนอ่านข้อมูลอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ยกปากกาเขียนข้อความใส่กระดาษ พออาจารย์ตื่นแล้วให้ไปคิดบัญชีกับหัวหน้าใหญ่ แล้วก็บอกอาจารย์ด้วยว่า คนไข้คนนี้เธอไปรักษาแทนให้แล้ว
อย่างไรเสียในเมื่อเธอวางยาอาจารย์แล้ว ตื่นขึ้นมาก็ต้องถูกเฉ่งอยู่ดี เรื่องไม่ดีทำแล้วต้องเอาให้สุด แล้วก็จะชินไปเอง~
เสี่ยวเชี่ยนพอจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพก็ไปอธิบายเหตุการณ์กับหมอจากนั้นก็ออกจากโรงพยาบาล
ฤทธิ์ยาเพียงพอที่จะทำให้อาจารย์หลับไปหลายชั่วโมง พอตื่นขึ้นมาเสี่ยวเชี่ยนก็คงรักษาคนไข้เสร็จแล้ว ถึงตอนนั้นอาจารย์อยากจะโกรธก็ไม่มีประโยชน์ เสี่ยวเชี่ยนทำให้อาจารย์นอนดูอาการได้อีกหนึ่งวันแล้ว
อันที่จริงไม่นอนโรงพยาบาลก็ได้ แต่ทุกคนต่างรู้ว่าหญิงแก่คนนี้ดื้อแค่ไหน ปล่อยกลับไปไม่มีทางนอนอยู่เฉยๆแน่ คงหางานมาทำได้ไม่หยุดหย่อน โรคนี้ต้องอาศัยการพักผ่อน ไม่สู้ให้นอนโรงพยาบาลสองวัน
เสี่ยวเชี่ยนล้วงกุญแจห้องทำงานอาจารย์ออกมาแล้วไขเข้าไปข้างใน อีกสักพักคนไข้ที่นัดไว้ก็จะมาแล้ว
เป็นผู้ชายผอมสูง ดูยังหนุ่มอยู่ อายุราวๆ20 ผมทรงสกินเฮด ยืดตัวตรง ถึงจะแต่งตัวในชุดลำลอง แต่เสี่ยวเชี่ยนแค่เห็นก็ดูออก
นี่คือทหารคนหนึ่ง ต่อให้ไม่ได้ใส่ชุดทหาร ท่ายืน บุคลิก ล้วนดูแตกต่าง
“ไม่ทราบว่าคุณคือศาสตราจารย์หลิวหรือเปล่าครับ?” หวางย่าเฟยนึกไม่ถึงว่าผู้หญิงที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานนั้นจะเป็นผู้หญิงวัยรุ่น
“เรียกฉันว่าหมอเฉินก็ได้ค่ะ ฉันเป็นนักเรียนของศาสตราจารย์หลิว ศาสตราจารย์ป่วยเข้าโรงพยาบาล วันนี้ฉันจะรักษาคุณเองค่ะ”
“อ่อ…งั้นก็ไม่เป็นไรครับ”
หวางย่าเฟยลุกขึ้น บอกลาแล้วเดินออก เดิมเขาก็ไม่ได้อยากมาปรึกษากับจิตแพทย์หรอก ถ้าไม่ใช่เพราะคาดหวังกับการทดสอบพรุ่งนี้มาก กลัวจะฉุดคะแนน ถึงได้ฟังคำแนะนำของฉู่เซวียนเพื่อนสนิทมาหาศาสตราจารย์หลิวที่โด่งดังเพื่อปรึกษา
ปรากฏว่าคนที่เจอกลับเป็นผู้หญิงวัยรุ่น เขาไม่อยากเอาเรื่องส่วนตัวของตัวเองบอกกับผู้หญิงที่ดูท่าทางเด็กๆแบบนี้
“หวางย่าเฟย เพศชาย อายุ 20 ปี อยากปรึกษาปัญหาเรื่องภาวะความเครียด สิ่งนี้จะต้องรบกวนจิตใจคุณมาเป็นเวลานานแล้วแน่นอน แต่คุณไม่ได้ให้ความสำคัญกับมัน เพียงแต่ช่วงนี้คุณวางแผนงานใหญ่เอาไว้ จึงจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับมัน และแผนงานนี้ก็เกี่ยวกับเรื่องทหาร”
หวางย่าเฟยหยุดเดิน แล้วหันไปด้วยความตกใจ สีหน้าของเขาได้บอกเสี่ยวเชี่ยนว่า เธอเดาถูกแล้ว
“ทำไมคุณถึงได้รู้เยอะแบบนั้น?”
เขาบอกศาสตราจารย์หลิวแค่ชื่อ อายุ กับเรื่องที่ต้องการปรึกษาเท่านั้น แล้วทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงพูดข้อมูลออกมาได้ตั้งมากมาย?
เสี่ยวเชี่ยนดันแว่นตาพลางพูดในใจ คนๆนี้ขาดแค่อักษรเขียนโชว์บนหน้าว่าทหาร นี่ถ้าเรื่องแค่นี้เธอยังเอาเขาไม่อยู่ แล้วจะกล้าให้คนอื่นเรียกว่าประธานเชี่ยนเหรอ?
“นั่งลงสิคะ มาคุยกันหน่อย”
จิตแพทย์ที่ดีจะปลอบคนไข้เก่ง เสี่ยวเชี่ยนแค่พูดไม่กี่คำก็ทำให้หวางย่าเฟยอึ้งได้แล้ว
“หมอเฉิน อาการของผมหนักไหมครับ? พรุ่งนี้ผมมีทดสอบที่สำคัญมาก”
“ทดสอบ…เข้าหน่วยย่อยโลนวูล์ฟของหน่วยรบพิเศษ011น่ะเหรอคะ?” ไม่บังเอิญขนาดนั้นมั้ง?
นี่คือทหารของเสี่ยวเฉียง?
“ทำไมเรื่องนี้คุณก็รู้ด้วย?”
งั้นก็แสดงว่าทายถูก
เดิมเสี่ยวเชี่ยนมองว่านี่เป็นเคสคนไข้ทั่วไป แต่พอได้ยินเขาบอกจะเข้าร่วมการทดสอบเข้าหน่วยของอวี๋หมิงหลาง เธอก็รีบรวบรวมสมาธิ แล้วเริ่มเข้าสู่การรักษา
หน่วยที่อวี๋หมิงหลางอยู่เป็นหน่วยแบบไหน?
สุดยอดของทหารบก ผู้ปกป้องที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคสันติ…นี่คือภาพที่คนภายนอกมอง ส่วนภาพที่คนในมอง เสี่ยวเชี่ยนมีอยู่อย่างเดียว
นั่นคือ สถานที่ที่ผู้ชายของเธออยู่นั้น ห้ามปล่อยให้คนที่มีปัญหาเข้าไปสร้างความยุ่งยากให้เสี่ยวเฉียงเด็ดขาด
การคัดเลือกของทหารหน่วยรบพิเศษมีเงื่อนไขด้านสุขภาพสูง ความรู้ทางการทหารก็ต้องไม่น้อยหน้า แต่ในสายตาของเสี่ยวเชี่ยน เรื่องสภาพจิตใจก็ต้องแข็งแกร่งไม่แพ้กัน นี่คืออาชีพที่มีความพิเศษมาก หากผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจเกิดปัญหาใหญ่ได้
หวางย่าเฟยเล่าปัญหาของตัวเองให้เสี่ยวเชี่ยนฟัง เสี่ยวเชี่ยนก้มหน้าจดบันทึกอย่างรวดเร็ว พอหวางย่าเฟยพูดจบเสี่ยวเชี่ยนก็พอจะเข้าใจทุกอย่างแล้ว
“คุณจะบอกว่าเวลาคุณยิงปืน บางครั้งหัวใจก็จะเต้นเร็ว หน้ามืด ตกใจ แต่แค่ระยะเวลาไม่นาน ไปตรวจสุขภาพแล้วก็ไม่มีปัญหาเหรอคะ?”
เสี่ยวเชี่ยนเห็นอาจารย์เขียนไว้แค่บรรทัดเดียว สงสัยว่าอาจเป็นภาวะผิดปกติทางใจอย่างรุนแรง แต่จะวินิจฉัยได้ก็ต่อเมื่อพูดคุยกันต่อหน้า
อาการแบบนี้เป็นภาวะผิดปกติทางใจแฝง
“ครับ ผลตรวจสุขภาพแต่ละด้านไม่มีปัญหา”
เสี่ยวเชี่ยนครุ่นคิดสักพัก มั่นใจได้ว่านี่เป็นอาการที่เกี่ยวเนื่องมาจากโรคทางจิตใจ แต่ยังฟันธงไม่ได้ว่าใช่โรคภาวะผิดปกติทางใจอย่างรุนแรงหรือเปล่า เพราะโรคนี้จะต้องมีเหตุการณ์ที่สะเทือนใจอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นเงามืดในจิตใจ ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต
อาการแบบนี้ปกติจะแสดงออกช้า บางคนผ่านไปเป็นเดือน บางคนหลายปี บางคนไม่กี่วันก็แสดงอาการแล้ว
เมื่อคนปกติอยู่ๆก็เจอเหตุการณ์สะเทือนใจเช่น การใช้ความรุนแรง ภัยพิบัติต่างๆ อุบัติเหตุ หรืออยู่ๆก็มีคนตายไม่ปกติตรงหน้า ล้วนเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดอาการแบบนี้
อาการที่แสดงออกก็จะแตกต่างกัน บางคนนอนไม่หลับ โกรธง่าย ไม่มีสมาธิ ระแวงเกินเหตุ ขี้ตกใจ กระวนกระวาย หัวใจเต้นเร็ว ปวดเนื้อปวดตัว ดังนั้นปกติหากมีการเกิดแผ่นดินไหวหรือภัยธรรมชาติอื่นๆมักจะมีจิตแพทย์คอยให้คำปรึกษาแก่ผู้ประสบภัย
“ช่วงนี้คุณมีเรื่องอะไรใหญ่ๆเกิดขึ้นกับตัวไหมคะ? คุณรู้ว่าตัวเองมีอาการแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรคะ?” เสี่ยวเชี่ยนถาม
“ไม่มีเรื่องอะไรนะครับ ผมเรียนจบมอปลายก็ไปเป็นทหาร ตอนนี้ก็เกือบสองปีแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่เห็นว่าตัวเองมีความผิดปกติอะไร จนกระทั่งเมื่อสามเดือนก่อน…ผมเข้าร่วมฝึกซ้อมรบ ผมพบว่าพอผมเอาปืนเล็งคนอื่นก็จะหน้ามืด”
“เป็นทหารมาตั้งเกือบสองปีเพิ่งเคยเข้าร่วมซ้อมรบแค่ครั้งเดียวเหรอคะ?”
“ผมเป็นทหารปีแรกทำงานเป็นกองหนุนทั่วไปครับ ต่อมามีผลงานหน่อยก็เลยถูกย้ายไปหน่วยรบ”
“…เลี้ยงหมูเหรอ?”
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกได้ถึงสายตาที่หวางย่าเฟยมองมาจึงรีบพูดขอโทษ
“เลี้ยงหมูปลูกผักเป็นธรรมเนียมที่ดีของทหาร อีกอย่างผมไม่ได้เลี้ยงหมู ผมปลูกผัก”
ก็ได้ นายปลูกผักนายชนะ เสี่ยวเชี่ยนอธิบาย “ฉันไม่ได้ดูถูก ฉันแค่สงสัย ทหารที่เป็นฝ่ายกองหนุนในสงครามสามารถมีคุณสมบัติที่เข้าคัดเลือกทหารหน่วยรบพิเศษได้ คุณจะต้องเก่งเหนือใครแน่นอน”
“คุณก็รู้จักทหารหน่วยรบพิเศษเหรอครับ?” หวางย่าเฟยอึ้งเล็กน้อย
“คู่หมั้นฉันก็เป็นทหาร เพียงแต่เขาเป็นคน…เลี้ยงนก?” เสี่ยวเชี่ยนจำได้ว่า อวี๋หมิงหลางพูดอยู่บ่อยๆว่าเขาเป็นเหมือนเครื่องฟักไข่นก ทหารที่เขาฝึกล้วนเป็นนกหน้าใหม่ พอฝึกเสร็จก็จะกางปีกโผบินได้อย่างเก่งกาจ เก่งเหนือคนที่เก่งอีกที
“ทหารมีเลี้ยงนกด้วยเหรอครับ?”
“……” ก็พวกนายที่เป็นนกหน้าใหม่นี่ไงล่ะ