ได้เกิดมาเป็นลูกหลานของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ก็ถือว่าเป็นบุญจริงๆ โดยเฉพาะเกิดมาเป็นคุณหนูในตระกูลที่ร่ำรวย นั่นจะยิ่งทำให้คนอิจฉากันนับไม่ถ้วน
คนส่วนใหญ่คิดอยู่ในหัวเสมอว่าอยากเข้าไปเกี่ยวดองกับตระกูลร่ำรวย และไม่มีใครที่ไม่อยากจาะตระกูลร่ำรวยเหล่านั้นไป
จู้หลินหลินยิ้มและพูดออกมาว่า “ฉันไม่มีทางเสียใจ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จู้หลินหลินออกไปจากบ้านตระกูลจู้ แต่การกักบริเวณเธอในครั้งนี้เป็นการทำร้ายจิตใจเธออย่างมาก
เธอไม่มีวันกลับมาที่ตระกูลจู้อีกแล้ว
ฉินจุนพาจู้หลินหลินออกมา ทั้งสองคนเดินทางไปที่ตระกูลจู้กรุ๊ป ซึ่งเป็นตึกธุรกิจที่หรูหราที่สุดในตงไห่
ตอนที่มาถึงหน้าประตู รปภ.มองเห็นจู้หลินหลินเดินเข้ามา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบเข้ามากล่าวทักทายทันที
“ประธานจู้!”
หลังจากที่จู้หลินหลินขึ้นลิฟต์ไป รปภ.ก็รีบหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาทันที
“ท่านประธานจู้ จู้หลินหลินมาที่นี่!”
ในตอนนั้นจู้หมิงกำลังประชุมอยู่ที่ห้องประชุมใหญ่ หลังจากที่ผ่านการประชุมมาหลายวันสมองของเขาเหนื่อยล้า รวมกับแรงกดดันต่างๆ แต่ตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้นแล้ว จู้หมิงกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โกงหุ้นของจู้หลินหลินทั้งหมด รวมถึงบริษัทยาเหวินเหอ
เมื่อได้ยินคำพูดของ รปภ. จู้หมิงก้หัวเราะออกมา
มาแล้วจะทำไม ทุกอย่างตกลงกันเรียบร้อยแล้ว!
ประตูถูกเปิดออก จู้หลินหลินเดินเข้ามา สีหน้าของทุกคนแปลกไปเล็กน้อย
จู้หมิงยิ้มและพูดออกมา “จู้หลินหลิน เธอมาที่นี่ทำไม ตอนนี้เธอเป็นแค่พนักงานธรรมดาของบริษัทเราแล้ว เธอไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งนี้”
จู้หลินหลินหรี่ตาลง พูดออกมาอย่างเยือกเย็นว่า “คุณลุงจะหน้าไม่อายไปหน่อยเหรอ ลุงจะเอาหุ้นของลุงออกไปฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่หุ้นของฉันในบริษัทยาเหวินเหอ ลุกยังกล้ามายุ่ง?”
จู้หมิงหัวเราะออกมา “บริษัทยาเหวินเหออะไร บริษัททั้งสามของพวกเรามันเป็นหนึ่งเดียวกันตั้งแต่แรกแล้ว มันไปเป็นบริษัทของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่? ตอนนี้มีแค่บริษัทยาตระกูลจู้เท่านั้น และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ก็คือฉัน จู้หมิง! และตัวเธอเองก็เป็นแค่พนักงานตัวเล็กๆ และตอนนี้ฉันใช้อำนาจของฉันในการไล่เธอออกไปจากห้องประชุมนี้!”
“นี่….” ใบหน้าของจู้หลินหลินเต็มไปด้วยความโกรธ คนคนนี้ไรยางอายเสียจริง!
ในตอนนั้นฉินจุนก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม พร้อมพูดออกมาอย่างเยาะเย้ยว่า
“ช่างเป็นคนที่มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่เสียจริง”
เมื่อเห็นฉินจุนปรากฎตัวออกมา สีหน้าของจู้หมิงเปลี่ยนไปทันที เขามองมาที่ฉินจุนและถอยหลังกลับไปสองสามก้าว
คนอื่นๆไม่ได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้น แต่จู้หมิงรู้อยู่แก่ใจ ฉินจุนไม่ได้ตายไปแล้วเหรอ?
ตระกูลซูกับตระกูลหัวใช้กำลังไปตั้งมากมายขนาดนั้น ใช้กำไรในสิบปีข้างหน้าเพื่อจ้างสุดยอกนักฆ่าจำนวน 20 คนมาจัดการกับฉินจุน แต่ทำไมฉินจุนยังไม่ตาย? เขาเป็นอมตะหรือยังไง?
เมื่อเห็นสีหน้าของจู้หมิงขาวซีด ฉินจุนจึงหัวเราะและพูดออกมาอย่างเยือกเย็นว่า “ทำไม แปลกใจมากเหรอว่าทำไมฉันถึงยังมีชีวิตอยู่? คิดว่าจ้างคนพวกนั้นมาจัดการกับฉันแล้วนายก็มานั่งสบายใจอยู่แบบนี้นะเหรอ?”
ใบหน้าของจู้หมิงแข็งทื่อ พูดอะไรติดๆขัดๆ
“นายพูดอะไรออกมา นั่นมันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน?”
จู้หมิงแสร้งทำเป็นสงบ “นี่คือการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของเรา นายเป็นคนนอก ไม่ทราบว่าเข้ามาในฐานะอะไร?”
ฉินจุนยิ้มและพูดออกมาว่า “มีดูอะไรสนุกๆ”
“เอ๋? สนุกที่ว่ามันคืออะไร?” จู้หมิงขมวดคิ้วและถามออกมา
หลังจากที่เสียงของเขาเงียบลง จู่ๆก็มีคนผลักประตูเข้ามา เขาเข้ามาในชุดของนายธนาคาร
“ผู้จัดการซุน คุณมาได้อย่างไร?”
ผู้จัดการซุน ตอบกลับมาว่า “ท่านประธานจู้ เอกสารการกู้ยืมเงินของคุณมีสิ่งที่ไม่ถูกต้องอยู่มาก ดังนั้นฉันจึงปฏิเสธการกู้ยืม และกรุณาคืนเงินที่กู้ไปทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง มิฉะนั้นบริษัทของคุณจะถูกบังคับซื้อทันที”
สีหน้าของจู้หมิงขาวซีดไปทันที
“อะไรนะ! ผู้จัดการซุน คุณหมายความว่าอย่างไร? ทำไมเอกสารการกู้เงินของฉันถึงไม่ผ่าน?”
ผู้จัดการซุน พูดออกมาว่า “คุณยังไม่ได้ไม่รับข้อมูลมาใช่ไหม ตอนนี้ซวนหยวนกรุ๊ปต้องการฟ้องร้องคุณเนื่องจากบริษัทของคุณละเมิดสัญญา ตอนนี้พวกคุณติดหนี้ซวนหยวนกรุ๊ป 5 พันล้าน แน่นอนว่าคุณไม่มีสิทธิที่จะมากู้เงินได้ และถือเป็นการละเมิดสัญญาเช่นกัน”
ดวงตาของจู้หมิงเบิกกว้าง “นี่มันเป็นไปไม่ได้! ซวนหยวนกรุ๊ปล้มละลายไปแล้ว!”
ตอนแรกทุกอย่างมันก็เข้าข้างจู้หมิง ซวนหยวนกรุ๊ปล้มละลายไปเมื่อไม่กี่วันก่อนก็จริง จึงให้เงินพวกเขามา 5 พันล้าน เงิน 5 พันล้านนี้เขาคิดว่าคงจะไม่ต้องคืน มันจึงเป็นโชคของจู้หมิง
ผู้จัดการซุน หัวเราะออกมา “ซวนหยวนกรุ๊ปกลับมาแล้ว และพวกเขาจะล้มหรือไม่ล้มละลายไม่ใช่สิ่งที่นายพูดแล้วมันจะเป็นแบบนั้น”
จู้หมิงส่ายหัวอย่างแรง เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดโทรออก และเมื่อเขารับรู้ข้อมูลของซวนหยวนกรุ๊ป สุดท้ายหวังหรุ่ยที่มาจากซวนหยวนกรุ๊ปก็พาเลขานุการเข้ามาด้วยสองคน
“จู้หมิง นี่คือจดหมายของทนานของพวกเรา”
หวังหรุ่ยหยิบเอกสารออกมา จากนั้นก็โยนไปตรงหน้าของจู้หมิง พูดออกมาอย่างเยือกเย็น
“5 พันล้าน ภายในสามวัน ไม่อย่างนั้นเราเจอกันในศาล”
พูดจบหวังหรุ่ยก็เดินออกไปทันที ที่บริษัทของเธอยังมีงานที่ยังไม่ได้ทำอีกมากมาย ดังนั้นเธอจึงกลับไปที่ทำงานโดยไม่ได้สังเกตเห็นฉินจุนที่ยืนดูอยู่ด้านหลัง
ผู้จัดการซุน กล่าวด้วยท่าทางขี้เล่นบนใบหน้าของเขา
“ประธานจู้ ได้ยินแล้วใช่ไหม พวกคุณไม่มีสิทธิกู้เงินตั้งแต่แรกแล้ว ฉันให้เวลาคุณ 24 ชั่วโมง ถ้าภายใน 24 ชั่วโมงนี้คุณไม่สามารถหาเงินมาคืนฉันได้ บริษัทของคุณจะล้มละลายในทันที”
ผู้จัดการซุน ยื่นเอกสารมาวางไว้ตรงหน้าของจู้หมิง จากนั้นเขาก็เดินหันกลับไป
เมื่อเห็นเอกสารที่วางอยู่ตรงหน้า สีหน้าของจู้หมิงก็น่าเกลียดทันที
วันคืนที่ดีเพิ่งจะผ่านไปไม่กี่วัน เขาคิดว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดี อำนาจทุกอย่างจะมาตกเป็นของเขา และบริษัททั้งสามก็จะตกมาเป็นของเขา
แต่ตอนนี้ทั้งหมดมันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด
สายตาของผู้ถือหุ้นแต่ละคนที่มองมาที่จู้หมิงเต็มไปด้วยความสับสน เขาคือหัวหน้าคนใหม่ของพวกเราไม่ใช่เหรอ? เพิ่งจะขึ้นมาได้แค่วันเดียว แต่บริษัทล้มละลายเสียแล้ว?
จู้หมิงกัดฟันแน่น และจ้องไปที่จู้หลินหลินด้วยความโกรธแค้น
“เธอจะเอาฉันให้ตายเลยหรือไง?”
จู้หลินหลินหัวเราะและตอบไปว่า “นี่มันเป็นความผิดของคุณ”
จู้หมิงกัดฟัน “ต้องทำอย่างไรเธอถึงจะปล่อยฉันไป?”
จู้หลินหลินตอบกลับไปว่า “ลุงเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้น ฉันไม่ใช่คนของตระกูลจู้แล้ว บริษัทนี้ฉันเองก็ไม่ต้องการ ขอแค่ฉันมีความสุขมันจะเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
จู้หมิงตกใจ ตอนแรกเขาคิดว่าจู้หลินหลินจะใช้โอกาสนี้ในการแย่งทั้งหมดไปจากเขา ไม่ก็ต้องการหุ้นหรืออะไรบางอย่าง แต่คิดไม่ถึงจริงๆว่าเขาไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้น
“เธอหมายความว่าอย่างไร เธอต้องการเห็นบริษัทนี้ล้มละลาย?”
ฉินจุนหัวเราะ “เมื่อกี้ไม่ได้พูดไปแล้วหรอกเหรอ พวกเราก็แค่มาดูฉากสนุกๆเท่านั้น”
ดวงตาของจู้หมิงเบิกกว้าง เขารู้สึกไม่เชื่อเล็กน้อย
“จู้หลินหลิน บริษัทนี้เกิดขึ้นด้วยน้ำพักน้ำแรงของเธอเหมือนกัน! แต่ตอนนี้มันกำลังจะถูกปิดลง ถังเสินหมายเลขสองของเธอก็จะหายไป!”
ฉินจุนพูดออกมาว่า “มันก็แค่ถงเสินหมายเลขสองอันเดียวเอง ซึ่งมันเป็นตัวอย่างที่ฉันเขียนให้หลินหลิน ถ้าหากต้องการอีกจริงๆ ฉันสามารถเขียนให้เธอเป็นร้อยๆแบบก็ยังได้!”