ขณะที่วรกัญญายัดกุ้งเข้าไปในปากของชลธีนั้น ทำให้ธินิดาตกใจจนต้องเอามือปิดปาก แต่ชลธีกลับกินกุ้งตัวนั้นเข้าไป
“เขาแพ้อาหารทะเล”ท่าทีที่ชลธีเคยแพ้อาหารทะเลนั้นธินิดาเคยเห็นมาก่อน เป็นอะไรที่ทำให้คนกลัวมากๆ
“อ่า รีบอวกออกมา รีบอวกออกมา”เมื่อวรกัญญาได้ยิน เธอก็รีบยื่นมือออกไปในปากชลธีเพื่อควักเอากุ้งออกมา
แต่ว่าเมื่อสักครู่นี้ชลธีกินเร็วเกินไป กุ้งตัวนั้นได้เข้าไปเรียบร้อยแล้ว
“นำส่งโรงพยาบาลเถอะ เข้าแพ้อาหารทะเลอย่างร้ายแรง อีกไม่ช้าก็คงมีอาการตอบสนองอย่างแน่นอน”ธินิดาไม่สนใจชลธีที่กำลังจ้องมองหล่อนอยู่ ยังคงพูดจุดอ่อนของชลธีออกมาจนหมดสิ้น ทั้งยังต้องการให้วรกัญญารีบพาชลธีไปส่งที่โรงพยาบาล
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ พวกคุณกินกันต่อเถอะ ผมจะออกไปข้างนอกรับลมสักหน่อย”ชลธีก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองเป็นอะไร เมื่อเห็นว่ามุกป้อนของกินให้กับตน ซึ่งเขาก็รู้ดีว่าตนไม่สามารถกินอาหารทะเลได้ แต่ว่าเขาก็กินกุ้งตัวนั้นลงไปอย่างมีความสุข
แต่ว่าตอนนี้ร่างกายของเขาเริ่มมีอาการคันแล้ว เพื่อไม่เห็นวรกัญญาเห็นอาการของตนจนต้องเป็นห่วง เขาตัดสินใจที่จะไปโรงพยาบาลด้วยตนเองในทันที
“ไม่ได้ ฉันเคยเห็นคุณแพ้อาหารทะเล อาการรุนแรงมาก เดี๋ยวฉันไปส่งคุณที่โรงพยาบาลคุณฟิลลิป ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ วันหลังฉันขอเลี้ยงข้าวคุณนะคะ”วรกัญญาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของคนเป็นอย่างมาก เมื่อสักครู่นี้ชลธีดีกับตนมาก แต่ก็ยังกินกุ้งเข้าไปอย่างโง่เง่า เรื่องเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเธอ ก็คงจะมีแต่เธอเท่านั้นที่ต้องแก้ไข
“ได้ได้ งั้นไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ ช่วยคนเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน”คุณฟิลลิปพอมองออกถึงความรู้สึกที่ชลธีมีต่อวรกัญญา แต่ว่าตอนนี้เรื่องของวัยรุ่น เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
วรกัญญาพยุงชลธีเดินออกจากภัตตาคาร ทันใดนั้นเธอผลักชลธีเข้าไปในรถ จากนั้นตนเองขับรถอย่างรวดเร็วมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาล
บนร่างกายของชลธีเริ่มมีตุ่มถี่ยิบขึ้นเต็มตัว อีกทั้งตุ่มนั้นมีขนาดใหญ่มาก ทั้งยังมีสีแดงและคัน ชลธีอดไม่ได้ที่จะเกา
เมื่อถึงโรงพยาบาล การกระทำของวรกัญญารวดเร็วมาก เธอดึงชลธีออกมา แล้วเดินมุ่งตรงไปในโรงพยาบาล เธอลงทะเบียนเพื่อรอรักษา หาหมอทุกสิ่งทุกอย่างนี้เป็นเธอทำด้วยตนเองเพียงคนเดียว จากนั้นพาชลธีนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านหน้าของหมอ
“คุณหมอ เขาแพ้อาหารทะเล คุณลองดูหน่อยนะคะว่าต้องทำยังไง”วรกัญญารายงานอาการของชลธีให้หมอฟังอย่างกะทัดรัดแต่ครอบคลุม
ขณะที่หมอหันไปมองชลธี ใบหน้าของชลธีก็บวมมากแล้ว หากไม่ใช่เพราะวรกัญญาจับคนคนนี้นั่งลงบนเก้าอี้ หล่อนก็แทบจะไม่รู้จักแล้วว่าคนคนนี้คือใคร
“รีบฉีดยา ให้น้ำเกลือ”หมอเลิกเปลือกตาของชลธีเพื่อตรวจดูครู่หนึ่ง คนคนนี้แพ้อาหารทะเลอย่างรุนแรงมาก จะต้องให้น้ำเกลือโดยเร็ว
เมื่อหมอสั่งยาให้เสร็จวรกัญญาก็วิ่งไปมาไปจ่ายเงินและรับยา
ไม่นานชลธีก็นอนให้น้ำเกลืออยู่บนเตียงวรกัญญาก็เหนื่อยจนแทบจะไม่ไหวแล้ว เธอใส่รองเท้าส้นสูงวิ่งไปมา บางครั้งก็รังเกียจว่าลิฟต์ช้าเกินไป เธอก็วิ่งแทน
ชลธีนอนอยู่บนเตียง ตาของเขาบวมจนกลายเป็นเส้นเดียวกันแล้ว แต่ว่าก็ยังสามารถเห็นวรกัญญาถอนรองเท้าส้นสูงของเธอนวดเท้า เท้าน้อยๆของเธอแดง
“เจ็บไหม?”ชลธีแยกริมฝีปากออกมาราวกับไส้กรอกพลางถามวรกัญญา
เมื่อวรกัญญาหันกลับไปเห็นท่าทีของชลธี เธอ”หัวเราะหึหึ”สักครู่แล้วจึงออกมา
“ฮ่าๆๆชลธี คุณว่าตัวคุณโง่หรือเปล่า รู้ทั้งรู้ว่าตนเองแพ้อาหารทะเล คุณยังจะกินกุ้งที่ฉันกินอีก”ในเวลานี้ความหล่อเหลาของชลธีก็เลือนหายไปจนหมดสิ้น เป็นเพียงคนที่รูปร่างหน้าตาชอบกลนอนให้น้ำเกลืออยู่บนเตียง เมื่อมองดูก็รู้สึกน่าขำขัน
“เหอะๆๆไม่ง่ายเลยที่คุณจะป้อนผม แน่นอนคุณป้อนอะไรผมผมก็ต้องกินสิ “ชลธีพูดออกมาอย่างโง่ๆ เขารู้สึกว่าแม้ว่าครั้งนี้จะต้องเข้าโรงพยาบาลก็คุ้มค่า เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าตนจะได้รับความสนใจจากวรกัญญา
“แล้วถ้าฉันป้อนยาให้คุณล่ะ?คุณก็จะกิน?”วรกัญญาถามเขาอีกประโยค
“อืม ขอเพียงแค่คุณป้อน อะไรผมก็กินทั้งนั้น”ชลธีพยักหน้าอย่างแน่วแน่ มือของเขายังคงอยากที่จะเการ่างกายของตน
วรกัญญาเหลือบมองชลธีครู่หนึ่ง คนคนนี้ปลอบสาวเก่งจริงๆ แน่นอนว่าจะต้องเป็นแบบนี้กับทุกคน ตนก็อย่าคิดจริงจังไป
วรกัญญาคว้ามือของชลธี เปิดเสื้อของเขาออก เห็นร่างกายของเขาทั้งแดงทั้งเต็มไปด้วยตุ่มขนาดใหญ่ บางที่ก็ถูกชลธีเกาจนแตกจนเลือดไหลแล้ว
“ตรงนี้ของคุณห้ามเกา เอาแบบนี้แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะช่วยคุณจัดการ”ตอนเด็กๆอักลี่ก็เคยเป็นอีสุกอีใส คันไปทั้งตัวเหมือนกันวรกัญญาใช้ปลายนิ้วค่อยๆถูเบาๆ จะช่วยบรรเทาอาการคันลงได้บ้าง
เธอก็ทำเช่นนี้กับชลธีเหมือนกัน ใช้ปลายนิ้วถูเบาๆบนร่างกายของชลธี เมื่อเห็นวรกัญญาทำเช่นนี้กับตนเอง แม้ว่าจะคันอีกเขาก็ยอม
“ยังคันอยู่ไหม?”เมื่อลูบไปอีกหนึ่งรอบวรกัญญาก็ถามชลธี
“คุณเหนื่อยแล้วใช่ไหม ไม่ต้องหรอก ผมไม่คันแล้ว”ชลธีสงสารวรกัญญา แม้ว่าการที่เธอถูเช่นนี้จะทำให้เขารู้สึกสบายเป็นอย่างมาก แม้ว่าร่างกายของเขาใหญ่ขนาดนี้ มือของวรกัญญาจะต้องเมื่อยอย่างแน่นอน
“ไม่คันแล้วจริงๆ?เป็นไปไม่ได้ ฉันรู้ว่าการแพ้อาหารทะเลจะมีอาการคันอยู่นาน แต่ว่าคุณมันก็น่าสมน้ำหน้าเหมือนกัน!”แม้ว่าปากของวรกัญญาจะบ่นให้ชลธี แต่มือของเธอก็ไม่อยู่เฉย ยังคงช่วยเขาบรรเทาอาการคันบนร่างกายของเขา
“ตอนนี้เขาจำต้องกินอาหารที่ไม่แสลง กินได้เพียงข้าวต้มขาว รอจนกระทั่งตุ้มบนร่างกายจางหายไปแล้ว ถึงจะสามารถกินอาหารอย่างอื่นได้ แต่ว่าต้องใช้เวลาหลายวัน”หมอบอกกับวรกัญญา
“อืม อืม อืม ได้ค่ะ ได้ค่ะ ฉันจำไว้แล้ว”วรกัญญานึกถึงคำพูดที่หมอกำชับตนเมื่อสักครู่ จนจำได้ทั้งหมดแล้ว
“ใช่แล้ว ช่วงนี้เขายังไม่ควรออกจากโรงพยาบาล ต้องพักที่นี่ก่อน น้ำเกลือต้องใช้เวลานานกว่าจะให้หมด รู้ทั้งรู้ว่าต้องแพ้ แล้วจะยังไปกินอาหารทะเลอีก วัยรุ่นอย่างพวกคุณนี่ก็นะ ไม่เข้าใจจริงๆเลย คุณที่เป็นภรรยาก็เหมือนกันนะ ทำไมไม่ห้ามบ้าง”หมอมองไปยังวรกัญญาพลางสั่งสอน
“อืม อืม อืม ต่อไปฉันจะระวังค่ะ ฉันจะต้องระวังอย่างแน่นอน”วรกัญญารีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว
เฮ้อ ไม่ใช่สิ เธอไม่ใช่ภรรยาของเขา หมอคนนี้เข้าใจผิดแล้ว
“คุณหมอฉันจะบอกกับคุณว่า ฉัน……”วรกัญญาต้องการบอกหมอว่าเธอไม่ใช่ภรรยาของหมูโง่ตัวนี้ แต่ว่าเธอยังไม่ทันพูดจบเลย หมอก็จากไปเสียแล้ว
“คุณยิ้มอะไร?”วรกัญญามองไปยังชลธี ที่แสยะปากยิ้มอย่างดีอกดีใจ
“ไม่มีอะไรครับ ผมก็แค่คิดว่าท่าทีของคุณเมื่อสักครู่นี้ เหมือนคนคนหนึ่ง”ชลธีพูดขึ้นกับวรกัญญา
“เหมือนคนคนหนึ่ง?ฉันเหมือนใครกันเหรอ หรือว่ายังมีคนที่หน้าตาเหมือนฉัน?”วรกัญญาช่วยชลธีลูบเพื่อบรรเทาอาการคันอีกครั้ง
เธอพบว่าการพูดคุยกับชลธีไม่ใช่เรื่องยาก ตอนนี้ทั้งสองคุยกันได้มากขึ้นเรื่อยๆ
“อืม คุณเหมือนภรรยาของผมมาก”ชลธีเผยคำพูดที่อยู่ในใจของตนออกมา
เมื่อวรกัญญาได้ยิน เธอก็รู้ว่าชลธีไม่ได้มีเจตนาที่ดี เธอจึงงเกาลงบนร่างกายของเขาอย่างแรงสองที!