รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 595 เด็กหน้าขาวอยากปีนขึ้นประตูสวรรค์

บทที่ 595 เด็กหน้าขาวอยากปีนขึ้นประตูสวรรค์
“ถ้าหากสองคนนี้ไม่ยอมส่งมอบงาน ผู้อำนวยการโจวคุณพาคนไปปิดสำนักงานของพวกเขา แล้วทำการจัดการตรวจสอบทุกอย่างต่อหน้าแผนกบุคคลของบริษัทให้เรียบร้อย”
ผู้อำนวยการของสำนักงานบริษัทอุตสาหกรรมไวน์เหม่ยเฉินพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “รับทราบ”
สีหน้าของซุนหงอี๋ดูน่าเกลียดขึ้นมาในทันที อยากจะคว้าเอาไว้แต่คิดไม่ถึงว่าก้อนหินจะหล่นใส่ขาของตัวเอง
จี้หงชวนกําหมัดแน่น “ประธานหลู่ คุณจำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ด้วยเหรอ?”
“คุณอย่าลืมนะว่าทั้งหมดที่คุณมี ผมก็มีความดีความชอบครึ่งหนึ่ง”
“ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะผมนำทีมออกไปพยายามทำงานไปทั่วและโปรโมทผลิตภัณฑ์ผ่านสมาคมการแพทย์จีน เหม่ยเฉินจะประสบความสำเร็จมากขนาดนี้เหรอ?”
เขายังไม่ลืมที่จะทิ้งคำขู่ทิ้งไว้ “คุณไล่ผมออกเพราะเพื่อไอ้เด็กหน้าขาวที่ไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมันคุ้มเหรอ?”
หลู่เหม่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “พูดไร้สาระมากเกินไปแล้ว ไสหัวออกไป”
“ผู้จัดการจี้ พวกเราไปก็ไปสิไม่เห็นเป็นอะไรสักหน่อย”
จู่ๆซุนหงอี๋ก็ยิ้มอย่างเย็นชา เธอดึงแขนของจี้หงชวนหัวเราะแล้วหัวเราะอีก “ฉันคิดเอาไว้แล้วว่าต้องมีแบบนี้สักวัน ดังนั้นฉันได้เก็บไพ่ตายเอาไว้แล้ว”
“ประธานหลู่ ฉันไม่กลัวที่จะบอกคุณหรอก เหล้าฤดูใบไม้ผลิที่คุณวางแผนเอาไว้ในอนาคต สูตรลับของมันมีแต่ฉันเท่านั้นที่รู้อย่างสมบูรณ์เพียงคนเดียว”
“ตอนที่คิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ ฉันปล่อยให้แต่ละกลุ่มรู้แค่เพียงส่วนเดียว ส่วนฉันได้รวบรวมเก็บเอาข้อมูลทั้งสามสิบสามชนิดมาเก็บไว้ที่ฉันเพียงคนเดียว และยังปิดบังสมุนไพรสามอย่างจากพวกเขา”
“พูดอีกอย่างก็คือฉันไปแล้ว ก็ผลิตเหล้าฤดูใบไม้ผลิออกมาไม่ได้ สูตรลับของยาทั้งสามสิบสามชนิดที่อยู่ในมือของคุณมันยังไม่สมบูรณ์แบบ”
“ไม่มีเหล้าฤดูใบไม้ผลิ ฤดูกาลหน้าของคุณไม่เพียงแต่ไม่สามารถสร้างผลกำไรได้และยังต้องเผชิญหน้ากับผู้ประกอบการรายย่อยเกี่ยวกับสินค้าไม่ตรงปก หรือไม่สามารถจัดส่งของได้จนต้องชดใช้เงินจำนวนมหาศาล”
“และคุณก็ไม่ต้องคิดว่าฉันจะยอมมอบสูตรลับที่สมบูรณ์ออกมา ตอนแรกที่ฉันส่งมอบสูตรลับคุณได้เซ็นผ่านรับรองเรียบร้อยแล้ว”
“สูตรลับที่ไม่สมบูรณ์ได้ผ่านการเซ็นอนุมัติจากคุณแล้ว คิดอยากจะได้สูตรลับไปจากมือของฉัน ฝันไปเถอะ”
“ถึงแม้ว่าคุณจะไปฟ้องร้องที่ศาลก็ชนะฉันไม่ได้หรอก”
ซุนหงอี้มองหลู่เหม่ยเฉินอย่างมีชัย “ตอนนี้คุณจะแบ่งหุ้นของคุณครึ่งหนึ่งให้กับฉันและผู้จัดการจี้แล้วไล่ฉินหลั่งออก หรือว่าจะรอให้บริษัทอุตสาหกรรมไวน์เหม่ยเฉินต้องชดเชยค่าเสียหาย จนเงินหมุนไม่ทันและล้มละลายไปในที่สุด”
เธอยังหันไปชำเลืองมองฉินหลั่งด้วยสายตาที่รังเกียจ “ก็แค่เด็กหน้าขาวคนหนึ่งอยากจะปีนขึ้นประตูสวรรค์เหรอ รอชาติหน้าเถอะ”
ฉินหลั่งอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วยิ้มอีก
“ฮ่าๆๆๆ ดีมาก ดีมาก ผู้จัดการซุนเป็นคนวิสัยทัศน์กว้างไกล ช่างเป็นแบบอย่างให้กับผม”
หงจี้ชวนเลิกคิ้วขึ้นแลดูมีความสุขมาก เขามองหลู่เหม่ยเฉินแล้วพูดด้วยความอวดดี “ประธานหลู่ ตอนนี้คุณคิดยังไง?
ยังจะไล่พวกเราออกอีกหรือเปล่า”
“ซุนหงอี๋ เธอนี่มันนางจิ้งจอกตาขาวจริงๆ”
รูม่านตาของหลู่เหม่ยเฉินเปิดกว้างและเธอหรี่ตาลง มีกระแสแห่งความเยือกเย็นสายหนึ่งเพิ่มขึ้นแบบที่ฉินหลั่งไม่เคยเห็นมาก่อน “ฉันซื้อบ้านซื้อรถให้คุณ จ้างคนด้วยเงินเดือนที่สูง จ่ายเงินโบนัสจำนวนมาก โดยเฉพาะการวิจัยให้คุณทำตามอิสระใจต้องการ แต่คุณกลับใช้ความไว้วางใจของฉันทำแบบนี้?”
น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนเป็นเฉยเมย “ดูเหมือนสองปีที่ผ่านมาฉันตาบอดเอง”
“ประธานหลู่ อย่าพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้เลย”
ซุนหงอี๋เงยหน้าขึ้นแล้วพูด “ประธานหลู่ ทางที่ดีคุณตอบตกลงดีกว่าไม่อย่างนั้นฉันกับผู้จัดการจี้จะจากไปพร้อมกับสูตรลับ”
“ถึงแม้พวกเราจะไม่แยกตัวออกมาสร้างบริษัทใหม่ แต่พวกเราก็สามารถขายมันให้กับบริษัทอุตสาหกรรมไวน์ป้าหวัง”
เธอพูดข่มขู่ยังไม่เกรงใจหลู่เหม่ยเฉิน “ถึงเวลานั้นคุณไม่ทันได้ร้องไห้ด้วยซ้ำ”
“ฮืม? จริงหรอ?” ฉินหลั่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ผู้บริหารกิตติมศักดิ์ที่ถูกยัดเยียดอย่างเขากำลังจะแผลงฤทธิ์แล้ว
“แกรู้อะไรอย่างนั้นเหรอ?” ใบหน้าของซุนหงอี๋เต็มไปด้วยความดูถูก
ฉินหลั่งไม่ได้สนใจเธอแต่หันไปพูดกับหลู่เหม่ยเฉินแทน “เอาเหล้าฤดูใบไม้ผลิอะไรนั่นให้ผมลองชิมหน่อย”
หลู่เหม่ยเฉินไม่พูดมากเธอส่งสัญญาณทันที ผู้อำนวยการโจวคนนั้นรีบวิ่งเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง หลังจากนั้นก็ออกมาพร้อมกับเหล้าขวดหนึ่ง
หลังจากที่เปิดแล้วดื่มไปหลายอึก ฉินหลั่งลิ้มรสของมันอย่างละเอียด
“น้ำผึ้งเหลือง2% โกฐเขมาแห้งและดิบอย่างละ3% โกฐขี้แมว4% โกจิเบอร์รี่2% เง็กเต็ก1%…….”
ในตอนนั้นเองฉินหลั่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา เขาพูดชื่อสมุนไพรทั้งสามสิบหกชนิดออกมาในรวดเดียว
หลังจากนั้นก็หันไปมองพวกซุนหงอี๋ยิ้มแล้วพูด “คุณซุน ใช่สามสิบหกชนิดนี้หรือเปล่า”
“นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของซุนหงอี๋แข็งกร้าวในทันที “แกรู้ได้ยังไง……”
“เพี๊ยะ——” หลู่เหม๋ยเฉินเหวี่ยงฝ่ามือใส่หน้าของเธอ
“ไสหัวไป—–”
ซุนหงอี๋และจี้หงชวนจากไปพร้อมกับความอับอาย
ฉินหลั่งกลายเป็นดาราของคนหลายสิบคนในทันที โดยเฉพาะหลังจากที่รู้ว่าเขาสามารถช่วยแก้วิกฤตของบริษัทเหม๋ยเฉิน ผู้คนเดินเข้ามาดื่มให้กับเขาทีละคน
ฉินหลั่งพูดคุยกับพวกเขาได้สักพักก็หาข้ออ้างหลบไปอยู่ที่มุมด้านหลัง
ส่วนหลู่เหม๋ยเฉินกำลังพูดคุยกับหยูนชิงชิงอยู่ในห้อง ท่าทางของทั้งสองดูเป็นกันเองและกลมกลืนกันมาก
หลังจากนั้นประมาณสิบห้านาทีทั้งสองคนเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าบรรลุข้อตกลง
ฉินหลั่งไม่ได้ไปถามเกี่ยวกับเรื่องราวสถานการณ์ ถ้าหากไม่ใช่หยูนชิงชิงเขาไม่คิดที่จะแนะนำให้รู้จักกับหลู่เหม่ยเฉินด้วยซ้ำ
หลังจากที่หยูนชิงชิงออกมาเธอดื่มเหล้ากับหลู่เหม่ยเฉินหนึ่งแก้ว แล้วมาสวมกอดกับฉินหลั่งหลังจากนั้นก็จากไปทันที
หลู่เหม่ยเฉินนั่งลงด้านข้างของฉินหลั่งพร้อมกับยิ้มแล้วพูด “ไม่ถามหน่อยเหรอว่าฉันกับหยูนชิงชิงบรรลุข้อตกลงอะไรกัน?”
ฉินหลั่งรินเหล้าให้กับตัวเองหนึ่งแก้ว “ไม่สนใจ”
หลู่เหมินเฉินปล่อยยิ้มที่สวยงาม “ฉันเห็นแกหน้าของชิงชิง ให้ทางรอดกับบริษัทอุตสาหกรรมไวน์ป้าหวัง…….”
ฉินหลั่งขัดคำพูดของเธอ “หยูนชิงชิงก็จำใจไม่มีทางเลือก ความจริงฉันไม่ได้รู้สึกดีกับตระกูลเมิ่งนี่เลยสักนิด ตอนนี้เธอให้ทางรอดกับพวกเขาแต่ฉันรู้สึกอึดอัดใจมาก”
หลู่เหม่ยเฉินยิ้มเล็กน้อย “เรื่องความขัดแย้งของนายกับตระกูลเมิ่ง ฉันก็พอรู้มาจากอาหลินอยู่บ้าง นายวางใจได้ ฉันให้เกียรติชิงชิงมากที่สุดแล้วยังไงเธอกลับไปก็ต้องมีคำอธิบายที่ดี ฉันจะยอมอดทนเอาไว้ชั่วคราว ส่วนบริษัทอุตสาหกรรมไวน์ป้าหวังตกต่ำนั้นเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ตอนนี้ความลับห่วงโซ่ธุรกิจมืดของบริษัทอุตสาหกรรมไวน์ป้าหวังอยู่ในมือของฉัน ไม่ว่ายังไงตระกูลเมิ่งก็ช่วยธุรกิจนี้ไม่ได้”
หลู่เหม่ยเฉินเป็นคนที่อยู่ในวงการนี้มานานจึงทำให้เธอกลายเป็นคนที่ตัดสินใจทุกอย่างได้อย่างเด็ดขาดนานแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องทำให้เกิดผลประสิทธิภาพมากที่สุด
“แล้วแต่เธอ แต่ว่าต่อไปห้ามเอาชื่อของฉันมาสร้างผลประโยชน์ให้กับบริษัทอุตสาหกรรมไวน์เหม่ยเฉินตามอำเภอใจเข้าใจหรือเปล่า? วันนี้ก็ถือว่าให้อภัยเธอก็แล้วกัน” ฉินหลั่งดูจริงจังมาก
ส่วนหลู่เหม่ยเฉินอาศัยจังหวะที่ไม่มีคนสังเกตแลบลิ้นแล้วทำท่าทางเหมือนกับเด็กที่ซุกซน
ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน เธอรู้สึกว่าตั้งแต่บริษัทอุตสาหกรรมไวน์เหม่ยเฉินมีฉินหลั่ง ดูเหมือนทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด มันทำให้เธอไม่มองโลกในแง่ร้ายอีกต่อไปแล้ว
ฉินหลั่งเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจผู้ที่ด้อยกว่า เรื่องนี้เธอมองออกนานแล้ว
ฉินหลั่งยิ้มแห้งๆ มองดูนาฬิกาแล้วก็พูดขึ้น “ประธานหลู่ มา ดื่มให้เธอหนึ่งแก้ว แต่ว่าหลังจากที่ดื่มหมดฉันต้องกลับไปแล้ว”
พรุ่งนี้เขายังต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาให้คำปรึกษา คลินิกกว่าจะได้เปิดกิจการไม่ใช่เรื่องง่ายไม่อย่างนั้นคงจะต้องกลับมาเงียบอีกครั้ง
“ยังไม่ถึงสี่ทุ่มก็จะไปแล้วเหรอ?”
หลู่เหม่ยเฉินแยกตัวออกมาจากความวุ่นวายของฝูงชนแล้วปลดปล่อยความอ่อนโยนของตัวเองออกมา “โอกาสที่จะมีวันดีๆแบบนี้ ยังไงก็ต้องร่วมฉลองกับทุกคนหน่อยสิ”
“ผลกำไรของบริษัทเรามาแบ่งสามเจ็ดส่วน นายเจ็ดฉันสาม ผู้บริหารฉิน นายเป็นจักรพรรดิของฉัน……”
เธอยิ่งอยู่ก็ยิ่งสนใจในตัวของฉินหลั่ง ยิ่งอยู่ก็ยิ่งรู้สึกชื่นชมเขา
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่นแทบอยากจะใกล้ชิดกับเธอจนเนื้อติดกัน แต่ฉินหลั่งกลับไม่ได้สนใจเธอแบบนั้นเลยสักนิด
“เธอคิดมากเกินไปแล้ว ฉันไม่ใช่จักรพรรดิ”
“ฉันเป็นเจ้าของร้านยาปุ่นฉ่าว และยังเป็นประธานผู้จัดการบริษัทฝู่ตงสังหาริมทรัพย์พัฒนา จำกัด ธุรกิจของฉันเพิ่งจะเริ่ม พรุ่งนี้ถ้าหากไม่รับแขกตั้งแต่เช้าต่อไปก็ไม่มีอะไรก้าวหน้า”
“แล้วก็ภรรยาของฉันจงยู่ตอนนี้เธอเป็นผู้บริหารของคฤหาสน์ฝู่ตง ธุรกิจของเราสองสามีภรรยาก็มีความสุขอยู่ดีแล้ว” ฉินหลั่งยักไหล่
“ดังนั้นผมต้องไปแล้ว”

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset