รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 53 ฉินหลั่งฉันชื่อหลี่ชิงเฉิน

บทที่ 53 ฉินหลั่งฉันชื่อหลี่ชิงเฉิน
“ออ? ครั้งนี้นายเกือบจะเสียชีวิตเลยนะ นายไม่มีความโกรธเขาเลยแม้แต่น้อย?” ฉินป๋อสงพูด
“ไม่มีครับ” ฉินหลั่งส่ายหัว “ครั้งนี้ถึงแม้ว่าผมจะเสียชีวิตขึ้นมาจริงๆ ผมก็จะมีท่าทีเหมือนตอนนี้ เพราะว่าความปลอดภัยของผมไม่ใช่คุณโข่งที่จะมารับผิดชอบ หน้าที่ของเขาคือช่วยตระกูลฉินดูแลธุรกิจ จัดการงานของเขตตงฮัว ถ้าหากไม่ใช่ความหน้าที่ของเขาแล้วไปลงโทษเขา นี่ไม่เพียงแต่ไม่ยุติธรรมกับคุณโข่ง จะทำให้คนอื่นๆ ที่ทำงานให้ตระกูลฉินรู้สึกเสียใจด้วยครับ”
ฉินหลั่งมองฉินป๋อสงแล้วพูดด้วยความตั้งใจ
นี่ทำให้ฉินป๋อสงอึ้งเล็กน้อย เขาเริ่มย้อนกลับมาคิด ตัวเองแก่เกินไปแล้วหรือเปล่า? เริ่มไม่ใช่สมองแล้ว ไม่ได้มีความวู่วามเหมือนสมัยวัยรุ่นแล้ว?
“ได้! งั้นก็ฟังนาย ไม่ลงโทษแล้ว” ฉินป๋อสงหัวเราะแล้วพูด
“ขอบคุณเจ้าบ้านครับ ขอบคุณเจ้าบ้านครับ…” ผ่านไปไม่กี่วินาทีโข่งลิ่งเสียนจึงจะดึงสติกลับมาได้ ก้มโค้งขอบคุณฉินป๋อสงไม่หยุด จากนั้นก็หันไปทางฉินหลั่ง “ขอบคุณคุณชายใหญ่ครับ ขอบคุณคุณชายใหญ่ครับ”
จัดการเรื่องโข่งลิ่งเสียนแล้ว ฉินป๋อสงจึงให้เขาออกไปก่อน
“หลานที่ดี สูงขนาดนี้แล้ว ตอนที่จากบ้านไป นายพึ่งสูงถึงหน้าอกฉันเอง” ฉินป๋อสงพยุงฉินหลั่งขึ้นมา แววตาเต็มไปด้วยความปลื้มใจและความดีใจ
“คุณปู่….” ขณะนี้ฉินหลั่งมีความรู้สึกมากมาย เขามองคุณปู่อย่างละเอียด ชายชรานี้แก่แล้ว ตีนกาบนหน้าเพิ่มขึ้นแล้ว แววตาก็ไม่ได้แหลมคมเหมือนตอนเด็กๆ แล้ว
“จ๋า…..” ได้ยินเสียงนี้ของคุณปู่ ไม่ต้องพูดแล้วว่าในใจของเขาดีใจเพียงไหน
เขาและฉินหลั่งนั่งไปยังข้างโต๊ะ แล้วไถ่ถามอาการกับสถานการณ์ในช่วงนี้ของฉินหลั่ง
“ตอนนี้นายผ่านบดทดสอบแล้ว และไม่ต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยจินหลิงแล้ว ฉันจะส่งนายไปยังมหาลัยระดับประเทศที่ชื่อดังไปเรียนเกี่ยวกับการจัดการ พูดเลย มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด อ๊อกคริสทัลฟอร์ดนายอยากเรียนมหาวิทยาลัยไหน?”
ฉินหลั่งยิ้มแล้วส่ายหัว
“ผมว่าหาวิทยาลัยจินหลิงก็ดีครับ ผมยังอยากเรียนที่นั่นต่อ”
“ที่นั่น? เด็กน้อย นายต้องเข้าใจ ในอนาคตนายอาจจะต้องควบคุมทรัพย์สมบัติที่นายคิดไม่ถึง และพี่น้องของนายต่างก็เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเก่งๆ ต่างประเทศ นายอยากจะอยู่ที่มหาวิทยาลัยจินหลิงเล็กๆ จริงๆ หรอ?”
“ใครบอกว่ามหาวิทยาลัยต่างประเทศอันดับหนึ่งจะต้องเก่งกว่ามหาวิทยาลัยจินหลิงล่ะครับ? อย่างน้อยผมก็ไม่ได้คิดอย่างนั้น” ฉินหลั่งยักไหล่แล้วพูด
“ได้ มีเสน่ห์ สมแล้วที่เป็นหลานของฉัน ฉินป๋อสง” ฉินป๋อสงพอใจในคำตอบของฉินหลั่งมาก
ปู่หลานทั้งสองพูดคุยกันอยู่ที่ตึกชิงเฟิงไปหนึ่งชั่วโมงกว่า ฉินหลั่งก็ขอจากไปก่อนแล้ว เขารู้ว่าครั้งนี้ฉินป๋อสงหาเวลาว่างมาเยี่ยมตัวเอง คุณปู่ดูแลจัดการการงานของวงศ์ตระกูล ยุ่งมาก
ฉินป๋อสงยืนอยู่ข้างหน้าหน้าต่าง มองดูวิวไกลๆ รู้สึกดีใจและพอใจมาก
“ท่านเหมือนจะพอใจคุณชายใหญ่เป็นพิเศษ เทียบกับคุณชายท่านอื่นแล้ว ท่านจะโปรดปรานคุณชายใหญ่มากกว่า” ผู้ชายที่อยู่ข้างหลังฉินป๋อสงพูดด้วยความเคารพ
ฉินป๋อสงอึ้งไปเลย แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่สังเกต เขาค่อยๆ หันไปทางผู้ชายคนนั้น “อะเฟย นายอยู่ข้างหายฉันก็จะใกล้สิบปีแล้ว นายรู้สึกว่าคุณชายใหญ่เป็นยังไงบ้าง?”
“คุณชายใหญ่ถ่อมตน ไม่ตามหาชื่อเสียง กล้าหาญเด็ดขาดครับ นี่คือสิ่งที่เขาไม่เหมือนกับคุณชายท่านอื่นๆ และก็คือจุดเด่นของเขา…..” อะเฟยโค้งตัวเล็กน้อยแล้วพูด
“จุดเด่น?” ฉินป๋อสงยิ้มอย่างเย็นชาแล้วถาม
“กระผมพูดมากเกินไปแล้วครับ” อะเฟยพูดด้วยความเกรงกลัว
“ฮ่าฮ่า นายไม่ต้องกลัว นี่ไม่มีอะไรที่ไม่สามารถพูดได้” สายตาของฉินป๋อสงหันไปทางนอกหน้าต่าง “สภาพอาการร่างกายของฉัน ฉันรู้ดี ช่วงสองสามปีนี้จะมีการเลือกเจ้าบ้านตระกูลฉินใหม่ ตามนิสัยบุคลิกและคุณภาพของเจ้าบ้านแล้ว ฉินหลั่งถือว่าได้เปรียบ แต่ว่ายังมีเวลา สุดท้ายแล้วจะเป็นยังไง ใครก็ไม่สามารถคาดคิดได้…..”
ออกจากตึกชิงเฟิงไป ฉินหลั่งตรงไปที่ห้องผู้ป่วยของจงยู่ ขณะนี้ ฉินเทียนและจงยู่สนิทกันแล้ว ฉินเทียนที่ร่าเริงรู้สึกดีต่อจงยู่ ภายใต้การหยอกเล่นของเขา จงยู่หัวเราะไม่หยุด
เห็นว่าจงยู่ตื่นแล้ว ฉินหลั่งก็ดีใจใหญ่
“พี่ใหญ่ นายไปหาพี่สะใภ้ที่ดีขนาดนี้จากไหนเนี่ย บอกฉันหน่อยสิ ฉันก็จะไปหาคนหนึ่ง!” ฉินเทียนยิ้มแล้วถามฉินหลั่ง จงยู่นั้นเขินอายจนยิ้มแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะจงยู่คือแฟนของฉินหลั่งแล้ว ฉินเทียนอยากจะนำจงยู่แย่งมาในมือของตัวเองจริงๆ
ผ่านไป 20 กว่าวัน อาการบาดเจ็บของฉินหลั่งและจงยู่ดีหมดแล้ว ฉินเทียนแค่อยู่เป็นเพื่อนบนเกาะกับพวกเขาหนึ่งสัปดาห์ ก็รู้สึกโดดเดี่ยวอยู่ไม่ไหว ออกไปเล่นนอกเกาะแล้ว
วันนี้ฉินหลั่งและจงยู่ปรึกษากัน ออกจากเกาะกลับไปที่มหาลัย โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวบนเกาะ พาทั้งสองผ่านทะเล แล้วบินตรงไปทางจินหลิง
“เดือนนี้เป็นเหมือนกับความฝันเลย คิดไม่ถึงเลยว่าบ้านของนายจะใหญ่ขนาดนี้” จงยู่หันไปทางนอกหน้าต่างแล้วพูดกับก้อนเมฆ
“ฉันบอกเธอตั้งนานแล้ว แค่เธอไม่เชื่อเอง” ฉินหลั่งยิ้มอ่อนแล้วพูด
จงยู่ในขณะนี้ ผ่านมาแล้วหนึ่งเดือน การพักผ่อนรักษาสุขภาพบนเกาะ สีหน้าดูมีสีสันกว่าก่อนหน้านี้เยอะขึ้นมาก และดูเต็มอิ่มกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย ขณะนี้เขายังสวมชุดเดรสสีขาวตัวนั้นอยู่ ดูแล้วสวยกว่าเดิม
ตอนเย็น 6 โมง เฮลิคอปเตอร์ค่อยๆ จอดลงพื้นดิน
ฉินหลั่งดึงจงยู่มาถึงข้างถนน เตรียมตัวต่อรถกลับบ้าน ขณะนี้สายของท่านหวงได้โทรมาแล้ว
“คุณชายใหญ่ ได้ข่าวว่าคุณออกจากเกาะป่ายฮัวแล้ว ตอนนี้คุณมาถึงจินหลิงหรือยังครับ?”
“ถึงแล้ว”
“ออ คืออย่างนี้ครับ หัวหน้าเขตตงฮัวต่อผู้รับผิดชอบการค้าต่างประเทศ กูเจี้ยนหมิง อยากจะเชิญคุณทานอาหารร่วมกันที่โรงแรมจิ่งซวนในคืนนี้ครับ ครั้งที่แล้วในตอนที่คุณโข่งเชิญคุณ เขากำลังออกไปเยี่ยมชมที่ประเทศอเมริกา เมื่อวานพึ่งกลับมา คุณจะตกลงเขาไหมครับ?” ท่านหวงถามด้วยความเคารพ
“เออ….” ฉินหลั่งคิดไปสองสามนาที “งั้นก็ได้ ครั้งนี้เลย เรื่องต่อจากนี้เลื่อนออกให้ฉันทั้งหมด”
ในอนาคตหากตัวเองอยากจะเข้าร่วมชั้นของการดูแลวงศ์ตระกูลละก็ การออกงานแบบนี้คงมีไม่น้อย แต่ว่าตอนนี้ ยังไม่ถึงขั้นนั้น เขาไม่ได้อยากจะเสียเวลามากมายบนเรื่องแบบนี้
“ครับ งั้นผมแจ้งให้เขาทราบตอนนี้ แล้วเดี๋ยวผมจะส่งเบอร์โทรศัพท์ให้คุณนะครับ”
วางสาย ฉินหลั่งจับจงยู่ไว้ แล้วเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง มุ่งตรงไปทางโรงแรมจิ่งซวน
รถแท็กซี่จอดอยู่หน้าประตูโรงแรมจิ่งซวน ฉินหลั่งและจงยู่เดินออกมา
หน้าประตูในขณะนี้ มีรถหรูไม่น้อย คนเฝ้าประตูที่สวมชุดสูทได้เปิดประตูรถให้แขกรับเชิญที่ขับรถหรู ได้ยินจากแขกไม่กี่คนที่เดินผ่านไปว่า ต่างก็เป็นคนที่กูเจี้ยนหมิงเชิญมา
ฉินหลั่งขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนแรกเขาคิดว่าแค่ทานข้าวกับกูเจี้ยนหมิง ไม่ได้คิดว่าจะมีคนมามากมายขนาดนี้
ฉินหลั่งเดินไปยังข้างๆ โทรหากูเจี้ยนหมิง ให้เขารีบมาพบตัวเอง
ผ่านไปไม่นาน ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่สวมชุดสูทเดิมออกมาจากประตูโรงแรม มองเห็นฉินหลั่ง เดินมาพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เขาเคยเห็นรูปของฉินหลั่ง
“คุณชายใหญ่ คุณมาแล้ว เชิญครับ ผมจัดไว้หมดแล้วครับ อีกอย่าง ผมยังเชิญเศรษฐีส่วนหนึ่งในจินหลิงมาด้วยครับ มาต้อนรับท่านพร้อมกัน” กูเจี้ยนหมิงพูดด้วยความเขินอาย แล้วยังยิ้มไปทางจงยู่ที่อยู่ข้างๆ ฉินหลั่งด้วย ทำให้จงยู่ขนลุกไปหมด
กูเจี้ยนหมิงยังคิดว่าการกระทำของตัวเองนั้นถือว่าไม่เลว เขาไม่เคยติดต่อใกล้ชิดกับหลานๆ ในตระกูลฉิน ฉะนั้นวันนี้ฉินหลั่งมาพบเขา เขาดีใจมาก เขาคิดว่าฉินหลั่งที่เป็นมหาเศรษฐีนั้น ต้องชอบความหรูหราแน่นอน จึงเชิญคนพวกนี้มามากมายด้วยตัวเอง
เขายังกลัวว่าความหรูหราจะน้อยไปด้วย ในใจมีความกังวลเล็กน้อย
“ประธานกู” ผู้ชายที่พึ่งลงจากรถหรูคนหนึ่ง เห็นว่ากูเจี้ยนหมิงอยู่ที่นี่ จึงรีบวิ่งมา “โชคดีมากๆ ประธานกูที่ท่านเชิญผมมาร่วมงานครั้งนี้ ท่านนี้คือ?”
ผู้ชายเห็นแล้ว กูเจี้ยนหมิงหยักหน้าและโค้งคำนับกับฉินหลั่ง ต้อนรับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ในจินหลิงยังมีคนที่ประธานกูต้อนรับแบบนี้ด้วย? ผู้ชายคนนั้นคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าคือใคร
“ท่านนี้คือ…..” กูเจี้ยนหมิงกระแอมคอ กำลังจะแนะนำชื่อของฉินหลั่งดีๆ คิดไม่ถึงว่ากลับถูกฉินหลั่งแย่งไปก่อนแล้ว
“หลี่ชิงเฉิน สวัสดีครับ” ฉินหลั่งยื่นมือไปทางผู้ชายคนนั้น
ถ้าหากชื่อของตัวเองทำให้คนในจินหลิงรู้กันไปทั่ว งั้นคงจะไปปัญหาเล็กน้อย ตอนนี้แค่คนในวงศ์ตระกูลแล้ว เขาก็ถูก “รบกวน” ขนาดนี้แล้ว ถ้าหากทุกคนต่างก็รู้แล้ว งั้นโทรศัพท์จะยังไม่ถูกโทรจนระเบิดหรอ?
“หลี่ชิงเฉิน?” ผู้ชายมีความสงสัย เหมือนว่าจะไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลย “คุณทำอะไรครับเนี่ย?”
“สิ่งที่ไม่ควรถามก็ไม่ต้องถาม แขกต่างก็อยู่ข้างบนแล้ว นายก็รีบขึ้นไปเถอะ” กูเจี้นหมิงนั้นก็มีความสามารถในด้านการสังเกตอยู่ พอได้ยินฉินหลั่งไม่พูดชื่อจริง ก็รีบช่วยแก้สถานการณ์ให้
ผู้ชายยิ้มแล้วจากไป
“คุณชายใหญ่ ครั้งนี้คนที่ผมรับเชิญมามากไปหรือเปล่าครับ”
“นายว่าล่ะ?” ฉินหลั่งถามกลับประโยคหนึ่ง
“กระผมสมควรตาย ผมก็ไม่รู้ว่าคุณชายใหญ่จะชอบการถ่อมตัว ผมจะให้พวกเขากลับไปตอนนี้เลยครับ” พูดจบ กูเจี้ยนหมิงก็เตรียมตัวจะไป “ไล่” คนแล้ว
“กลับมา!” ฉินหลั่งคำเดียวเรียนกูเจี้ยนหมิงไว้ ทุกคนต่างก็มาถึงแล้ว ไล่กลับไปอีก นี่เป็นการหาเรื่องชัดๆ ไม่ใช่หรอ “เอาอย่างนี้ก่อนละกัน ครั้งหน้าอย่าทำแบบนี้อีก”
“ครับ ครับ คุณชายใหญ่” กูเจี้ยนหมิงพูด พูดจบก็พาฉินหลั่งและจงยู่เข้าไปในโรงแรม
กูเจี้ยนหมิงเหมาห้องงานเลี้ยง 300 ตารางเมตร ขณะนี้ ข้างในมีแขกเต็มไปหมด ฉินหลั่งให้กูเจี้ยนหมิงไปทักทายแขกคนอื่นๆ ตัวเองเดินดูรอบๆ เองก็ได้แล้ว
ฉินหลั่งและจงยู่กินของเล็กน้อยในมุมอาหารบุฟเฟ่ต์
“ได้ข่าวว่าประธานกูเรียกพวกเราคนมากมากมายขนาดนี้กะทันหัน เพราะว่าจะทำงานเลี้ยงต้อนรับนายหนุ่มรวยท่านหนึ่ง! พวกนายว่านายหนุ่มรวยท่านไหนถึงได้รับความสำคัญจากประธานกูขนาดนี้?”
“คงจะไม่ใช่หวางซือชงหรอกมั้ง?”
“เป็นไปไม่ได้ ในข่าวพูดว่า ขณะนี้หวางซือชงกำลังจีบสาวอยู่ที่ฮาวาย”
“ไม่ว่าจะเป็นใคร ตำแหน่งคงไม่แย่กว่าหวางซือชงแน่นอน เดี๋ยวจะต้องรอดูดีๆแล้ว สิ่งที่มีคือโอกาส ได้รู้จักกับมหาเศรษฐีแบบนี้ก็ไม่เลวนะ”
จงยู่มองฉินหลั่งแล้วแอบยิ้ม นายยังอยากจะปกปิดสถานะ ยัยกูเจี้ยนหมิงนี้ได้ปล่อยข่าวออกไปแล้ว
ฉินหลั่งได้แต่ยิ้มฝืน
“พอแล้ว ทุกคนนั่งเถอะ” ในตอนที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น กูเจี้ยนหมิงเดินไปยังหน้าเวที แล้วพูดกับไมค์
ทุกคนเริ่มหาโต๊ะนั่ง เพราะว่าจัดได้เร่งรีบเกิน ไม่ได้มีที่นั่งเจาะจง
ฉินหลั่งดึงจงยู่ไว้ นั่งลงยังโต๊ะที่อยู่ใกล้จากเวทีที่สุด
ข้างๆ ของฉินหลั่ง ก็มีชายหญิงคู่หนึ่งนั่งลงแล้ว
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเส้เหวินจี้ง ดีใจมากที่ได้รู้จัก…..” สาวสวยข้างกายของฉินหลั่งพูดด้วยความหวานกับฉินหลั่ง ในตอนที่เห็นฉินหลั่งอย่างชัดเจนแล้ว เสียงของเส้เหวินจี้งหยุดชะงักลงทันที “คือนาย! แล้วก็ยัยผู้หญิงบ้านนอก!”
วันนี้เส้เหวินจี้งมากับจูจี้เหวิน เธอรู้ว่าคนในงานเลี้ยงนี้ต่างก็เป็นคนรวย ฉะนั้นพอเข้ามา ก็หาคนทักทายไปทั่ว รู้จักกับคนรวยไม่ว่ายังไงแล้วก็เป็นเรื่องที่ดี ในตอนที่เธอนั่งลงแล้ว จึงกันข้างทักทายกับผู้ชายที่อยู่ข้างๆ คิดไม่ถึงว่าคนคนนี้กลับเป็นฉินหลั่ง มองดูอีกที ฉินหลั่งก็พายัยผู้หญิงบ้านนอกจงยู่นี่มาด้วย
พวกเขาคู่ที่ยากจนขนาดนี้มีสิทธิ์มาร่วมงานเลี้ยงนี้ได้อย่างไร!

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset