บทที่ 272 กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นใครรับ
“แล้วจะทำไม? แกคิดจะทำอะไร? ฉันจะบอกอะไรให้ว่าฉันคือคุณชายของกรุ๊ปเหว่ยฮุ่ย ลูกพี่ลูกน้องของฉันคือคนของตระกูลซ่งแห่งเย็นจีน ถ้าแกกล้าแตะต้องฉันแม้แต่ปลายนิ้ว ฉันไม่มีวันปล่อยให้แกมีชีวิตรอดออกไปจากเย็นจีนแน่นอน” ฟางเจิ้งพูด โดยปกติแล้วเมื่อเขาบอกชื่อของตัวเองแล้ว ต่อให้เป็นคนที่น่ากลัวแค่ไหน ก็ไม่มีใครกล้าแตะต้องเขา
“แค่มีสถานะแบบนี้หน่อย แกก็สามารถทำทุกอย่างที่ตัวเองต้องการได้ยังงั้นเหรอ? ” ฉินหลั่งถาม แล้วเขาก็เดินเข้าไปหาฟางเจิ้งทีละก้าว
“ฉันขอเตือนว่าอย่าเข้ามา! ” ฟางเจิ้งถอยหลังไปตรงเตียง ในใจเขาก็รู้สึกหวาดกลัวฉินหลั่ง เพราะว่าคนที่ดุร้ายอย่างเฉิงเหมิ่งยังไม่สามารถฆ่าเขาได้สำเร็จ
ฟางเจิ้งถอยหลังจนไปหยุดอยู่ข้างเตียง แล้วก็นั่งลงบนเตียง แล้วก็เอามือดันให้ถอยไปด้านหลังเรื่อยๆ จนถอยไปถึงหัวเตียง เขาก็ไม่มีทางให้ถอยอีกแล้ว
“พี่ใหญ่ ครั้งนี้ปล่อยผมไปเถอะนะ ผมหัวร้อนไปหน่อย ก็เลยหาคนไปฆ่าพี่……”ทันใดนั้นฟางเจิ้งก็เปลี่ยนสีหน้าทันที เขาหน้ามุ่ยแล้วมองไปที่ฉินหลั่ง
ตอนนี้เอง ฉินหลั่งเดินไปถึงข้างเตียง ซ่งอวี่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา พอเห็นว่าฉินหลั่งไม่ได้ป้องกันตัวเอง กล้ามเนื้อแขนทั้งสองข้างของซ่งอวี่ก็กระชับขึ้น ความโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นในสายตาของเขา เขาได้เข็มขัดสีดำในยูโดเลยนะ
จากตำแหน่งของเขากับฉินหลั่งในตอนนี้นั้น เขาสามารถรัดคอของฉินหลั่งได้อย่างง่ายดาย พอรัดคอของฉินหลั่งได้แล้ว เขาก็จะเหมือนกับงูเหลือม ค่อยๆ รัดร่างกายของเขาให้แน่นขึ้นเรื่อยๆ จนฉินหลั่งขาดใจตาย
ตอนที่ซ่งอวี่เตรียมจะลงมือนั้น ก็เห็นฟางเจิ้งหยิบปืนพกออกมาจากใต้หมอนอย่างรวดเร็ว เล็งไปที่ฉินหลั่ง แล้วก็ตะโกนด้วยรอยยิ้มว่า “ไปตายซะ”
ฟางเจิ้งพกปืนติดตัวไว้ตลอด เมื่อกี้จู่ๆ เขาก็พึ่งนึกขึ้นได้ ว่าเขาซ่อนปืนไว้ใต้หมอน ดังนั้นเมื่อกี้ที่เขาถอยหลังขึ้นเตียง และขอร้องอ้อนวอนขอความเมตตาจากฉินหลั่ง ก็เพื่อที่จะเบี่ยงเบนความสนใจจากเขา ลดความระมัดระวัง แล้วก็หยิบปืนออกมา เพื่อฆ่าฉินหลั่ง
“ปังๆๆ ”
ฟางเจิ้งยิงฉินหลั่งสามนัดติดต่อกัน
ฉินหลั่งตกใจเล็กน้อย ตอนที่ฟางเจิ้งชูปืนขึ้นมานั้น ร่างกายของเขาก็หลบอย่างรวดเร็วเหมือนกับเสือชีต้า
กระสุนทั้งสามลูกของฟางเจิ้งพุ่งเข้ากำแพง ไม่มีลูกไหนยิงโดนฉินหลั่งเลย
“เอ้ะ…”
ความเร็วของฉินหลั่งทำให้ฟางเจิ้งอุทานออกมาอย่างตื่นตะลึง เขาเร็วมากแล้วนะ ทำไมฉินหลั่งถึงได้หลบทัน? ฟางเจิ้งหาร่างของฉินหลั่ง แล้วก็เล็งปืนไปที่เขาอีกครั้งทันที
แต่ว่าก่อนที่เขาจะเหนี่ยวไก่ ก็เห็นแสงหนึ่งวูบวาบ หลังจากนั้นก็มีเสียง “ติ๊ง” ดังขึ้น ใบมีดฟันเข้ากับปืนพกของฟางเจิ้ง มีประกายไฟพุ่งออกมาเล็กน้อย
ฝ่ามือของฟางเจิ้งสั่น ถือปืนต่อไปไม่ได้
“ตุ้บ”
ปืนหล่นลงบนเตียง ฟางเจิ้งไม่คำนึงถึงความเจ็บปวดเลย อยากจะยื่นมือไปหยิบอีกครั้ง ทันใดนั้นก็มีเงาของมือหนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตา แล้วปืนก็หายไปแล้ว
ฟางเจิ้งเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ ก็เห็นว่าฉินหลั่งถือปืนนั้นอยู่ในมือแล้ว ตอนนี้เอง ปากกระบอกปืนก็ถูกชี้มาที่หัวของเขา
เมื่อได้เห็นทักษะที่ยอดเยี่ยมของ ฉินหลั่งแบบนี้ ซ่งอวี่ก็แอบกลัวอยู่เหมือนกัน โชคดีที่เมื่อกี้เขายังไม่ทันได้ลงมือทำอะไร ไม่ยังงั้นก่อนเขาจะบีบคอของฉินหลั่งนั้น ฉินหลั่งน่าจะจัดการชีวิตเล็กๆ ของเขาก่อนแล้ว
“โอ๊ย…”ฟางเจิ้งกลัวมากจนเหมือนวิญญาณของเขากำลังจะช็อก จิตใต้สำนึกของเขาสั่งให้เขานอนลงบนเตียง แล้วก็มองกระเจี๊ยวของตัวเองที่เมื่อกี้ทุกอย่างยังปกติ แต่ว่าตอนนี้มันได้หดตัวไปแล้ว
“แกอยากลองชิมรสชาติของถั่วลิสงไหม? ” ฉินหลั่งถามอย่างเยือกเย็น
“ไม่ ไม่ๆๆๆ ……”ฟางเจิ้งตั้งสติได้ แล้วก็รีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
เขาคุกเข่าลงบนเตียง แล้วก็ก้มหัวให้ฉินหลั่ง “พี่ใหญ่ฉินหลั่ง ผมผิดไปแล้ว ผมหัวร้อนไปช่วงเวลาหนึ่ง ขอร้องคุณอย่าคิดแค้นกับผสมเลยนะ ผมมันเป็นแค่คนต้อยต่ำที่ไร้ยางอาย……”
“มานี่! ” ฉินหลั่งมองหน้าเฉิงเหมิ่งแล้วพูด
“ครับ……”เฉิงเหมิ่งตอบด้วยความรู้สึกประหม่า แล้วก็เดินไปหยุดอยู่ข้างๆ ฉินหลั่ง
“ใช้ปืนกระบอกนี้ยิงมันสามนัด! ” ฉินหลั่งยื่นปืนให้เฉิงเหมิ่ง ในเมื่อฟางเจิ้งกับเฉิงเหมิ่งจะฆ่าเขากับต้ายเฉียนโป๋ ฉินหลั่งก็ต้องให้พวกเขาได้ชดใช้
ตอนนี้เขาไม่ใช่คุณชายของตระกูลฉินอีกต่อไปแล้ว เขาไม่สามารถใช้อำนาจของตระกูลฉินมาแก้ไขปัญหาได้อีก เพราะฉะนั้นเรื่องแบบนี้ เขาจะลงมือด้วยตัวเองไม่ได้ ไม่ยังงั้นจะเป็นการหาเรื่องให้ตัวเองครั้งใหญ่
เฉิงเหมิ่งรีบปืนไป แล้วก็ค่อยๆ มองไปที่ฟางเจิ้งที่นั่งคุกเข่าอยู่บนเตียง พร้อมกับพูดด้วยเสียงสั่นว่า “คุณชายฟาง ขอโทษนะครับ”
“เฉิงเหมิ่ง ทรยศยังงั้นเหรอ ลองกล้ายิงฉันดูสิ! ฉันจะฆ่าแก” ฟางเจิ้งกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก
“ขอโทษนะครับ คุณชายฟาง!”เฉิงเหมิ่งค่อยๆ ชูปืนขึ้นช้าๆ
จากท่าทีที่สงบนิ่งของฉินหลั่งนั้น เขารู้ดีว่า ถ้าเกิดว่าตัวเองไม่ทำตามที่ฉินหลั่งพูด ถ้ายังงั้นน่าจะเป็นเขาเองที่ถูกยิง
“แก…”ฟางเจิ้งสั่นไปทั้งตัว เขามองไปที่ซ่งอวี่ แล้วก็ขอร้อง “พี่ชาย รีบบอกให้มันหยุดเร็ว เร็ว มันจะยิงแล้วนะ……”
“เฉิงเหมิ่ง!”ซ่งอวี่เรียก
“พี่ชาย ยังมีพี่ที่ดีต่อผม รีบบอกให้มันวางปืนลงเร็ว……”
ฟางเจิ้งมีความสุข พี่ชายออกตัวช่วยเขาแล้ว เขามองไปที่เฉิงเหมิ่ง แล้วก็ตำหนิว่า
“รีบวางปืนลงสิ พี่ชายฉันเป็นใครแกไม่รู้หรือยังไง? ถ้าเกิดว่าแกกล้าฝ่าฝืนคำพูดของเขาล่ะก็ ตระกูลซ่งไม่มีวันปล่อยแกไปแน่ รีบวางปืนลงเดี๋ยวนี้! ”
“ฟางเจิ้ง”
ซ่งอวี่มองมาที่ฟางเจิ้งอีกครั้ง เขาขมวดคิ้วแน่น ท่าทางของเขาไม่ได้เหมือนกับว่าจะหยุดเฉิงเหมิ่งเลย ฟางเจิ้งใจเริ่มเต้นแรง
ซ่งอวี่พูดต่อ “นายลงมาจากเตียงก่อน ยืนที่พื้น ให้เฉิงเหมิ่งยิงนายสามนัด ถ้าเกิดว่านายคุกเข่าอยู่บนเตียง เฉิงเหมิ่งจะยิงได้ไม่แม่น ถ้าเกิดว่ายิงผิดที่ มันก็จะไม่ดีกับนายเองนะ”
ที่แท้ที่ซ่งอวี่เรียกเฉิงเหมิ่งไว้ ไม่ใช่เพราะว่าจะหยุดเขา แต่ว่าให้ฟางเจิ้งลงมาจากเตียง เพื่อให้เฉิงเหมิ่งเล็งได้ดีกว่า!
ฟางเจิ้งแทบจะพังทลายแล้ว
“พี่ ช่วยผม……”ฟางเจิ้งรู้สึกหมดหวังอย่างมากแล้ว ซ่งอวี่คือความหวังเดียวของเขา
“ลงมา! ”
ซ่งอวี่ลากฟางเจิ้งลงมาจากเตียง เขาหวังดีกับฟางเจิ้งจริงๆ ถ้าเกิดว่าขดอยู่บนเตียง ตำแหน่งที่ไม่อันตรายอย่างขา เท้า ก็ไม่สามารถยิงได้ มันก็ถือว่าเป็นการบังคับให้เฉิงเหมิ่งเล็งไปที่หัวของฟางเจิ้งไม่ใช่เหรอ?
“นายขอร้องฉันไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก…”
ซ่งอวี่ขมวดคิ้วแล้วพูด
ฟางเจิ้งตั้งสติได้ทันที แล้วก็หันไปมองฉินหลั่ง
“คุณฉิน ปล่อยผมไปเถอะ ผมเป็นลูกเศรษฐีนะ ผมสามารถให้เงินคุณได้เยอะแยะมากมาย ขอแค่คุณอย่าให้เฉิงเหมิ่งยิงเลย ขอร้องล่ะ ผิวของผมมันบอบบาง โดนยิงสามนัดผมอาจจะตายได้เลยนะ! ”
ในตอนนี้ฟางเจิ้งนั้นเป็นเหมือนขอทาน ตอนนี้เขาลืมไปทั้งหมดแล้ว ว่าเมื่อตอนกลางวันตอนที่อยู่ต่อหน้าครอบครัวมหาวิทยาลัยเย็นจีนนั้น เขาเย่อหยิ่งและเผด็จการขนาดไหน แต่ว่าตอนนี้เขาเหมือนกับที่เขาเรียกเมื่อตอนบ่ายว่า “หมา” ที่กำลังขอความเมตตา
“แกยังมัวแต่รออะไรอยู่! ” ฉินหลั่งไม่มีความเห็นอกเห็นใจให้ฟางเจิ้งเลยแม้แต่นิดเดียว เขากดดันเฉิงเหมิ่งอีกครั้ง
“ครับ…”เฉิงเหมิ่งตอบรับ แล้วก็เล็งปืนไปที่ขาของฟางเจิ้ง
“ปังๆๆ ”
มีเสียงปืนสามนัดดังขึ้นในคฤหาสน์ ฟางเจิ้งถูกยิงที่ขาขวาติดต่อกันสามนัด เลือดไหลออกมาจากบาดแผลทั้งสามทันที
ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องที่เหมือนหมูถูกเชือดของฟางเจิ้ง
“โอ๊ย……”
เขาล้มลงที่พื้น มือทั้งสองข้างกอดขาของตัวเองไว้ ความเจ็บปวดที่เหมือนกับคลื่นของน้ำตกซัดโหมกระหน่ำได้กระตุ้นเยื่อหุ้มสมองของเขา ทำให้เขารู้สึกว่าตายไปซะยังดีกว่าอยู่อีก
บนพื้นเต็มไปด้วยแอ่งเลือดสีแดงสดอย่างรวดเร็ว
“ดีมาก เรื่องนี้ถูกแก้ไขแล้ว ฉันจะไปละ! ” ฉินหลั่งมองไปที่ฟางเจิ้งที่กำลังนอนเจ็บปวดทุรนทุรายอยู่ที่พื้น แล้วก็เดินไปยังประตู เขาอยากจะไปดูอาการของต้ายเฉียนโป๋ที่โรงพยาบาลหน่อย
แต่เฉิงเหมิ่งที่ยิงฟางเจิ้งเมื่อกี้นี้ ตอนนี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากกว่าเดิมแล้ว
คนทำเขาทำร้ายนั้นก็คือฟางเจิ้ง ตระกูลฟาง ตระกูลซ่งจะจัดการกับเขายังไงกัน?
หลังจากงุนงงอยู่สักพัก เฉิงเหมิ่งก็เลือกที่จะหนี โดนตำรวจจับยังจะดีซะกว่า ถ้าเกิดว่าโดนคนของตระกูลฟางกับตระกูลซ่งจับล่ะก็ ถ้ายังงั้นผลลัพธ์มันก็ไม่สามารถคาดเดาได้แล้ว เขามีโอกาสสูงมากที่จะถูกฆ่า
เฉิงเหมิ่งวิ่งหนีออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลฟางหัวซุกหัวซุน ขึ้นรถSagitarของตัวเองด้วยความรวดเร็ว แล้วก็หนีออกไปจากชุมชน
ฟางเจิ้งยังคงนอนร้องอย่างเจ็บปวดอยู่ที่พื้น สาวๆ ที่อยู่บนเตียงนอนกอดกันอยู่ตรงมุมด้วยความตกใจ และซ่งอวี่ก็รู้สึกโล่งใจ ยังดีที่เขามีไหวพริบ โยนความรับผิดชอบให้ฟางเจิ้ง ไม่ยังงั้น คนที่ถูกยิงคงไม่ใช่ฟางเจิ้งเพียงคนเดียวแน่นอน
ซ่งอวี่ไม่ได้ก้มลงดูอาการของฟางเจิ้งในทันที แต่ว่าเขาหยิบเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมา นั่งลงบนเตียง แล้วก็ใส่กางเกงใน กางเกง เสื้อ ค่อยๆ ใส่ทีละตัว
ตอนนี้เอง ร.ป.ภ.ของชุมชนก็รีบเข้ามาในคฤหาสน์ เห็นฟางเจิ้งที่นอนอยู่ที่พื้น ทุกคนก็อึ้งไป ใครกล้าขนาดนั้น ที่ยิงคุณชายฟาง?
“เรียกรถพยาบาลเดี๋ยวนี้! ” ซ่งอวี่มองร.ป.ภ.ที่ยืนอึ้งอยู่แล้วออกคำสั่ง ร.ป.ภ.พวกนั้นพยักหน้าทันที แล้วก็มีคนหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรออกไปยังเบอร์ฉุกเฉิน
“…พี่ชาย ผมทำตาม…สิ่งที่พี่บอกแล้ว พี่ต้องช่วยผมแก้แค้นให้ได้นะ ฆ่าไอ้ร.ป.ภ.คนนั้น…แล้วก็เฉิงเหมิ่ง ผมอยากให้พวกมันแย่กว่าผมเป็นร้อยเท่า….” ฟางเจิ้งเริ่มปรับตัวกับอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ขาได้บ้างแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความยากลำบาก มองไปที่ซ่งอวี่แล้วก็พูดออกมา
“โอเค ฉันจะจดจำการเสียสละที่นายทำเพื่อฉันในครั้งนี้”
ซ่งอวี่เดินไปหยุดอยู่ข้างๆ ฟางเจิ้งแล้วย่อตัวลง เขาลูบหัวของฟางเจิ้งเบาๆ หลังจากนั้นสายตาก็มองออกไปข้างนอกช้าๆ ความเกลียดชังปรากฏขึ้นที่ม่านตาของเขา เขาพูดเสียงเบาว่า “ฉันจะต้องให้ไอ้ร.ป.ภ.คนนั้นรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่อยากจะตายมากกว่าอยู่ ให้มันได้รู้สึกหมดหวัง หลังจากนั้นก็จะจัดการชีวิตมันด้วยตัวเอง! ”
ซ่งอวี่ไม่มีทางอนุญาตให้คนที่มีฝีมือทางด้านศิลปะการต่อสู้สูง แล้วยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตัวเองมีชีวิตรอดต่อไปหรอก
ฉินหลั่งนั่งอยู่บนรถแท็กซี่ แล้วก็โทรหาต้ายเฉียนโป๋ ถามก็ได้ความว่า ต้ายเฉียนโป๋ถูกส่งไปที่โรงพยาบาลหรินซินในเย็นจีน ฉินหลั่งก็รีบตามไปที่โรงพยาบาลหรินซินทันที
พอลงจากรถแท็กซี่ ฉินหลั่งก็วิ่งเข้าไปที่ชั้น3ของโรงพยาบาล แล้วก็เห็นพี่ชายและน้องสาวของต้ายเฉียนโป๋ในห้องผู้ป่วยทั่วไป ส่วนต้ายเฉียนโป๋ก็นอนอยู่บนเตียง แผลของเขายังไม่ได้รับการรักษา
“ฉินหลั่ง นายมาแล้วเหรอ นายไม่ได้เป็นอะไรก็ดีแล้ว……”เห็นฉินหลั่งปลอดภัย ต้ายเฉียนโป๋ก็สบายใจแล้ว
“พี่ต้าย ทำไมไม่ให้ที่โรงพยาบาลดูแผลหน่อย มันผ่านมานอนแล้วนะ? ” ฉินหลั่งถามอย่างกังวล มองดูบาดแผลที่ศีรษะของต้ายเฉียนโป๋ เขารู้สึกเป็นกังวลมาก
“โรงพยาบาลจะไม่ผ่าตัดให้ของฉันถ้าไม่มีเงิน ห้องนี้พวกเราจ่ายเงินไป150ถึงจะได้เข้ามาอยู่……”
ต้ายเฉียนหลิ่วกอดแขนของต้ายเฉียนโป๋ แล้วก็พูดกับฉินหลั่ง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ทันใดนั้นต้ายเฉียนหลิ่วก็ยืนขึ้น แล้วก็เดินไปหาฉินหลั่ง คุกเข่าต่อหน้าฉินหลั่งแล้วพูดว่า
“พี่ใหญ่ฉินหลั่ง ให้พวกเรายืมเงินหน่อยเถอะค่ะ ให้พี่ฉันได้ผ่าตัดก่อน วางใจเถอะ เงินที่ฉันยืมคุณ ฉันต้องคืนให้อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นแค่นักเรียน แต่ว่าฉันสามารถทำงานพาร์ทไทม์ได้ ขอให้คุณช่วยพี่ชายฉันด้วยนะคะ……”
เสียงของต้ายเฉียนหลิ่วนั้นสะอึกสะอื้น ฟังแล้วทำให้คนรู้สึกเศร้ามาก
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ฉินหลั่งจะเคยบอกแล้วว่า เรื่องเงินให้เขาเป็นคนรับผิดชอบเอง แต่ว่าต้ายเฉียนหลิ่วไม่เชื่อ เธอนึกว่าฉินหลั่งพูดผิวเผินเท่านั้น อยู่กับพี่ชายมาตลอดหลายปี ต้ายเฉียนหลิ่วเห็นคนที่ปากก็เรียกว่าพี่น้อง แต่ว่าตอนที่พบเรื่องเดือดร้อน กลับวิ่งเอาตัวรอดอย่างไว
ต้ายเฉียนหลิ่วหวังว่าฉินหลั่งจะให้พี่ชายเธอยืมเงินเพื่อผ่าตัด รักษาพี่ชายให้หายก่อน ส่วนเรื่องเงินก่อนนี้ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ต้ายเฉียนหลิ่วก็จะคืนให้ฉินหลั่ง
“ต้ายเฉียนหลิ่ว ลุกขึ้น พี่ไม่ได้เป็นอะไร แค่ซื้อผ้าก๊อซและแอลกอฮอล์มาจัดการเองก็ได้แล้ว รีบลุกขึ้นมาเร็ว! ” ต้ายเฉียนโป๋เห็นน้องสาวของตัวเองพูดแบบนี้ ฉินหลั่งเองก็เป็นแค่ร.ป.ภ. แล้วก็พึ่งจะมาด้วย เขาจะมีเงินที่ไหนมาให้ตัวเองยืม?
มองดูต้ายเฉียนหลิ่วที่คุกเข่าอยู่ต่อหน้าของตัวเอง ฉินหลั่งก็รู้สึกซาบซึ้งใจ เธอเป็นน้องสาวที่ดีจริงๆ
ฉินหลั่งไม่ได้พูดอะไร แล้วก็เดินออกไปนอกห้องผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว
“พี่ ทำยังไงดี? เพื่อนร่วมงานของพี่ไปแล้ว แผลของพี่ถ้ายังไม่ผ่าตัดมันจะติดเชื้อได้นะ….”ต้ายเฉียนหลิ่วตกใจแล้ว เธอลุกขึ้น แล้วก็ไปนั่งลงข้างๆ ต้ายเฉียนโป๋ พร้อมกับมองหน้าเขาอย่างเจ็บใจ
“ไม่เป็นไร พี่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า พี่น่ะหนังหนา พวกเราแค่ไปซื้อผ้าก๊อซแล้วก็แอลกอฮอล์ก็ได้แล้ว! ” ต้ายเฉียนโป๋พูด
ถึงแม้ว่าเขาจะเข้าใจ “พอเรื่องมาถึงตัวก็หนี”ของฉินหลั่ง ยังไงค่าผ่าตัดก็ตั้งหลายหมื่น ตัวเองก็เป็นแค่ร.ป.ภ. กว่าจะคืนเงินให้เขาได้ก็คงต้องใช้เวลาหลายปี แต่ว่าในใจของต้ายเฉียนโป๋ก็รู้สึกผิดหวัง
“พี่ นอนลงก่อน เดี๋ยวฉันไปซื้อผ้าก๊อซกับแอลกอฮอล์….” ต้ายเฉียนหลิ่วพูดแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปที่ประตู
“พลั่ก” เธอเดินชนร่างหนึ่ง เธอเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่านั่นคือฉินหลั่ง
“เธอจะไปทำอะไร? ” ฉินหลั่งถาม
“ฉันจะไปซื้อผ้าก๊อซกับแอลกอฮอล์มาทำแผลให้พี่ชายฉัน” ต้ายเฉียนหลิ่วมองฉินหลั่งด้วยสายตาที่ประหลาดใจเล็กน้อย ทำไมเขาถึงกลับมาอีกครั้ง? ”
“แผลของพี่ชายเธอรุนแรงขนาดนี้ จะรักษาได้เองก็แปลกแล้ว” ฉินหลั่งรู้สึกว่านี่มันเป็นเรื่องไร้สาระเล็กน้อย มองไปที่ด้านหลังของตัวเอง ด้านหลังของเขามีหมอคนหนึ่ง พยาบาลอีกสองคน ฉินหลั่งพูดว่า “คุณหมอครับ รีบมาผ่าตัดให้เพื่อนผมเลยครับ! ”
รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 272 กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นใครรับ
Posted by ? Views, Released on October 21, 2021
, รวยชั่วข้ามคืน?!
ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!
Recommended Series
Comment
Facebook Comment