รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 297 สถานการณ์ที่ยากลำบากที่ไม่ทันได้เตรียมตัว

บทที่ 297 สถานการณ์ที่ยากลำบากที่ไม่ทันได้เตรียมตัว
ในวันรุ่งขึ้น แสงแรกของแสงแดดยามเช้าสาดส่องมายังหลินอาน เมืองอายุกว่าพันปีแห่งนี้ยังคงพัฒนาอย่างเข้มแข็ง
ครอบครัวแรกในหลินอาน ตระกูลหยูยังคงเงียบและสงบเหมือนเช่นเคย
ในช่วงเวลานี้ หยูจื้อได้จัดการเหตุการณ์กราดยิงในงานแต่งงานของหยูหมิง ในวันนั้นด้วยวิธีการต่างๆของเขา
ตระกูลหยูเข้าสู่สถานการณ์ปกติอีกครั้ง
หยูหมิงตั้งแต่วันนั้นที่เกิดเหตุตอนที่ฉินหลั่งและจงยู่แต่งงานกันในบ้านหลังเก่า หลังจากที่ฉินหลั่งขัดขวางการฆาตกรรมของฝู้คาย หัวใจของเขาที่ถูกฉินหลั่งแย่งชิงเจ้าสาวของเขาที่ถูกผูกมัดไว้ก็คลายลง
ฉินหลั่งเป็นลูกชายคนโตของตระกูลฉินและจงยู่เป็นหลานสาวของตระกูลจงเย็นจีน ทั้งสองคนเป็นชายและหญิงที่มีพรสวรรค์
สำหรับฉินหลั่ง หยูหมิงมีแต่ความชื่นชมและยอมจำนนอยู่ในใจ!
หยูจื้อทานอาหารเช้าเสร็จเก็บเสื้อผ้า ส่วนหยูหมิงก็เดินออกมาข้างนอกคฤหาสน์
หยูหมิงกลับมาจากต่างประเทศและยุ่งกับการแต่งงานของตัวเอง ตอนนี้การแต่งงานล้มเหลวถึงเวลาต้องทำอะไรบางอย่างที่จริงจัง หยูจื้อกำลังจะให้หยูหมิงเข้าสู่ธุรกิจของครอบครัวอย่างเป็นทางการ ทำงานในบริษัทหัวเสร์
เริ่มต้นด้วยผู้จัดการแผนกแล้วขยับขึ้นทีละขั้น หลังจากที่หยูหมิงเข้าใจธุรกิจต่างๆของกลุ่มอย่างละเอียดและสร้างฐานภายในกลุ่ม เขาจะส่งมอบบริษัทหัวเสร์ให้หยูหมิงโดยสมบูรณ์
ในเวลานี้เขา “ทุ่มเท” ทำงานให้กับบริษัทหัวเสร์มาตลอดชีวิต ก็สามารถเกษียณได้ เขาสามารถเดินทางไปทั่วโลกเข้าร่วมการแข่งขันไพ่นกกระจอก ไปยังพื้นที่ที่ยากจนที่สุดของแอฟริกาเพื่อทำการกุศลและทำสิ่งที่เขาต้องการ
นึกถึงชีวิตดีดีตอนนั้นเขาก็รู้สึกสบายใจมาก
สิ่งที่สำคัญที่สุดในปัจจุบันคือการฝึกฝนลูกชายของเขาเพื่อที่เขาจะสามารถดูแลบริษัทหัวเสร์ได้สำเร็จ
“จำไว้ว่าแม้ว่าลูกจะเป็นลูกชายของพ่อแต่คนอื่นๆในนี้ก็อยู่กับพ่อมานานกว่า 30 ปีและเป็นคนสร้างมันขึ้นมา ลูกต้องเคราพพวกเขา…” ภายในรถ หยูจื้อยังคงตักเตือนหยูหมิงอย่างเป็นห่วง
หยูหมิงก็ฟังด้วยความถ่อมตัวเช่นกัน บริษัทหัวเสร์ของครอบครัวเขาเป็นกลุ่มใหญ่และเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในมณฑลเจ้อเจียง แถมอยู่เหนือธุรกิจต่างๆในประเทศ เขาต้องมาดูแลสิ่งที่ยิ่งใหญ่แบบนี้เป็นความกดดันที่ไม่ใช่น้อยของหยูหมิง
รถคันดังกล่าวขับมาอย่างช้าๆจนถึงหน้าอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทหัวเสร์
หยูจื้อและหยูหมิงลงจากรถ ระหว่างทางจากชั้นล่างไปยังห้องประชุมพนักงานทุกคนที่เห็นพวกเขาก็หยุดทักทายและแสดงความยินดี!
ในห้องประชุมคนสำคัญหลักทั้งหมดของกลุ่มรอพวกเขาอยู่ที่โต๊ะประชุมแล้ว
ทันทีที่หยูจื้อและหยูหมิงเข้ามา ผู้บริหารระดับสูงทุกคนก็ลุกขึ้นยืนยิ้มและทักทายหยูจื้อและหยูหมิง “สวัสดีครับท่านประธาน! สวัสดีคุณชายหยู!”
“เอาล่ะทุกคนนั่งลงเถอะ!” หยูจื้อพูดอย่างใจดี พูดจบเขาก็นั่งลง คนระดับสูงคนอื่นๆก็นั่งลงเช่นกัน แต่หยูหมิงยังคงยืนอยู่
“วันนี้ที่เรียกทุกคนมานั้นไม่มีอะไรมาก แค่อยากจะแจ้งให้คุณทราบว่าหยูหมิงลูกชายของฉันจะเข้ามาทำงานอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันนี้ เขาจะทำหน้าที่เป็นรองผู้จัดการฝ่ายการตลาดในขณะนี้ ผู้จัดการจางรบกวนดูแลเขาด้วย!”
“รับทราบ! คุณชายหยูมองดูแล้วต้องฉลาด แค่หนึ่งเดือนคุณชายหยูก็คงจะอยู่คนเดียวได้แล้ว” ผู้จัดการจางยืนขึ้นตอบและยินดี
“โอเค” หยูจื้อรู้สึกสบายใจมากหลังจากได้ยินแบบนั้น เขามองไปรอบ ๆ และพูดว่า “พวกคุณแยกกันมารายงาน ว่าในเดือนมีเรื่องอะไรคือบหน้าไปบ้าง!”
หลังจากพูดจบหยูจื้อมองไปที่หยูหมิงและกระซิบว่า “ตั้งใจฟัง!”
จริงๆแล้วเขาอยากให้โอกาสหยูหมิงทำความเข้าใจกับบริษัท
“ฉันพูดก่อนละกัน บริษัทก่อสร้างหัวเสร์กำลังดำเนินโครงการก่อสร้างถนนวงแหวนเมืองซูโจวด้วยเงินลงทุน 130 ล้านหยวน… ” ผู้รับผิดชอบของบริษัทก่อสร้างหัวเสร์พูด
บริษัทหัวเสร์มีบริษัทย่อยหลายแห่งซึ่งครอบคลุมโครงการต่างๆเช่นการก่อสร้าง การดูแลทางการแพทย์กีฬา ฟิตเนส การศึกษาและการฝึกอบรมและการเดินทางไปต่างประเทศ
“รายได้สะสมของโรงพยบาลหัวเสร์เมื่อเดือนที่แล้วอยู่ที่8.73ล้านหยวนซึ่งเติบโตขึ้นติดต่อกัน 15 เดือน ปัจจุบันเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ทำกำไรได้มากที่สุดเมืองหลินอานโดยรองรับโรงพยาบาลของรัฐ…”
“สำนักงานใหญ่เภสัชกรรมหัวเสร์เพิ่งลงนามในสัญญาจัดซื้อยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์มูลค่า 30 ล้านหยวนกับโรงพยาบาลของรัฐ 4 แห่งในออนตาริโอ ปัจจุบันเรายังคงเจรจากับโรงพยาบาลหลายแห่งในเซี่ยงไฮ้และมณฑลเจียงเพื่อความร่วมมือในปัจจุบันซึ่งมีความเป็นไปได้สูงมาก!”

ผู้รับผิดชอบพูดคุยกันเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งฟังดูน่าตกใจจริงๆไม่น่าแปลกใจที่ตระกูลหยูเป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในหลินอาน ความแข็งแกร่งนี้เทียบไม่ได้กับคนทั่วไป
หยูหมิงยืนอยู่ข้างๆหยูจื้อ โดยประมาณในใจว่าจำนวนเงินที่ผู้รับผิดชอบเหล่านี้พูดนั้นสูงถึงสองร้อยล้าน
นี่เป็นเพียงผลงานของบริษัทหัวเสร์ในช่วงไม่นานมานี้ ถ้านับผลงานประจำปีนั่นคงจะเป็นหมื่นล้าน!
ในอดีตหยูหมิงรู้แค่ว่าครอบครัวของเขามีเงิน แต่เขาไม่รู้ว่าเขามีเงินเท่าไหร่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าครอบครัวของเขาเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้มากกว่า 2 พันล้านในเวลาไม่กี่เดือน!
หลังจากที่ทุกคนรายงานเสร็จแล้วหยูจื้อก็มองไปที่หยูหมิง และพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ต้องตั้งใจเรียนรู้นะรู้ไหม?”
“รู้แล้ว พ่อไม่ต้องกังวล!” หยูหมิงพูดว่า นี่มันเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าหลายพันหลายหมื่นล้านนะ? ถ้าเขาไม่เรียนรู้อย่างหนัก ทิ้งครอบครัวไว้ข้างหลัง เขาก็จะกลายเป็นคนบาปของครอบครัว!
“ดีมาก” หยูจื้อพยักหน้า เขามองไปที่คนอื่น ๆและกำลังจะเลิกประชุม
โทรศัพท์ของผู้รับผิดชอบสำนักงานใหญ่เภสัชกรรมหัวเสร์สั่นมา 3 ครั้งก่อนหน้านี้เป็นสายจากเลขาของเขา แต่เขาวางสายเพราะติดประชุม
เมื่อกี้เลขาส่งข้อความไปยังโทรศัพท์มือถือของเขาหลังจากอ่านจบผู้รับผิดชอบก็ตัวสั่นและเร่งรีบ
“ประธาน … ” ตอนนี้เขารู้สึกว่าต้องรายงานต่อประธาน เขาเห็นคนรับผิดชอบคนนี้มีสีหน้าตื่นตระหนก
“มีอะไรเหรอ!” หยูจื้อพูดอย่างไม่พอใจ
“เลขานุการของฉันบอกฉันทางข้อความว่าตอนนี้โรงพยาบาลในเซี่ยงไฮ้และมณฑลเจียงหยุดติดต่อกับทางเรากะทันหันและโรงพยาบาลสี่แห่งในออนแทรีโอที่เซ็นสัญญาข้อตกลงกับเรา ไม่รับอุปกรณ์การแพทย์ของพวกเราแล้ว”
“อะไรนะ!”
หยูจื้อประหลาดใจเช่นกัน เมื่อได้ยินเรื่องนี้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นเขาพูดกับผู้รับผิดชอบว่า “ตอนนี้คุณควรคุยกับอีกฝ่ายและพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ความร่วมมือกับอีกฝ่าย!”
“ครับ!” ผู้รับผิดชอบของบริษัทยาตอบทันทีและโทรหาเลขาทันทีเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ทันใดนั้นในห้องประชุม ทุกคนต่างก็ได้ยินเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือ ผู้รับผิดชอบบริษัทในเครือหัวเสร์คนอื่น ๆ ก็ได้รับสายจากเลขานุการและผู้ช่วยเช่นกัน
“ไม่เป็นไร รับไป” หยูจื้อพูดลางสังหรณ์ที่เป็นลางไม่ดีของเขาแข็งแกร่งขึ้น!
ผู้รับผิดชอบทุกคนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและเมื่อพวกเขาทราบข่าวที่เลขานุการและผู้ช่วยรายงานทางโทรศัพท์มือถือพวกเขาก็กังวลอย่างมาก เพราะเลขานุการแต่ละคนไม่ได้แจ้งข่าวดี ต่างเป็นสิ่งที่รับมือยาก
เป็นเรื่องยากมากที่ผู้รับผิดชอบทุกคนไม่สามารถแบกรับได้ พวกเขารายงานต่อหยูจื้อทันทีถึงปัญหาที่บริษัทต้องเผชิญหน้า
“ประธาน บริษัทก่อสร้างหัวเสร์ชนะการประมูลโครงการถนนวงแหวนเมืองซูโจว รัฐบาลเทศบาลเมืองซูโจวเข้าแทรกแซงการสอบสวนโดยบอกว่าเรามีการติดสินบนในกระบวนการเสนอราคาและระงับการมีส่วนร่วมของบริษัทก่อสร้างหัวเสร์ในการก่อสร้าง เราจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมอีกจนกว่าการสอบสวนชัดเจน!
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการทำให้พวกเราลำบาก ทำไมต้องตรวจสอบบริษัทเขาที่เดียวว่ามีปัญหาเมื่อ รอจนการตรวจสอบชัดเจน ถนนคงได้รับการซ่อมแซมจนเสร็จแล้ว”
“โรงพยบาลหัวเสร์ถูกสำนักอนามัยบุกค้นโดยบอกว่าสภาพสุขอนามัยของโรงพยาบาลของเราไม่เป็นไปตามมาตรฐานและคุณสมบัติของพนักงานไม่เป็นไปตามข้อกำหนด ไม่เพียงแต่ปรับเรา 1 ล้านหยวนเท่านั้น แต่ยังกำหนดให้เราระงับการทำธุรกิจสำหรับ ความไม่ไว้วางใจเกิดขึ้นและผู้ป่วยทุกคนกำลังขอเงินคืน”
“โรงยิมหัวเสร์ถูกตรวจสอบ สมาชิกของเรากำลังขอเงินคืน บริษัทและโรงเรียนที่เราให้ความร่วมมือได้ยกเลิกความร่วมมือกับเราและเรียกร้องให้เราชดเชยค่าเสียหาย”
“ดาราหนัง สวีชื่อช่างขอยุติสัญญากับเรา”
“ซูเปอร์โมเดลอย่างเป้ยเป้ยต้องการยุติสัญญากับเรา”

ในห้องประชุม ทุกๆบริษัทย่อยเกือบทุกแห่งประสบปัญหาเดียวกันและทุกปัญหาสามารถทำให้บริษัทย่อยเจ็บปวดได้
ผู้รับผิดชอบทุกคนในห้องประชุมอยู่ในความงุนงงเมื่อพวกเขาวิตกกังวล ทำไมทุกบริษัทถึงมีปัญหาในเวลาเดียวกัน?
“พ่อเป็นอะไรรึเปล่า” หยูหมิงตื่นตระหนก เขารู้สึกว่ามันแปลกเกินไปที่จู่ๆบริษัทของเขาก็ตกอยู่ในสถานการณ์หน้าลำบากเช่นนี้ เขามองไปที่พ่อของเขาแล้วถามว่า “มีใครจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราตระกูลหยูไหม”
หยูจื้อเงียบเขาขมวดคิ้วและค้นหาคำตอบทั้งหมดนี้ในใจอย่างรวดเร็ว? มันคือใครใครบนโลกนี้ที่ใช้วิธีสกปรกกับพวกเขา?
แต่หยูจื้อก็คิดไม่ออก เขาคิดว่าในด้านการติดต่อคนอื่นๆด้านนี้เขาจัดการสิ่งต่างๆได้อย่างดีเยี่ยม!
เขาไปทำอะไรให้ใครเข้า ใครกันที่มีความสามารถที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ในเวลาเดียวกันทำให้บริษัทย่อยเกือบทั้งหมดในกลุ่มของเขาถูกฟ้าร้องได้!
“พวกคุณควรกลับไปจัดการกับปัญหาของบริษัทที่เกี่ยวข้องก่อน! นำความสามารถของพวกคุณออกมาและพวกคุณต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่าผลประโยชน์ของหัวเสร์! หากมีความคืบหน้าอย่างไรต้องรายงานให้ฉันรู้!” หยูจื้อพูดผู้รับผิดชอบของบริษัทย่อย
“ครับ…” ผู้รับผิดชอบทุกคนตอบหน้าเครียดและเดินออกจากห้องประชุมไปอย่างทุลักทุเล!
ท่ามกลางผู้คนมากมายมีเพียงคนเดียวที่แอบชำเลืองมองหยูจื้อที่นั่งอยู่บนเก้าอี้และแสดงท่าทีเยาะเย้ยเล็กน้อยเมื่อเขาเดินออกจากประตูห้องประชุม
คนๆนี้ชื่อหม่าฝูหรุ้ย เขาเป็นคนเก่าที่ติดตามหยูจื้อตั้งแต่ 30 ปีก่อนที่ยังไม่มีอะไรและสร้างมันขึ้นมา
อย่างไรก็ตามในใจเขามีความไม่พอใจอย่างมากกับหยูจื้อ เพราะเขาสองคนออกแรงเท่ากันอย่างเห็นได้ชัด แต่เพราะเงิน 100,000 หยวนของหยูจื้อ ทำให้หยูจื้อเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในหลินอาน ส่วนเขายังคงเป็นคนที่คอยทำงานให้หยูจื้อ
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ตระกูลฉาวฉาวหนิงได้เชิญเขาไปที่ร้านกาแฟเพียงเพื่อทำให้เขาประทับใจและยุยงเขา
ตอนนี้หม่าฝูหรุ้ยเป็นคนของตระกูลฉาวแล้วและเขาจะมีบทบาทสำคัญในการทำลายตระกูลหยูในช่วงเวลาสำคัญ
หม่าฝูหรุ้ยเดินออกจากอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทหัวเสร์ และให้คนขับรถไปส่งที่บ้านพักตระกูลฉาว
หม่าฝูหรุ้ยเดินเข้าไปในบ้านโดยมีคนรับใช้ของตระกูลฉาวเดินนำไปที่ห้องของฉาวหนิงอย่างรวดเร็ว เสียงสุนัขคู่รักดังเข้ามาในหูของหม่าฝูหรุ้ยรอจนเขาผลักประตูห้องของฉาวหนิงออก มันทำให้เขาอ้าปากกว้างและร้องเสียง “ว้าว” ขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ …

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset