“มันตามเจ้านานเท่าไหร่?” ลู่ยาถาม
ราชาจิ้งจอกรีบพูด “ตั้งแต่ข้าเหยียบเข้าไปที่วังมันก็ปรากฏออกมาแล้ว!”
มือทั้งสองของลู่ยาจับอ่างอาบน้ำไว้ จากนั้นมองอีก
ควันเขียวในภาพเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เคลื่อนไหวไม่หยุด แต่หากดูดีๆ การที่พูดว่ามันตามราชาจิ้งจอก กลับมิสู้บอกว่าตั้งแต่ต้นจนจบมันเพียงลอยไม่หยุดอยู่ที่มุมหนึ่งในวัง
“มันไม่ได้ตามเจ้ามา” ลู่ยาพูด ด้านหนึ่งของวัง หุนคุนใช้วางของวิเศษ เพราะสวรรค์ชั้นสามสิบเก้ายังคงเป็นพวกเขาสี่พี่น้องรับผิดชอบ ตามปกติไม่มีคนนอกเข้ามา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้วางคนอารักขาไว้เข้มงวดมากนัก
ในวังรอบด้านล้วนเป็นชั้นวางโลหะสำริด ของวิเศษใหญ่เล็กที่วางไว้เกรงว่าจะมีหลายร้อยชิ้น แต่เฉพาะมุมตะวันตกเฉียงใต้เท่านั้นที่มีกระถางทองแดงชิ้นหนึ่ง บนกระถางหล่อลวดลายโบราณไว้ ยังมีตัวอักษรด้วยบางส่วน รูปแบบของกระถางนี้ไม่ซับซ้อน กลับกันตัวอักษรด้านบนดึงดูดสายตานัก
“ปีนั้นตอนที่สกุลเซวียนหยวน[1]และเผ่าจิ่วหลี[2]ทำสงครามกัน ภายหลังสกุลเซวียนหยวนใช้กระถางทองแดงนี้ใส่กะโหลกของชือโหยว และเกราะของชือโหยวเป็นสีเขียว”
เขาจับจ้องตัวอักษรบนกระถางทองแดงขณะพูด
ราชาจิ้งจอกนิ่งอึ้ง “ความหมายของท่านคือกลุ่มควันเขียวนั้นคือชือโหยว?”
“ไม่ใช่” ลู่ยายืดตัวขึ้น “เขาควรกลับไปเวียนว่ายตายเกิดนานแล้ว หากกลุ่มควันเขียวนั้นเป็นจิตต้นกำเนิดของเขา เขาไม่ควรปรากฏตัวในวังจิตกระจ่าง ถึงแม้ไม่เคยกลับไปเวียนว่ายตายเกิด จิตต้นกำเนิดของเขาเป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณร้าย ไม่สามารถเข้ามาในวังจิตกระจ่างที่มีพลังวิญญาณแดนเทพเข้มข้นได้ แต่ในเมื่อมันลอยวนอยู่บนกระถางทองแดงนั่นตลอด ก็พูดได้ยากว่าไม่เกี่ยวกับเขา”
ราชาจิ้งจอกรู้สึกว่าเขาพูดไร้สาระ จึงไม่พูดอะไร
“ราชาจิ้งจอกมาแล้ว? อยู่ไหนล่ะ?”
ตอนนี้เอง ด้านนอกมีเสียงของเด็กสาวที่ทั้งคุ้นหูและกระจ่างใส ราชาจิ้งจอกยืนตรง เห็นที่มุมประตูมีหนึ่งคนหนึ่งเสือเดินเข้ามา คนนั้นงามแบบเรียบๆ จนไม่รู้จะพูดอย่างไร เสือก็อ้วนจนไม่เข้าที ราชาจิ้งจอกมีสายตากว้างไกล เห็นสถานการณ์แล้วรีบยกยิ้มกว้างจนปากฉีก “แม่นางกลับมาแล้ว?”
มู่จิ่วพาอาฝูมาถึงด้านหน้าพวกเขา มองลู่ยาจากนั้นมองเขา ก่อนพูด “ราชาจิ้งจอก ท่านเป็นอะไรไปแล้ว?” แล้วจึงหันหน้า “เสี่ยวซิงทำไมไม่เอาน้ำมาให้ราชาจิ้งจอกล้างสักหน่อย?”
เสี่ยวซิงจะหมุนตัว ลู่ยาพูด “ล้างอะไร ตักน้ำไม่ต้องออกแรงหรือ?”
มู่จิ่วค้อนเขา ส่งสัญญาณให้เสี่ยวซิงไป และให้ซ่างกวนสุ่นไปยกชามา ก่อนเอ่ยกับราชาจิ้งจอก “ด้านหลังมีน้ำร้อน มิสู้ท่านไปจัดการให้เรียบร้อยก่อน?”
ราชาจิ้งจอกเกือบประทับใจจนขอบตาร้อนผ่าว เด็กสาวคนนี้รู้จักเห็นใจคนดังคาด เจอกับคนระยำตรงหน้า วันนี้เขาอย่าคิดว่าจะเจอเรื่องดีอะไรเลย! เมื่อตื้นตันจึงมอบมุกสองเม็ดขนาดเท่ากำปั้นส่งให้นาง “มากะทันหัน ได้โปรดอย่ารังเกียจ” พร้อมทั้งถอดประคำบนข้อมือสวมให้อุ้งเท้าอาฝู
มู่จิ่วเพียงแค่รับรองแขกเบื้องต้นเท่านั้น เขาทำแบบนี้ทำให้นางรู้สึกไม่ดีเล็กน้อย
แต่เมื่อคิดว่าเขาเป็นราชาของอาณาจักรอันสูงส่งแห่งหนึ่ง มุกสองเม็ดแน่นอนว่าไม่ใช่นำออกมาอย่างไม่จริงใจเพื่อไมตรี ดังนั้นจึงรับมาอย่างไม่อ้อมค้อม
ส่วนการมาเยือนของราชาจิ้งจอก มู่จิ่วไม่คิดจะสอบถามมาก ถึงแม้ลู่ยาไม่ได้บอกนางอย่างเป็นทางการ แต่นางก็เดาออก พวกเขาทั้งสองแปลกประหลาดขนาดนั้นต้องมีเรื่องแน่ โลกของมหาเทพทั้งหลายนางไม่เข้าใจ สนใจเรื่องของตัวเองก็พอแล้ว
ราชาจิ้งจอกย่อมต้องอยู่กินข้าวเย็น มู่จิ่วกับเสี่ยวซิงและซ่างกวนสุ่นยินดีต้อนรับ มีเพียงลู่ยาที่ทำหน้าตึงเล็กน้อย เสี่ยวซิงรู้ฐานะของลู่ยาจากปากของซ่างกวนสุ่นนานแล้ว สำหรับเรื่องเหล่านี้นางจึงไม่แปลกใจ
มู่จิ่วส่งสายตาให้ลู่ยาว่าอย่าทำตัวแบบนี้เสียหลายครั้ง มากที่สุดเขาจึงฝืนยิ้มแต่เปลือกเหลือบมองราชาจิ้งจอก ทำให้จิ้งจอกเฒ่ารู้สึกอึดอัดอย่างประหลาด หลังกินข้าวแยกย้ายกันไป เขาก็ตามมู่จิ่วไปห้องนางเงียบๆ
“ช่วงนี้แม่นางยังคงสบายดี?”
จิ้งจอกเฒ่าที่ทำความสะอาดเนื้อตัวเรียบร้อยแล้ว ดูไปก็เปล่งประกาย แต่ท่าทางยิ้มตาหยีของเขากลับทำให้คิดไปถึงพังพอนอวยพรปีใหม่ไก่ ที่จริงตอนนี้ถึงแม้เขาจะเป็นแขกที่บ้าน แต่ตอนที่ไปชิงชิวนางได้รับความลำบากจากน้ำมือจิ้งจอกเฒ่านี่ไม่น้อย!
มู่จิ่วกวาดตามองเขาอย่างระแวดระวัง ยิ้มพูด “ช่วงนี้ยังดี เพียงก่อนหน้านี้ลำบากอยู่ที่ทะเลสาบน้ำแข็งราวสองเดือน”
ช่วงปีกว่านี้ราชาจิ้งจอกอยู่ที่วังชั้นสามสิบเก้า ไหนเลยจะรู้เรื่องนาง แค่ก่อนหน้านี้บนโต๊ะอาหารได้ยินเสี่ยวซิงหลุดปากออกมาไม่กี่ประโยค จึงหัวเราะตอบกลับไป “อ๋าวเชินไม่ใช่คนดี แม่นางทั้งฉลาดและกล้าหาญ ความสำเร็จภายหน้าย่อมอยู่เหนือคนอื่น ถึงแม้ลำบากกว่านี้ ก็ต้องสามารถปัดเป่าอันตรายไปได้”
มู่จิ่วยิ้มทว่าไม่พูด
เขายกชามา เม้มริมฝีปาก พลันหยิบหินห้าสีออกมาจากในอกเสื้อ “เผ่ามังกรเป็นสายธาตุน้ำ ลูกโลหิตมังกรไฟของแม่นางคืนอ๋าวเชินไปแล้ว หินนี้เป็นหินที่เทพจู้หรง (เทพแห่งไฟ) ใช้หลอมอาวุธ ช่วยเรื่องอบอุ่นร่างกายเช่นกัน หากแม่นางไม่รังเกียจโปรดให้รับไว้เถิด”
หินสวยงามละเอียดอ่อน และมีธาตุไฟไหลวนอยู่รางๆ มู่จิ่วจ้องมันมองอยู่สักครู่กลับสับสน ถึงแม้ชิงชิวของเขาร่ำรวยอย่างมาก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมอบของให้นางไม่หยุด? ไม่มีเรื่องอะไรก็แสดงความเอื้อเฟื้อ บนโลกนี้ไม่มีของได้เปล่าเสียหน่อย…
นางมองเขาอย่างระแวดระวังอีกครั้ง “ราชาจิ้งจอกหรือมีเรื่องจะขอร้องข้า?”
หูจวินดื่มชาผงกศีรษะ ไม่รู้ว่าพอใจความเข้มของชาหรือพอใจที่มู่จิ่วรู้เรื่อง เขาหยิบของออกมาจากในแขนเสื้อ วางบนโต๊ะก่อนพูด “ไม่รู้ว่าแม่นางชอบมันหรือไม่?”
มู่จิ่วพลันรู้สึกด้านหน้าพร่าเลือน บนโต๊ะมีลูกขนขนาดเท่าฝ่ามือเพิ่มมา ครั้นมองไปอีกครั้ง ลูกขนนี้กลับกระโดดขึ้น ด้านหลังปล่อยหางเก้าหางอ่อนนุ่มบางเบาเหมือนกับผ้าต่วนทอง เป็นจิ้งจอกน้อยขนาดเล็กสีทองส่องสว่าง! ดวงตาทั้งสองของจิ้งจอกน้อยกระจ่างเหมือนน้ำใสและดวงดาว ท่าทางที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าพลางมองนางช่างน่ารักยิ่งนัก!
นี่…นี่เป็นมู่หรงรุ่ยเจี๋ยจิ้งจอกน้อยที่ลู่ยาช่วยกลับมาตอนนั้น!
นอกจากขนาดที่ไม่เหมือนแล้ว นอกนั้นกลับเหมือนกันหมด!
“นี่คือ…” มู่จิ่วไม่เข้าใจ ตามที่นางรู้ ในชิงชิวทั้งหมดมีเพียงมู่หรงรุ่ยเจี๋ยที่เป็นจิ้งจอกทอง แต่เจ้าตัวนี้เล็กกว่าจิ้งจอกน้อยนั้นมาก หรือเร็วขนาดนี้ราชาจิ้งจอกก็ได้ให้กำเนิดน้องชายของจิ้งจอกน้อยแล้ว?
“นี่แปลงมาจากพลังหยั่งรู้ของรุ่ยเจี๋ย แม่นางดูซิว่ารูปร่างแบบนี้ของเจ้าสี่น้อยบ้านเราดีหรือไม่?”
ราชาจิ้งจอกรีบอธิบาย เห็นนางไม่ละสายตาไปจากจิ้งจอกน้อย จึงอุ้มเขาขึ้นมาวางในมือนาง “สี่น้อยของบ้านเราทั้งว่าง่ายและจิตใจดี คราวก่อนอยู่กับแม่นางครึ่งวัน ภายหลังเอ่ยถึงพี่สาวกัวว่าอ่อนโยน อัธยาศัยดี หน้าตายังงดงามยิ่ง เขาชอบแม่นางมาก จะลองอุ้มดูหรือไม่?”
ท่าทางแบบนี้ของจิ้งจอกน้อย ไหนเลยจะเพียงแค่ตอบว่า ‘ได้เลย’ เท่านั้น?
วันนั้นมู่จิ่วฟื้นขึ้นมาในวังจิ้งจอก เพียงแค่เห็นเขาที่หมอบอยู่บนเตียงก็ชอบแล้ว ตอนนี้จิ้งจอกเฒ่าพูดแบบนี้ นางจะต้านทานได้อย่างไร รีบอุ้มเขาขึ้นมา จิ้งจอกน้อยหมอบอยู่บนแขนนางอย่างเชื่องๆ และยื่นลิ้นออกมาเลียมือนางบ่อยครั้ง ความรู้สึกนั้นช่างทำให้คนอาลัยไม่อยากวาง
…………………………………………………………………
[1] สกุลเซวียนหยวน ใช้เรียกลูกหลานของจักรพรรดิเหลืองผู้เป็นหนึ่งใน 3 จักรพรรดิ 5 กษัตริย์ตามตำนานจีน เดิมเป็นอีกชื่อเรียกหนึ่งของจักรพรรดิเหลือง
[2] เผ่าจิ่วหลี คือชนเผ่าเรืองอำนาจสมัยโบราณที่ประกอบด้วย 9 เผ่าย่อย มีผู้นำคือ ชือโหยว