เสน่ห์คมดาบ – ตอนที่ 53

ทุกคนมองไปที่ร่างใหญ่ของมังกรดำอย่างตกตะลึง ร่างกายของมังกรเป็นสีดำสนิทและเกล็ดสีดำของมันส่องประกายภายใต้แสงอาทิตย์ ในฐานะนักรบ ทั้งจินเหยียนและสุ่ยเหวินโม่ต่างคิดว่าหากใช้เกล็ดของมันมาทำเป็นชุดเกราะแล้วคงจะยอดเยี่ยมไม่น้อย ด้านหลังของมังกรมีปีกขนาดใหญ่สองคู่และหัวทั้งสามของมันก็แสดงท่าทีดุร้าย  

 

 

“พวกเจ้ามนุษย์ต่ำต้อย พวกเจ้าจงตายให้หมด” มังกรดำตัวใหญ่คำรามอย่างโกรธเกรี้ยวทำให้ใบไม้บนต้นสั่นไหวเล็กน้อย  

 

 

“เจ้าปัญญาอ่อนหรือ? เจ้าเรียกให้พวกเราเข้าไป แล้วเราก็ต้องเข้าไปงั้นหรือ แบบนั้นมันเกินไปนะ” ซัมเมอร์พูดอย่างเย็นชาและทำหน้าตายใส่มังกร  

 

 

“เจ้ามนุษย์ต่ำต้อย ข้าอยากจะทุบพวกเจ้าให้แหลกเป็นชิ้นๆ เลย! ” มังกรคำรามและขยับร่างอันใหญ่โต แต่มันก็ไม่สามารถออกไปจากตรงนั้นได้  

 

 

คลิฟมองมังกรแล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย  

 

 

“เจ้าชายของเผ่าพันธุ์มังกร มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? เขาถูกจองจำอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” คลิฟพึมพำกับตัวเอง  

 

 

“อะไรนะ? นี่เป็นเจ้าชายงั้นหรือ?” ซัมเมอร์แสยะยิ้มอย่างเย็นชาและมังกรที่ถูกขังอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายเช่นนี้  

 

 

แคลร์ขมวดคิ้วมองมังกรดำที่กำลังโกรธ แต่ในใจกลับคิดถึงเรื่องอื่น  

 

 

“ว้าว เป็นถึงเจ้าชายแต่มีนิสัยเช่นนี้น่ะหรือ? ” สุ่ยเหวินโม่พูดออกมา ทั้งหยาบคาย ทั้งน่าเกลียด มังกรตัวนี้เป็นเจ้าชายของเผ่าพันธุ์มังกรงั้นหรือ? พอเห็นคนมาก็โจมตีเลยน่ะหรือ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือเจ้าชายแห่งเผ่าพันธุ์มังกร สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้ คือเขาอยากฆ่ามังกรตัวนี้แล้วลอกเกล็ดออกมาทำชุดเกราะ เสื้อเกราะ ถุงมือ สนับเข่า โอ้ คิดแล้วน้ำลายจะไหล หากเอาไปแช่ในเลือดมังกรอีก อุปกรณ์เหล่านี้ก็จะยิ่งแกร่งขึ้นไปอีก  

 

 

เจ้าชายแห่งเผ่าพันธุ์มังกรมาถูกขังอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?  

 

 

จิตที่ภาคภูมิใจในตัวเองของมังกรนั้นแข็งแกร่งมาก สิ่งที่พวกเขาเกลียดที่สุดก็คือมังกรดินและมังกรเลือดผสม มังกรเหล่านั้นยอมลดระดับเหลือเพียงสัตว์ที่เป็นยานพาหนะของมนุษย์ พวกมันสูญเสียศักดิ์ศรีของมังกร ในฐานะเจ้าชายแห่งเผ่ามังกร ความภาคภูมิใจในตัวเองของเขายิ่งต้องแข็งแกร่งกว่าที่ทุกคนคิดอย่างแน่นอน  

 

 

แต่ตอนนี้เขากลับมาถูกกักขังอยู่ในหุบเขาเล็กๆ แห่งนี้  

 

 

เจ้าชายเผ่ามังกร!  

 

 

เจ้าชายเผ่ามังกร!  

 

 

นี่คือเจ้าชายเผ่ามังกรเลยนะ!  

 

 

คำพูดเหล่านี้ยังคงก้องอยู่ในใจของแคลร์  

 

 

ชายผู้นี้เป็นสิ่งล้ำค่าที่ไม่ธรรมดาแน่  

 

 

ลองคิดดูว่าหากมนุษย์ได้รับความช่วยเหลือจากมังกรล่ะ…  

 

 

ความภาคภูมิใจในตนเองของชายผู้นี้ดูเหมือนจะแข็งแกร่งมาก หากมีบุญคุณต่อเขา เขาจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตอบแทนบุญคุณนั้นแน่ๆ  

 

 

แน่นอนว่าต้องมีเงื่อนไข  

 

 

เมื่อดูจากนิสัยของมังกรตัวนี้แล้ว หากช่วยเขาได้ เขาคงจะกินทุกคนที่นี่ไม่เหลือแม้แต่ซากแน่ๆ  

 

 

“หมอนี่อยู่ภายใต้การควบคุมที่ทรงพลังมาก พลังถูกลดเหลือน้อยกว่าหนึ่งในสิบของพลังที่แท้จริง เราจึงสามารถยับยั้งพลังที่เขาปล่อยออกมาจากลูกบอลธาตุเหล่านั้นได้” คลิฟมองไปที่โซ่แสงที่ล่ามมังกรดำไว้ เขาส่ายหัวแล้วพูด “พลังของลูกบอลแสงเหล่านั้นสามารถอยู่ได้อย่างน้อยสองร้อยปี”  

 

 

“เช่นนั้นก็แสดงว่าเขาจะถูกขังอยู่ที่นี่เป็นเวลาสองร้อยปีงั้นหรือ?” แคลร์มองมังกรดำที่คำรามอยู่ในระยะไกล เสียงที่พูดนั้นไม่ได้ดังหรือเบาเกินไป แต่ระดับเสียงนั้นถูกควบคุมเพื่อให้มังกรดำได้ยินพอดี  

 

 

“เขาคงทำสิ่งผิดจึงถูกลงโทษกักขังอยู่ที่นี่” เฟิงอี้เซวียนพูดพร้อมกับลูบคางของเขา  

 

 

“เจ้าพวกบ้า! ข้าถูกใส่ร้ายต่างหาก! หุบปากของพวกเจ้าไปซะ พวกเจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน! ” มังกรดำคำรามด้วยความโกรธแค้นมากขึ้นเมื่อเขาได้ยินการสนทนานั้น  

 

 

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็โง่จริงๆ จึงได้ถูกคนอื่นใส่ร้ายได้” แคลร์พูดอย่างดูถูกเหยียดหยาม  

 

 

“นั่นสิ โง่มาก! เจ้าโง่! ” ซัมเมอร์ทำหน้าดุใส่มังกรดำ  

 

 

มังกรดำโกรธมากจึงยิ่งคำรามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต “ข้าจะจัดการพวกเจ้าให้แหลกละเอียดไปเลย”  

 

 

“เจ้าพูดเช่นนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว! ข้าก็ยังคงยืนสบายๆ อยู่ตรงนี้นี่ไง” ซัมเมอร์ยิ้มอย่างมีชัย  

 

 

มังกรดำกำลังจะบ้าคลั่ง ดวงตาของเขาลุกเป็นไฟ ไอ้มนุษย์ต่ำต้อย! กล้าทำกิริยาเช่นนี้ต่อหน้าเขา เจ้าพวกต่ำต้อย! มังกรดำอยากเป็นอิสระ แต่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้สิ่งที่กักขังเขาอยู่สั่นคลอนได้เลย  

 

 

“เจ้าชายมังกรที่ถูกใส่ร้าย ต้องใช้เวลาสองร้อยปีในหุบเขามืดมิดแห่งนี้อย่างน่าเศร้า จากนั้นก็รอจนกว่าจะถึงเวลานั้น แล้วค่อยไปที่เส้นเลือดมังกรซึ่งเป็นถิ่นของมังกร เพื่อไปพบว่ามังกรที่ใส่ร้ายเขาได้นั่งบัลลังก์ของราชาแล้ว อีกทั้งมังกรผู้นั้นก็คงจะมีอำนาจที่จะสั่งฆ่าเขาได้อย่างง่ายดายเลยด้วย” แคลร์ยักไหล่และพูดอย่างเฉยเมย  

 

 

“ช่างเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสมาก” เฟิงอี้เซวียนถอนหายใจ  

 

 

ใบหน้าของทุกคนก็ดูเศร้ามากเช่นกัน  

 

 

วัลโดกำลังหัวเราะอย่างหนัก  

 

 

แคลร์คนร้ายกาจ เจ้ามีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น! พวกคนร้ายกาจกลุ่มนี้ ทุกคนต่างแสดงสีหน้าเศร้าหมองกัน แต่ดวงตาของทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ไม่สามารถปกปิดได้เลย  

 

 

“ไอ้พวกมนุษย์ พวกเจ้าสมควรตาย ข้าจะฆ่าพวกเจ้า” มังกรดำสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดก็ยิ่งคลุ้มคลั่งมากขึ้น เขาคำรามอย่างสุดชีวิต หัวทั้งสามของเขาพ่นเวทมนตร์ทั้งสามธาตุออกมาเพื่อโจมตีไปทางพื้นที่ตรงหน้า แต่เขาโจมตีได้แค่ในระยะที่กำหนดเท่านั้น  

 

 

“เจ้าชายผู้สูงศักดิ์แห่งเผ่าพันธุ์มังกรไม่ควรถูกขังอยู่ในที่มืดแห่งนี้เป็นเวลาสองร้อยปี ไม่สิ ไม่ควรแม้แต่สองวันเลยด้วยซ้ำ” จู่ๆ แคลร์ก็หันกลับไปมองมังกรดำแล้วพูดอย่างเคร่งขรึม  

 

 

มังกรดำเงียบลงทันที  

 

 

“คงอึดอัดมากที่ต้องติดอยู่ในสถานที่เช่นนี้ คงจะอารมณ์ไม่ดีอย่างแน่นอน แม้แต่สัตว์เวทย์ระดับต่ำก็สามารถมาเฝ้ามองเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ในระยะใกล้ได้ ไม่ต้องพูดถึงมนุษย์เลย” เฟิงอี้เซวียนพูดพร้อมกับถอนหายใจ เฟิงอี้เซวียนที่ใช้ชีวิตอยู่กับแคลร์ในช่วงหลายวันมานี้ได้เรียนรู้และเข้าใจถึงความคิดของแคลร์อย่างลึกซึ้งแล้ว ทุกครั้งที่แคลร์มีท่าทีเช่นนี้ก็คือนางมีแผนแล้ว สิ่งที่เขาต้องทำก็คือเล่นไปตามน้ำหรือเติมฟืนให้ไฟโหมยิ่งขึ้นอีก  

 

 

“อืม ใช่ สองร้อยปีนะ ไม่ใช่สองวัน ไม่ใช่สองเดือน ไม่ใช่สองปีนะ” ซัมเมอร์รีบพูดเพื่อโหมเปลวไฟอย่างรวดเร็ว  

 

 

มังกรดำเงียบ  

 

 

หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดดวงตาของมังกรดำก็ไม่มีความโกรธอีกต่อไปและพูดด้วยเสียงต่ำ “พวกเจ้าต้องการอะไร? “  

 

 

มุมปากของแคลร์ยกขึ้นเล็กน้อย  

 

 

“ฟันของเจ้าหนึ่งซี่และคำขอสามประการ ทำตามคำขอของข้าสามประการภายใต้เงื่อนไขที่เจ้าสามารถทำได้” แคลร์พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม  

 

 

“มนุษย์ เจ้าช่างโลภนัก หนึ่งข้อก็พอ” มังกรดำกล่าวด้วยความเย็นชา  

 

 

“สองข้อ” แคลร์ขมวดคิ้วและพูดอย่างลำบากใจ “น้อยไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ถูกขังสองร้อยปีกับคำขอเพียงสองข้อและฟันซี่เดียวเท่านั้นเอง” ในตอนแรกแคลร์ไม่คิดว่ามังกรดำจะใจกว้าง จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่นางจะเสนอให้สูงไว้ก่อนแล้วค่อยลดลงในภายหลัง หากได้มากกว่าที่นางตั้งใจไว้หนึ่งข้อก็ถือว่ากำไรแล้ว  

 

 

“ตกลง เจ้ามนุษย์ เจ้ามีวิธีคลายการคุมขังนี้หรือไม่? ” มังกรดำถามด้วยเสียงต่ำ  

 

 

“ไม่มี” แคลร์ตอบเรียบๆ พร้อมกับยักไหล่  

 

 

เมื่อเสียงเงียบลง มังกรดำก็คำรามด้วยความโกรธ “เจ้ามนุษย์ต่ำต้อย เจ้ากล้าหลอกข้า ข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้! “  

 

 

มังกรดำคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ปีกขนาดใหญ่ทั้งสองก็กระพือจนเกิดลมกระโชกแรง แม้ว่าเขาอยากจะฉีกร่างที่อยู่ตรงหน้าของเขามาก แต่เขาก็ยังไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้  

 

 

“ดูเจ้าสิ บ้าบิ่นและหุนหันพลันแล่น ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะถูกใส่ร้าย” แคลร์พูดช้าๆ “ข้าบอกว่าข้าแก้ไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นในกลุ่มของเราจะทำไม่ได้”  

 

 

มังกรดำหยุดการเคลื่อนไหวและจ้องแคลร์  

 

 

บรรยากาศแปลกประหลาด  

 

 

วัลโดกระตุกเล็กน้อย ปีศาจน้อยตัวนี้จะร้ายได้ยิ่งกว่านี้อีกหรือไม่?  

 

 

ซัมเมอร์ไม่สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป นางเริ่มคุ้นเคยกับความร้ายกาจของแคลร์แล้ว ตอนนี้นางไม่รู้สึกเกลียดแคลร์เหมือนเมื่อก่อน ดูเหมือนนางจะรู้สึกสนุกดีทีเดียว  

 

 

“มนุษย์ เจ้าเล่ห์มาก เจ้าชื่ออะไร?” มังกรดำประหลาดใจแต่ก็ไม่ได้โกรธ เขาถามด้วยเสียงต่ำ  

 

 

“แคลร์ ฮิลล์” แคลร์ตอบ แต่ในใจนางรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ชายผู้นี้ไม่โกรธที่นางหลอกเขาหรือ? แปลกมาก ผิดปกติมาก  

 

 

“แคลร์ ข้าตอบรับคำขอของเจ้า แต่ข้ามีเงื่อนไขหนึ่งข้อ” มังกรดำพูดเสียงดังก้องราวกับฟ้าร้อง  

 

 

ต่อรองงั้นหรือ? มังกรดำนี่ไร้ยางอายถึงขนาดนี้เลยหรือ?  

 

 

“ตกลงรับเงื่อนไขของข้าแล้วข้อตกลงของเราจะเสร็จสมบูรณ์” มังกรดำพูด  

 

 

“เจ้าบอกมาก่อน ข้าจะพิจารณา” แน่นอนว่าแคลร์จะไม่ผลีผลามตกลงอะไร  

 

 

“เจ้าต้องให้ข้าติดตามเจ้า ข้าต้องการเรียนรู้จากความอัปยศที่น่ารังเกียจและเล่ห์เหลี่ยมของมนุษย์ เจ้าเป็นคนที่ควรค่าแก่การเรียนรู้มาก” มังกรดำพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าต้องการเอาสิ่งที่เป็นของข้ากลับคืนมา บางทีที่เจ้าพูดอาจจะถูก ข้าหุนหันพลันแล่นเกินไป นั่นคือเหตุผลที่ข้าถูกใส่ร้าย ข้าต้องการเรียนรู้จากเจ้า แล้วกลับไปจัดการกับผู้ที่ใส่ร้ายข้า”  

 

 

หลังจากได้ยินสิ่งที่มังกรดำพูด แคลร์ก็ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรเลย นี่เป็นการชมเชยหรือด่านางกันแน่?  

 

 

เหล่าคนที่อยู่ด้านหลังแคลร์ทนไม่ได้อีกต่อไป พวกเขาหัวเราะตัวโยน คลิฟเองก็หัวเราะ ซัมเมอร์กุมท้องแล้วหัวเราะ สุ่ยเหวินโม่ก็ยิ่งหัวเราะหนักเลย เขานั่งยองๆ ตบพื้นแรงๆ เสียงหัวเราะดังมาก มีเพียงจินเหยียนและเฟิงอี้เซวียนเท่านั้นที่กลั้นยิ้มไม่ได้แสดงออกมากเกินไป  

 

 

“ได้ แต่เราต้องสร้างสัญญาสามประการกันก่อน ประการแรกเจ้าไม่สามารถกลับคืนร่างเดิมของเจ้าตามอำเภอใจได้ หากข้าไม่อนุญาต ประการที่สองเจ้าต้องควบคุมอารมณ์ที่หุนหันพลันแล่นให้ได้ การจะทำร้ายมนุษย์จะต้องได้รับความยินยอมจากข้าก่อน ประการที่สามตอนนี้ยังคิดไม่ออก เอาไว้ค่อยบอกแล้วกัน” แคลร์คิดแล้วพูดกับมังกรดำ  

 

 

“ได้ ไม่มีปัญหา ตอนนี้เจ้าจะช่วยข้าคลายสิ่งที่ขังข้าไว้ได้หรือยัง? ” มังกรดำถาม  

 

 

“อาจารย์” แคลร์หันหน้าไปมองคลิฟที่ยังหัวเราะอยู่แล้วขมวดคิ้ว  

 

 

“โอ้ ได้ๆ ” ในที่สุดคลิฟก็หยุดหัวเราะ จากนั้นก็หยิบคริสตัลออกมาและพูดกับมังกรดำ “เจ้าชายผู้สูงศักดิ์ ข้าน่ะ ยังไม่เชื่อคำพูดของเจ้ามากนักหรอก ดังนั้น คริสตัลแห่งความทรงจำนี้จะบันทึกขั้นตอนการช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้ หากเจ้าผิดคำสัญญาและฆ่าพวกเราหลังจากช่วยเจ้าแล้ว คริสตัลแห่งความทรงจำนี้จะส่งภาพไปยังเพื่อนเก่าของข้าในทันที และภาพมังกรผู้สูงศักดิ์หักหลังคนที่ช่วยเหลือจะถูกแพร่กระจายไปทั่วทั้งทวีป” ผลที่ตามมานั้นไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก มังกรเป็นสิ่งมีชีวิตมีศักดิ์ศรีมากที่สุด ถ้าหากเรื่องที่เจ้าทรยศผู้มีพระคุณถูกแพร่ออกไปให้ได้รับรู้ทั่วกัน เจ้าก็จะถูกมนุษย์ผู้ต่ำต้อยดูถูก แบบนั้นนี่จะเป็นความอับอายอย่างที่สุดของเหล่ามังกรเลยทีเดียว  

 

 

…………………………………………………………………………….  

เสน่ห์คมดาบ

เสน่ห์คมดาบ

แคลร์ ฮิลล์ คุณหนูใหญ่สุดสำรวยแห่งตระกูลขุนนางชั้นสูงผู้มีชื่อฉาวคาวกะฉ่อนว่าโง่เง่า เอาแต่ใจและบ้าผู้ชายเป็นชีวิตพลัดตกจากหลังม้าขณะไล่ตามองค์ชายสองจนหมดสติ สร้างความอับอายให้กับตระกูลเป็นอย่างยิ่ง กระนั้นเมื่อหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท่าทีของนางกลับเปลี่ยนจากหน้ามือไปเป็นหลังเท้า ไม่มีอีกแล้วคุณหนูไร้ยางอายที่คลั่งไคล้การไล่จับบุรุษรูปงาม เรื่องเรียนไม่เอาอ่าว เรื่องงานไม่เอาไหน จะมีก็แต่คุณหนูแคลร์ผู้สงบเสงี่ยมเยือกเย็น สำรวมท่าที และเปี่ยมไปด้วยพลังเวทอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเท่านั้น! เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูแคลร์คนนั้นกันแน่นะ!?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset