รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 383 ฉันมาแล้ว

บทที่ 383 ฉันมาแล้ว
“เฮ้ นั่นฉินหลั่งรึเปล่า ทำไมดูต่างไปจากเดิม” เมื่อฉินหลั่งเข้ามาใกล้มากขึ้น ส้งเส่นเอ๋อก็ลังเล
“ดูเหมือนว่าฉินหลั่งคนนี้จะหล่อขึ้น ทั้งยังสูงขึ้นกว่าเมื่อก่อน ผิวก็ดูขาวเนียนขึ้นได้อย่างไร” กู่ซาชะเง้อไปดูและแสดงความสงสัย
เผิงเมิ่งก็มองเห็นชายที่กำลังแล่นทวนคลื่นในแม่น้ำหวงคนนั้น มีลักษณะท่าทางที่แน่วแน่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน สรุปก็คือเขาดูมีเสน่ห์มากขึ้น
ทุกคนเคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะ ทั้งหวังว่านั่นจะเป็นฉินหลั่งของพวกเธอ ทั้งมีความลังเลไม่แน่ใจ สรุปก็คือตอนนี้ในใจของพวกเธอว้าวุ่นมาก
มีเพียงฉินจูเอ๋อเท่านั้นที่เพียงแค่เขย่งเท้าไปดูแวบนึง ก็มั่นใจว่าผู้ชายที่หล่อเหลาคนนั้นคือคนที่เธอไม่สามารถปล่อยวางได้
“จิตวิญญาณจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง ฉินหลั่ง เธอมาแล้ว” ฉินจูเอ๋อมองไปที่แม่น้ำที่พลุ่งพล่านอย่างงุนงง
เรือลำเล็กนั้นวิ่งฝ่าคลื่นเหมือนลูกศร ฉินหลั่งนั่งบนเรืออย่างสงบ ในเวลานี้ผู้อาวุโสที่นั่งอยู่บนฝั่งค่อยๆลุกขึ้น ผมสีขาวของเขาปลิวไปตามสายลม และในที่สุดก็หันหน้าเข้าหาผู้คน ใบหน้านั้นละมุนราวกับคนหนุ่มสาว
สรีระตรงดิ่งเหมือนปืน แต่งกายด้วยชุดสีดำและมีผมที่งดงาม
นั่นก็คือหัวหน้าแก๊งหัวชิง จ้านอู๋หยา สมญานามว่าวีรบุรุษผู้ไม่เคยแพ้สงคราม!
“ฉินหลั่ง! ในที่สุดเธอก็มาถึงแล้ว! ฉันรอเธออยู่ที่แม่น้ำหวงมาสิบกว่าวันแล้ว! วันนี้ดูท่าไม่ธรรมดาด้วย มาโดยการเหยียบน้ำเหรอ! เร็วเข้า เร็วเข้า!”
เสียงกึกก้องดังก้องอยู่ที่ปากแม่น้ำหวง เสียงกังวานดั่งเสียงระฆังใหญ่ กดเสียงคำรามของแม่น้ำที่ไหลไว้เบื้องล่าง ผู้คนรู้สึกแสบแก้วหู เสียงสะท้อน เร็วเข้า เร็วเข้า ดังก้องอยู่รอบ ๆ ก้องอยู่ไม่หยุดหย่อน
เผิงเมิ่งตกใจมากจนรีบปิดหู ราวกับว่าจุดศูนย์ถ่วงไม่เสถียร และใกล้จะล้มลงกับพื้น
ฉินหลั่งในแม่น้ำหวงเงยหน้าขึ้นมองและพูดเบา ๆ “จ้านอู๋หยา?”
ชายชราพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ ฉันเอง!”
“ดีแล้ว! ฉันจะฆ่าแก!” ขณะที่เขาพูดคลื่นลูกใหญ่ก็หมุนขึ้น ฉินหลั่งวางเท้ามั่นคง ย่ำไปบนเรือเล็ก แล้วกระโดดจากใต้หน้าผาขึ้นไปที่ริมฝั่งแม่น้ำ
เมื่อเรือลำเล็กสูญเสียเจ้าของ จู่ๆก็ถูกคลื่นยักษ์ดูดไป พลิกคว่ำในแม่น้ำสองสามครั้ง ถูกกระแสน้ำซัดจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และหายไปในทันใด
ผู้คนต่างหายใจไม่ทั่วท้อง ในแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว ฉินหลั่งเหมือนเดินอยู่บนพื้นดิน และร่างกายไม่เปียกสักนิด นี่คือทักษะที่ลึกซึ้งมาก? ศิลปะการต่อสู้ฝึกมาถึงขั้นนี้ ถือว่าไม่เสียชาติเกิดแล้ว!
การเลือกวิธีปรากฏตัวเช่นนี้ เป็นเพราะฉินหลั่งต้องการมาให้ทันเวลานัดหมาย จึงซื้อเรือกรรเชียงลำเล็กในตอนล่างของแม่น้ำหวง ลัดเลาะตามแม่น้ำจนถึงหูโข่ว โดยสามารถประหยัดเครื่องมือในการเดินทางได้นับไม่ถ้วน แต่วิธีเดินทางตามใจตัวเองเช่นนี้ เกรงว่าจะมีไม่กี่คนที่กล้าลอง
“ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า วีรบุรุษหนุ่มของจีน ฉันเกรงว่านอกจากฉินหลั่งแล้ว ไม่มีใครกล้าคิดจะฆ่าฉันอีก! ดี ดี!” ไม่เพียงจ้านอู๋หยาจะไม่รำคาญ แต่เขายังรู้สึกสนุก เขาอยู่ในวงการมาหลายสิบปี หาคู่ต่อสู้ได้น้อยมาก นั่งคนเดียวในภาคเหนือสุดทุกวัน ในใจก็รู้สึกเหงา ลึกๆก็มีความรู้สึกโดดเดี่ยว อยากมีคู่ต่อสู้เหมือนกัน
ถ้าฉินหลั่งอ่อนแอ เขาก็หมดความหมายที่จะต่อสู้ มันคงน่าขำที่จะใช้ปืนใหญ่ตียุง
เสียงดีดีดีดังก้องอยู่ในกระแสน้ำ คำรามไม่น้อยไปกว่าเสียงของน้ำในแม่น้ำ ฉินหลั่งสงบและผ่อนคลาย เงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วแผดเสียงยาว ทันใดเสียงดีดีดีนั้นก็ถูกกลบด้วยเสียงคำรามยาวนั้น ดังเช่นเครื่องบินระเบิดแล้วจมลงไปใต้คลื่นในทันที และเสียงที่โหยหวนนั้นชัดเจนและน่าเกรงขาม มันฟังดูสบายหูมาก ความดุดันในเสียงของจ้านอู๋หยาถูกละลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ฉินหลั่ง เธอไม่ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ!” จ้านอู๋หยาแสดงแววตาประหลาดใจ จากนั้นก็หัวเราะ เมื่อเขานั่งสมาธิเขาสงบนิ่งเหมือนร่างกายบริสุทธิ์ของสาวพรหมจรรย์ เหมือนต้นไม้ที่ตายแล้ว แต่ตอนนี้จู่ๆเขาก็พุ่งออกมาเหมือนลูกศรที่แหลมคม และหมอกสีขาวก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผา
ตูม!
ท่ามกลางเสียงดังอึกทึกครึกโครม ฉินหลั่งก็ลอยขึ้นไปในอากาศ ความเร็วของเขาราบเรียบและไร้ข้อจำกัด มันเป็นเคล็ดลับเฉพาะจากบรรพบุรุษของยาวเย่วกง ฝ่ามือยาวเย่วเจ็ดฝ่ามือ เมื่อทั้งสองคนประลองฝ่ามือกัน ริมฝั่งดูเหมือนฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย และหน้าผาดูเหมือนจะถล่มลงไป
เปรี้ยงๆเปรี้ยงๆเปรี้ยงๆๆหลายฝ่ามือติดต่อกัน ทั้งคู่เหมือนลูกธนูแหลมคมยิงไปข้างหลัง ฉินหลั่งท่วงท่าสง่างาม ในขณะที่จ้านอู๋หยากระโดดเหมือนเสือดาว ผู้ชมติดตามอย่างใจจดจ่อ จนลืมแม้แต่ส่งเสียงเชียร์
ทั้งสองหยุดนิ่งอีกครั้ง ไม่มีใครได้เปรียบไปกว่ากันในการสังหารชุดนี้ ตอนฉินหลั่งเก็บฝ่ามือ รูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของเขาทำให้หลายคนแทบหยุดหายใจ แต่ว่าระหว่างคิ้วของเขาดูเย็นชามาก
หัวใจของเผิงเมิ่งเต้นอย่างรุนแรง ในใจคิดว่า ฉินหลั่ง ฉินหลั่ง แม้ฉันจะตายวันนี้ก็มีความสุขมาก เธอครอบงำชีวิตและหัวใจฉันไปแล้ว ฉันใกล้จะเป็นบ้าแล้ว …
ในทางตรงกันข้าม ฉินจูจ้องไปที่จ้านอู๋หยาอย่างดุร้าว ราวกับว่าพร้อมที่จะขึ้นไปกัดจ้านอู๋หยาได้ตลอดเวลา
“จ้านอู๋หยา ฝ่ามือทั้งเจ็ดนี้เป็นเสียงกลองส่งแกไปยมโลก แกทำให้คุณจงขุ่นเคือง ก็เหมือนทำให้เทพมรณะขุ่นเคือง!” ดวงตาของฉินหลั่งเขม่นสูงขึ้น
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ฉินหลั่ง ในฐานะเจ้านายแห่งยาวเย่วกง มีผู้หญิงห้อมล้อมมากมาย จะยอมให้ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งผูกมัดได้อย่างไร? ในวงการต่อสู้ มีกี่คนในโลก ที่สามารถฝึกฝนจนถึงระดับของเธอ น่าเสียดายที่เธอหมกมุ่นแต่โลกแห่งโลกีย์ ช่างน่าเสียดายจริงๆ!” จ้านอู๋หยาทั้งดีใจและเสียดาย ในครึ่งชีวิตของเขาคิดแค่เรื่องการต่อสู้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้สนใจจงยู่หยินยู่ที่ฉินหลั่งพูดสักนิด กลับรู้สึกว่าฉินหลั่งกำลังทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ติดกับดักของความรักเท่านั้น
แน่นอนว่าจ้านอู๋หยาใช้พลังวิเศษเป่ยเฉินกับจงยู่ จุดประสงค์คือเพื่อกระตุ้นให้ฉินหลั่งเข้ามาต่อสู้ ถ้าฉินหลั่งรักษาจงยู่ได้แล้ว เขาจะสูญเสียพลังไปมากอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะไม่ทำ อารมณ์ของฉินหลั่งก็ยังได้รับผลกระทบอย่างมาก จ้านอู๋หยามองการณ์ไกลและร้ายกาจ เขาได้วางหมากที่ทำให้ฉินหลั่งดิ้นไม่หลุดไว้แล้ว
เพียงแค่ หลังจากวางหมากไปแล้วเขาคิดไม่ถึงว่า การที่ฉินหลั่งมีปฏิกิริยาต่อการเจ็บป่วยของจงยู่มากนั้น สอดคล้องกับศิลปะการต่อสู้เชิงสร้างสรรค์ที่ผู้ก่อตั้งสำนักกำหนดขึ้น ในทางตรงกันข้ามจึงทำให้เขาสำเร็จวิทยายุทธโดดเด่นที่สุดแห่งยุคสมัยในเวลาเพียงสามวัน
“โอ้ ที่แท้คุณก็ละทิ้งทางโลกแล้ว แล้วการเดินทางหมื่นลี้มาเมืองจีน ไม่ใช่เพื่อต้องการล้างแค้นให้พี่น้องในแก๊งเหรอ หรือไม่ล้างแล้ว” ฉินหลั่งพูดเบา ๆ
“ฮ่า ฮ่า! แก๊งหัวชิงมีลูกศิษย์มากมาย ดังนั้นตายไปไม่กี่คนจะมีอะไร! รักโลภโกรธหลงสำหรับฉันแล้วเป็นสิ่งไร้ค่าตัดทิ้งไปได้เลย การต่อสู้เท่านั้นคือแก่นสารที่แท้จริง!” จ้านอู๋หยาหัวเราะเยาะ
ผู้คนที่ฟังการสนทนาระหว่างทั้งสองอย่างเงียบ ๆ ได้ยินว่าจ้านอู่หยาไม่ได้ให้ความสำคัญกับลูกศิษย์ในแก๊ง พวกเขารู้สึกหนาวสั่นในใจ วีรบุรุษอ้าปากปิดปากก็การต่อสู้ ที่แท้เขาก็เป็นคนเลือดเย็นไร้หัวใจ เกรงว่าแม้แต่ลูก ๆ ของเขาก็ยังไม่สำคัญเท่าสถานะในวงการต่อสู้ ฉะนั้น ชีวิตและความตายของผู้อื่น จึงเป็นแค่เรื่องหมาแมวในสายตาของเขา
ในเวลานี้จ้านอู๋หยาหัวเราะอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาเปล่งประกาย “แต่เธอท้าทายตำแหน่งของฉัน ขัดขวางไม่ให้ฉันเฉิดฉายในจีน ฉันจะฆ่าเธอและพิสูจน์ศิลปะการต่อสู้ของฉันให้โลกได้เห็น”
หลังจากพูดจบ จ้านอู๋หยาก็กางปีกของเขาออกเหมือนนกยักษ์ พุ่งไปที่ฉินหลั่ง คราวนี้เขาพุ่งตัวเร็วขึ้น สายตาว่องไว ชั่วพริบตาก็ลงไปต่อสู้กับฉินหลั่งในทันที
ครืนๆ!
ทั้งสองประลองฝ่ามือกัน ขาของทั้งคู่ลอยขึ้น พายุหมุนกลิ้งขึ้นมาจากบนพื้น จากนั้นทั้งสองก็บินข้ามน้ำตกหูโข่ว ท่าทางโอ่อ่า
เมื่อทั้งสองตกลง จ้านอู๋หยาโจมตีไม่ยั้ง เท้าจิกไปบนผิวน้ำ ราวกับสัตว์น้ำที่กำลังเลื้อยอยู่บนผิวน้ำ วิ่งไปหาฉินหลั่งช้า ๆ มือของเขาประสานกัน
ผู้คนเงียบเสียง พูดกันอย่างลับๆ พลังบนผิวน้ำของจ้านอู๋หยานั้นยอดเยี่ยมมาก ทั้งสองเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อจริงๆ
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
คลื่นของแม่น้ำหวงถูกปลุกขึ้นโดยพลังที่แข็งแกร่ง กลายเป็นสองฝ่ามือขนาดใหญ่ บีบมันไปที่ฉินหลั่ง ฝ่ามือทั้งสองนี้เกิดจากการควบแน่นจากชี่แท้ของจ้านอู๋หยา คลื่นพายุที่น่ากลัวนั้น ก็เชื่อฟังคำสั่งของเขา รวมกันเป็นสองฝ่ามือน้ำแข็งแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า สาบานว่าจะบีบฉินหลั่งให้เป็นผง!
“เพล้ง!”

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset