2 หมื่นล้านเลยนะ!
ก่อนหน้านี้บริษัทของเขามีมูลค่าในตลาดมากที่สุดก็เพียงแต่ 1 หมื่นล้านเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว บริษัทจะสามารถขยายโครงข่ายได้มากกว่าเดิมอย่างแน่นอน และที่สำคัญก็คือ ประธานจู้ได้รับปากกับพวกเขาไว้แล้วว่าหุ้นทั้งหมดที่มีก่อนหน้านี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆแม้แต่น้อย นี่แหละคือสิ่งที่ดีที่สุด
ที่จริงประธานจู้ไม่มีเหตุจำเป็นอะไรที่ต้องทำแบบนี้ เนื่องจากพวกเขาล้มละลายไปแล้ว เงินทั้งหมดก็ถูกจู้หมิงพลานไปหมดแล้ว ต่อให้ไม่ให้พวกเขาแม้แต่บาทเดียว ก็ไม่มีใครมาว่าอะไรเธอได้
แต่จู้หลินหลินไม่ทำแบบนั้น เธอยังคงรักษาหุ้นของพวกเขาจำนวน 5 พันล้านไว้อย่างดี นี่เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมมาก
“หลังจากนี้ฉันจะทำงานกับประธานจู้เท่านั้น ต่อให้ตายก็ไม่มีวันออกจากที่นี่ไปไหน”
“ใช่ ฉันเองก็จะอยู่ที่นี่กับประธานจู้!”
“หลังจากนี้บริษัทของพวกเรามีชื่อว่าบริษัทยาเหวินเหอใช่ไหม?”
จู้หลินหลินพยักหน้า “หลังจากนี้บริษัทนี้ชื่อว่าบริษัทยาเหวินเหอ ฉันเป็นCEO จำไว้ให้ขึ้นใจ อย่าให้คนนอกเข้ามาที่นี่แม้แต่คนเดียว”
พูดจบจู้หลินหลินก็มองไปที่จู้หมิง
คนนอกที่เธอพูดถึงคือใคร นั่นมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ทุกคนที่เป็นสมาชิกของตระกูลซู
ก่อนหน้านี้บริษัทเคยเป็นของตระกูลซู ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว และทุกคนล้วนเป็นผู้นำ
แต่ตอนนี้บริษัทเป็นของจู้หลินหลินคนเดียวเท่านั้น คนอื่นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
จู้หมิงที่อยู่ข้างๆส่งสายตาที่งงงวยเข้ามา “จู้หลินหลิน เธอต้องการจะลองดีกับฉันใช่ไหม เธอไปหานักธุรกิจเมืองนอกคนนี้มาจากไหน?”
จู้หลินหลินหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น “จู้หมิง นายไม่มีสิทธิมายืนอยู่ในห้องประชุมของพวกเรา เชิญออกไปได้แล้ว”
“ใช่ ไสหัวไป!”
ผู้ชายหลานคนตะโกนขับไล่จู้หมิง จากนั้นก็จับเขาโยนลงไปที่บันได
จู้หมิงตะโกนออกมาเสียงดัง “ทำอะไรของพวกแก ฉันคือประธานจู้ของพวกแกนะ แม่งเอ้ย กล้าดีอย่างไรมาลงมือกับฉัน!”
หลังจากที่จู้หมิงถูกจับโยนออกไป ทุกคนก็ยุ่งอยู่กับการวางแผนไหมของบริษัทยาเหวินเหอ จะทำอย่างไรให้เข้าสู่ตลาดได้เร็วที่สุด
ก่อนหน้านี้มีคนของตระกูลจู้มาคอยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเงินจึงทำให้เกิดปัญญาอยู่เสมอ แต่ตอนนี้ไม่ต้องไปกังวลเรื่องนั้นแล้ว เพราะว่ามี่คนอย่างเหล่าปูเฟิงที่มาจากอิรักมาเป็นนักลงทุนให้ จึงทำให้บริษัทมีความน่าเชื่อถือทางการเงินมากขึ้น
จู้หมิงกลับมาที่บ้านของเขา เมื่อเห็นแม่ของเขา เขาก็ตกใจมาก
“แม่ หน้าของแม่เป็นอะไร?”
แม่ของเขามองมาที่เขา “ไม่มีอะไร เรื่องที่บริษัทเป็นอย่างไรบ้าง?”
ใบหน้าของจู้หมิงแข็งทื่อ จากนั้นเขาก็คุกเข่าและพูดออกมาว่า “แม่ ฉันขอโทษ ตอนนี้ไม่มี…บริษัทแล้ว!”
แม่ของเขาเกือบจะเป็นลมในทันที
“ลูกพูดอะไรออกมา! มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
จู้หมิงพูดเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นออกไป เมื่อแม่ของเขาได้ยินสีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
“จู้หลินหลินคนนี้ มีคนช่วยเหลือที่แข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่เธอ! แต่เป็นฉินจุนคนนั้น!”
ในตอนนั้นแม่ของเขาก็ปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้ทันที จะต้องเป็นฉินจุนแน่ๆที่เป็นคนทำทุกอย่างให้เธอ
จู้หลินหลินขมวดคิ้ว “ฉินจุนเขาสุดยอดขนาดนั้นเลยเหรอ?”
แม่ของเขายิ้มออกมา “เมื่อก่อนตระกูลฉินเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลเป็นอย่างมาก ความลึกลับของพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่พวกเราสามารถจินตนาการได้ เจ้าฉินจุนคนนี้อาจจะมีอะไรซ่อนอยู่อีกมากมาย”
“ไม่ได้ บริษัทนี้ฉันเป็นคนสร้างมันมาเองกับมือ จะให้ฉันมานั่งดูความสำเร็จของพวกมันอย่างนี้เหรอ? ตามฉันมา ฉันไม่เชื่อว่าพนักงานเหล่านั้นจะไปฟังคำพูดบ้าๆของเธอ!”
แม่ของเขาไม่เชื่อว่าพนักงานทั้งหมดที่เธอทำงานร่วมกับเธอมาหลายปีจะเปลี่ยนใจไปง่ายขนาดนี้ และกลับกลายไปเป็นลูกน้องของจู้หลินหลินโดยสนิทใจเพียงไม่กี่วัน?
จู้หมิงไม่มีทางเลือก เขาขับรถพาแม่ของเขาไปที่โรงพยาบาล ในใจของเขาแอบคิดว่า แม่ของเขาเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในบริษัท อย่างน้อยๆก็ต้องให้เกียรติเธอบ้าง
เมื่อมาถึงหน้าประตูบริษัท รปภ.ก็ออกมาขวางทางพวกเขาไว้
“ขอโทษครับ ไม่ทราบว่านัดใครเอาไว้หรือเปล่า”
จู้หมิงเบิกตากว้าง “นายตาบอดหรืออย่างไง! นี่คือคุณผู้หญิงนะ นายไม่รู้จักหรือไง?!”
แน่นอนว่า รปภ. จะต้องรู้จัก จู้หมิงเองเขาก็รู้จัก คุณผู้หญิงเองเขาก็รู้จัก แต่ว่าเมื่อสักครู่จู้หลินหลินเพิ่งจะสั่งลงมาว่า ห้ามให้คนแปลกหน้าเข้าไปเป็นอันขาด โดยเฉพาะคนของตระกูลจู้ ตอนนี้พวกเขาไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับบริษัทแล้ว และก็ไม่ต่างอะไรจากคนแปลกหน้า
รปภ. พูดออกมาว่า “ประธานจู้สั่งไว้ว่า ถ้าหากไม่ได้นัดเอาไว้ล่วงหน้า ห้ามเข้าไปเด็ดขาด ทั้งสองท่านเชิญกลับ”
สีหน้าของคุณผู้หญิงแดงขึ้นมาทันที เธอโกรธมาก มือของเธอที่กำไม้เท้าอยู่ซีดลงไปทันที
“เจ้าบ้า! ขนาดฉันนายยังไม่ให้เข้า? ให้จู้หลินหลินออกมาพบฉันเดี๋ยวนี้!”
เมื่อเห็นคุณผู้หญิงกำลังโกรธ เขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็โทรไปหาด้านในของบริษัท
“ฮัลโหล ประธานจู้ คุณผู้หญิงมารออยู่ที่หน้าประตู เธออยากจะเข้าไป”
จู้หลินหลินยิ้มและพูดออกมาว่า “ถ้าไม่ได้นัดเอาไว้ ก็ห้ามเข้า ฉันบอกไปแล้วว่าคนแปลกหน้าข้ามเข้ามาเด็ดขาด”
“ครับ ท่านประธาน!”
เมื่อมีคำสั่งกำชับออกมาอีกครั้ง รปภ.เองก็มีความกล้ามากขึ้น เขากลับมาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมและพูดออกมาว่า
“ประธานจู้บอกว่า คนแปลกหน้าห้ามเข้า ดังนั้นเชิญพวกคุณออกไปได้แล้ว!”
สีหน้าของคุณผู้หญิงน่าเกลียดเป็นอย่างมาก เธออ้าปากค้างและทำให้ความโกรธสงบลง
“ไอ้บ้า! ไอ้บ้า!”
คุณผู้หญิงหยิบโทรศัพท์ออกมา จากนั้นก็โทรไปหาคนสนิทของเธอ
“เสี่ยวหวาง! ตอนนี้ฉันอยู่ที่ด้านหน้าของบริษัท พวกเขาไม่ให้ฉันเข้าไป เธอออกมารับฉันหน่อยสิ!”
“คุณผู้หญิง ต้องขอโทษด้วย ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากจะออกไปรับคุณ แต่บริษัทนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคุณแล้ว พวกคุณไม่สามารถเข้ามาได้”
“อะไรนะ! นี่มันเป็นบริษัทของฉัน มันจะไม่เกี่ยวข้องกับฉันได้อย่างไร?! เธอพูดอะไรออกมา!”
“ฮ่าฮ่า คุณผู้หญิง คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? บริษัทยาตระกูลจู้ของคุณล้มละลายไปแล้ว และบริษัทของคุณถูกธนาคารยึดไป ตอนนี้พวกเรากำลังสร้างบริษัทขึ้นมาใหม่พร้อมกับประธานจู้ ตอนนี้ไม่ว่าจะมาอธิบายให้ฟัง ฉันขอตัวไปทำงานก่อน”
จากนั้นสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป
คุณผู้หญิงยืนงง เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนท่านิทกับเธอ คนที่เธอไว้ใจจะทำกับเธอแบบนี้
เธอยืนนิ่งอยู่ที่ด้านหน้าของบริษัทประมาณครึ่งชั่วโมง
ตอนนี้พนักงานกำลัง ทานข้าว ทำงาน เข้าๆออกๆด้วยความวุ่นวาย
เมื่อเห็นสองคนนี้ ก็ทำเหมือนกับว่ามองไม่เห็นอะไร ลืมภาพที่เคยเกิดขึ้นเมื่อก่อนไปได้เลย! คนพวกนี้ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาแล้ว
ความรู้สึกนี้ทำให้หญิงชราท้อแท้ นี่บริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอแล้วจริงๆเหรอ?
บริษัทยาตระกูลจู้ถึงคราวจบสิ้นแล้วจริงๆ
หลังจากนี้ตงไห่ไม่มีบริษัทยาตระกูลจู้แล้ว ตอนนี้มีแค่บริษัทยาเหวินเหอที่เป็นของจู้หลินหลินแต่เพียงผู้เดียว
……
หลังจากที่จัดการเรื่องของจู้หลินหลินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉินจุนก็เดินทางมากที่ถนนแพทย์แผนจีน ในตอนนั้นถนนแพทย์แผนจีนถูกรายล้อมไปด้วยผู้คน เขาใช้ความคล่องแคล่วของเขาในการแทรกเข้าไปในฝูงชน จากนั้นเขาก็เห็นเจิ้งผิงหลงกำลังถือไม้เท้าปกป้องเย่หวันเอ๋อกับข่งฝานหลินอยู่
ทั้งสามคนยืนอยู่หน้าประตูของคลินิกซวนหยวน และด้านในก็มีสภาพพังยับเยิน