จงเหยี่ยนซีลั่งเลอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้ใจเย็นแล้วเผยรอยยิ้มออกมา “ประธานเจียงช่างมีอารมณ์สุนทรีย์จังเลยนะคะ เจรจาเรื่องงานยังหาส
ถานที่สวยๆแบบนี้”
เจียงโม่หานไม่ตอบ เพียงทำทำทางเชื้อเชิญเธอเท่านั้น
เธอก้าวเดินลงมา
เจียงโม่หานเดินนำอยู่ด้นหน้า ยามกลางคืนไม่มีคน ที่นี่คลื่นลมสงบ ได้ยินเพียงเสียงคลื่นสาดเล็กน้อย
เขาเหยียบขึ้นบันไดเรือ แล้วหันหลังยี่นมาทางจงเหยียนซี “ที่นี่ทางเดินไม่ค่อยดี ผมจะจูงมือคุณไว้”
จงเหยี่ยนซีคุ้นเคยกับที่นี่มาก ไม่มีอะรที่เป็นอันตรายสำหรับเธอ แต่ว่าเวลานี้ถือเป็นการมาครั้งแรกของเธอ เธอจึงเสแสร้งแกล้งแสดง
ความตื่นตาตื่นใจออกมา กวาดมองไปรอบ ( และปฏิเสธอย่างสุภาพ “ขอบคุณประธานเจียงที่เป็นห่วงค่ะ ฉันจะคอยระมัดระวัง แฟนของฉันเป็น
ผู้ชายที่ขี้หึงมาก หากเขารู้ว่าฉันจูงมือกับชายอื่น เขาอาจจะโกรธได้”
ทุกครั้งที่เจียงโม่หานได้ยินคำว่าแฟนคำนี้ ก็จะรู้สึกหงุดหงิดในใจ
เขาก็ไม่ได้ฝืนบังคับ และก็ได้ดึงมือกลั่บมา
เมื่อเดินลงมาจากบั่นไดเรือ เจียงโม่หานก็เปิดประตูห้องโดยสารเรื่อ พวกเขาเดินเข้าไปด้านในเรือยอชท์
ภายในมีความหรูหรามาก
“คุณหลินเชิญนั่งได้ตามสบายเลยนะครับ” เจียงโม่หานเดินไปที่ตู้เก็บไวน์
จงเหยียนชี้มองดูทุกอย่างภายในที่เธอคุ้นเคย รู้สึกเพียงว่าเลือดลมในร่างกายนั้นกำลังพุ่งกระฉูด
เธอพยายามข่มตัวเองให้สงบ ถึงได้ระงับความรู้สึกที่ร้อนรุ่มนั้นลงได้
“ประธานเจียงนี่เป็นเรือยอชท์ส่วนตัวของคุณหรอคะ” เธอนั่งอยู่บนโซฟา ข้างในกระสับกระส่ายแปรปรวน แต่ใบหน้ากลับทำเหมือนไม่มี
อะไรเกิดขึ้น แสดงท่าทางออกมาราวกับตื่นตาตื่นใจ
เจียงโม่หานรินไวน์มาสองแก้วแล้วเดินถือเข้ามา เขานั่งอยู่ตรงข้ามกับจงเหยียนซี แล้ววางหนึ่งไว้ตรงหน้าเธอ
“ที่นี่ไม่ใช่ของผมครับ ถ้าจะพูดให้ชัดเจนคือเป็นของอดีตกรรยาผม” ขณะที่เจียงโม่หานพูดนั้นได้สังเกตปฏิกิริยาของเธอ
จงเหยียนซียิ้ม “เหรอคะ อย่างนั้นอดีตภรรยาของคุณจะต้องมีความสุขมากอย่างแน่นอน”
เจียงโม่หานจิบไวน์ไปอีกหนึ่ง แล้วมองดูการตกแต่งของที่นี่ แล้วชี้ไปที่ภาพที่แขวนอยู่บนฝาผนัง จากนั้นกล่าว “ที่นี่คือผมมอบให้กับเธอ
ภาพเหล่านั้นเธอเป็นคนแขวนขึ้นไป บอกว่าที่นี่ขาดความอบอุ่น ดังนั้นเธอจึงได้แขวนภาพเหล่านั้นไว”
“ประธานเจียง พวกเราคุยเรื่องงานกันเถอะ คุณบอกว่โปรเจกต์งานของฉันมีข้อผิดพลาด ฉันอยากจะทราบว่าผิดพลาดตรงไหนคะ” จง
เหยียนซีแค่อยากจะคุยกับเขาให้จบๆแล้วออกไปจากที่นี่
“คุณหลินคุณรู้ใหม่ ต่อให้คุณวางแผ่นอย่างละเอียดแยบยลแค่ไหน ก็อาจมีสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้” คำพูดของเจียงโม่หานมี
เลศนัย
จงเหยี่ยนซีฟังเข้าใจถึงความหมาย แต่ว่าตั้งแต่ที่เซ็นสัญญามา เขาไม่มีความสงสัยใด ๆให้เห็น ไม่น่าจะใช่การถูกจับพิรุธได้
“ออค่ะ อย่างนั้นประธานเจียงกรุณาให้คำแนะนำหน่อยสิคะ”
เจียงโม่หานมองดูท่าทางของเธอที่ยังคงสงบนิ่งใจเย็น จึงเกิดความผิดหวั่งในใจ ถ้าหากว่าเธอคือจงเหยียนซีจริง อย่างนั้นเวลานี้การเธอ
ที่ใจเย็นขนาดนี้เป็นเพราะว่าหัวใจตายด้านไปแล้ว?
เขาเปิดกรอบรูปที่คลุมด้วยผ้าออก เป็นรูปงานแต่งงานของเขากับจงเหยียนซี
ในรูป จงเหยียนซีสวมใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวทั้งตัวควงแขนของเขาที่สวมชุดสูทสีดำไว้ และทั้งคู่ยืนอยู่หน้าหอไอเฟล
จงเหยียนชี สัมผัสรูปถ่ายในั้น แล้วมือทั้งสองข้างกำแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ถึงแม้ว่าจะเป็นการกระทำที่เล็ก ๆ แต่เจียงโม่หานก็สามารถ
สังเกตเห็น
ความมั่นใจในตัวตนของเธอได้เพิ่มขึ้นมาอีก
“เธอบอกว่าปารีสเป็นสถานที่ที่โรแมนติกที่สุด ภาพงานแต่งพรีเวดดิ้งของพวกเราก็ถ่ายที่นั่น ฮันนีมูน….
“ประธานเจียง!” จงเหยียนซีพูดขัดจังหวะเขาขึ้น แล้วฝืนยิ้มออกมาอย่างแข็งที่อ “ฉันมาเพื่อทำงาน ไม่ได้มาเพื่อฟังคุณเล่าเรื่องความรัก
ระหว่างคุณกับอดีตกรรยาของคุณ ฉันยังมีงานอื่นอีก รบกวนพูดเข้าประเด็นได้ไหม”
ใบหน้าที่เย็นชาของเจียงโม่หาน ในเวลานี้นั้นได้ผุดรอยยิ้มออกมา ในที่สุดเธอไม่สามารถเสแสร้งต่อไปได้อีกใช่ไหม