ไป๋หลินยวี่จะไม่เข้าใจเวินหนิงได้ยังไง เห็นท่าทางที่เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง ในใจก็รู้เลยทันที
หรือว่าเป็นเพราะลู่จิ้นยวน ทิ้งหนิงหนิง?
ไป๋หลินยวี่ไม่เห็นชอบกับทั้งสองอยู่แล้ว เพราะยังไง ถึงแม้จะเป็นช่วงที่ตระกูลเวินรุ่งเรือง อยากจะเกี่ยวข้องอะไรกับผู้ชายอย่างลู่จิ้นยวน ก็ยังไม่เหมาะสมอยู่ดี
แต่ว่า ท่านไม่คิดเลยว่าลู่จิ้นยวนจะทำได้ขนาดนี้ ตอนนี้ในท้องลูกสาวของท่านยังมีลูกของเขาอยู่!
“หนิงหนิง อย่ากังวลเลย ร่างกายของแม่ดีขึ้นไม่น้อยแล้ว ถึงจะไปจากที่นี่ แม่ก็จะทวงทุกอย่างกลับมาได้ แม่จะไม่ให้หนูลำบากอีก”
ถึงแต่ก่อนยังเป็นเด็กผู้หญิงจะอ่อนแอมาก แต่ถ้าเป็นคุณแม่แล้วก็จะเข้มแข็งขึ้นทันที คำพูดนี้แสดงให้เห็นบนตัวไป๋หลินยวี่แล้ว อีกอย่างท่านก็เป็นผู้หญิงที่เก่งแล้วสร้างธุรกิจกับเวินฉีโม่ กับสถานการณ์แบบนี้ ท่านไม่ร้อนรนแน่นอน แต่กลับทำให้เวินหนิงวางใจได้
“คุณแม่……” เวินหนิงมองเห็นท่าทางแบบนั้น ในใจก็รู้สึกผิดไปกว่าเดิม
เป็นเพราะเธอไร้ประโยชน์ หลังจากที่ออกมาแล้วก็ไม่สามารถพึ่งตัวเองแล้วทำให้คุณแม่มีชีวิตที่สุขสบาย ตอนนี้อาการเพิ่งจะดีขึ้น ก็จะไปจากที่นี่แล้ว
“ลูกรัก แม่ไม่หวังอะไรมาก ขอแค่หนูมีชีวิตที่ดีก็พอแล้ว”
ไป๋หลินยวี่ปลอบใจเวินหนิง เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้ลังเลเหมือนเมื่อกี้แล้ว ท่านจึงวางใจ
เวินหนิงพูดคุยกับคุณแม่ไปอีกสักพัก ก็เดินออกไปข้างนอก เธอไปสอบถามเรื่องออกจากโรงพยาบาล
ทันใดนั้น หลินซือเฉินก็เดินมาหา “ขอโทษนะครับ วันนี้มีธุระ ก็เลยมาสาย”
บนใบหน้าผู้ชายคนนั้นมีรอยยิ้มที่สดใสมาก แต่ก็ยังดูดีมากเหมือนกัน
เวินหนิงก็รู้สึกแปลกๆ ครั้งก่อนที่เห็นหลินซือเฉินเป็นแบบนั้น เธอก็รู้สึกว่าคนตรงหน้าอาจจะไม่ธรรมดาเหมือนที่แสดงออกมาให้เห็น
ก็เหมือนกับตอนนี้ ความอ่อนโยนที่เขาแสดงออกมา ถึงแม้จะ ทำให้อบอุ่นใจมาก แต่มันกลับเป็นแค่ภาพหลอกลวงเท่านั้น
“ไม่เป็นไรค่ะ……ใช่สิ คือฉัน……” เวินหนิงคิดไปคิดมา “อีกหน่อยคงไม่รบกวนคุณอีกแล้วค่ะ”
ถึงแม้จะไม่รู้ค่าใช้จ่ายที่หลินซือเฉินมาเป็นคนดูแล แต่ว่า เขามีความสามารถขนาดนี้ ก็คงจะเป็นภาระที่เธอไม่มีปัญญารับผิดชอบได้แน่นอน
เธอเลยจำเป็นต้องให้เขาหยุดรักษาคุณแม่
“ทำไม? อาการของคุณแม่คุณ ยังต้องใช้เวลารักษาสักระยะ”
หลินซือเฉินพูดไปด้วย ก็แสดงท่าทางที่กำลังคิดอะไรบางอย่าง
“ฉันอาจจะไปจากโรงพยาบาลแห่งนี้ คงจะรับค่าใช้จ่ายที่คุณรักษาไม่ไหว เพราะฉะนั้นก็เลยไม่รบกวนดีกว่า”
เวินหนิงลังเลไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดความจริงไป
หลินซือเฉิงพยักหน้า ดูเหมือนจะไม่รู้สึกแปลกใจเลย “ถ้าติดปัญหาเรื่องเงิน งั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วง ผมได้รับค่าตอบแทนที่เพียงพอแล้ว จะช่วยรักษาคุณแม่คุณให้สามารถกลับมาเดินได้เหมือนปกติ”
เวินหนิงรู้สึกแปลกใจ หรือว่าลู่จิ้นยวนให้ค่าตอบแทนในการรักษาเขาตั้งแต่แรกแล้ว?
ลังเลไปครู่หนึ่ง หลิวซือเฉินก็เลยยิ้ม “ไว้ใจได้ ถึงแม้จะไม่มีเงินผมก็จะไม่ทิ้งคนไข้ของผม แล้วอีกอย่าง คุณแม่ของคุณเป็นเคสที่ประสบความสำเร็จมาก ถ้ารักษาหายก็จะมีกับผลวิจัยของผมด้วย เพราะฉะนั้น ผมจะไม่ทิ้งท่านเด็ดขาด”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เวินหนิงก็รู้สึกผิดเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าคนตรงหน้าจะมีจรรยาบันขนาดนี้ แต่เธอกลับรู้สึกสงสัยเขาแบบนั้น มันไม่สมควรเลย
“งั้นขอบคุณคุณหมอหลินมากนะคะ! บุญคุณของคุณ ชาตินี้ฉันจะไม่มีวันลืมเด็ดขาด” เวินหนิงเอ่ยพูดขอบคุณหลินซือเฉิน ผู้ชายคนนั้นก็ส่ายหน้าแล้วยิ้ม ก็ถือว่ารับไว้แล้ว
เมื่อได้รับข่าวนี้ เวินหนิงก็รู้สึกวางใจไปไม่น้อย อย่างน้อย การรักษาของคุณแม่ก็จะไม่ลดมาตรฐานเพราะเรื่องเธอกับลู่จิ้นยวน อย่างนี้ เธอก็รู้สึกโล่งใจไปมาก
“ฉันยังมีธุระที่ต้องทำ ไปก่อนนะคะ” เวินหนิงบอกลาหลินซือเฉิน จากนั้นก็ไปหาเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล
หลินซือเฉินมองตามแผ่นหลังเธอ “เร็วกว่าที่ผมคิดไว้ ดูเหมือนว่าความรักระหว่างพวกเธอก็ไม่ได้หนักแน่นขนาดนั้น ภารกิจของผมก็จะสำเร็จแล้ว แต่ว่า……”
พอนึกถึงอะไรบางอย่าง สายตาของหลินซือเฉินก็แฝงไปด้วยความแหลมคม
……
ลู่จิ้นยวนออกจากโรงพยาบาลแล้วไปประชุมทันที
เมื่อคืนไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ ถึงแม้จะเป็นเขา บนใบหน้าก็มีความอ่อนล้า
การประชุมดำเนินไปครึ่งทาง ก็ถึงเวลาพัก อันเฉินก็รีบเดินเข้ามาแล้วพูดเสียงเบาข้างหูเขา สีหน้าของลู่จิ้นยวนก็เยือกเย็นไปทันที
“เธอทำแบบนั้นจริงหรอ?”
ผู้หญิงคนนั้น จะออกจากโรงพยาบาล เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีก?
หรือว่า เพื่อที่จะหลุดพ้นจากเขา แม้แต่อาการป่วยของคุณแม่ก็ไม่สนแล้ว?
สีหน้าของผู้ชายคนนั้นโมโหเล็กน้อย “นายประชุมแทนฉันที่นี่ ฉันไปโรงพยาบาล”
อันเฉินกำลังจะพูดอะไรอีก แต่ลู่จิ้นยวนก็ลุกขึ้นแล้ว ทำอะไรไม่ได้ ก็เลยต้องทำตามที่เขาบอก มองไปที่ผู้บริหารแต่ละบริษัทตรงหน้า เขาก็รู้สึกเกร็งจนเหงื่อไหล
บอสสร้างปัญหาให้เขาเก่งมากจริงๆ
ลู่จิ้นยวนเดินออกมาจากที่ประชุม ไม่กี่ก้าวก็ถึงรถแล้ว จากนั้นก็แล่นรถออกไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทาง ผู้ชายคนนี้เหยียบคันเร่งจนมิด ความเร็วก็พุ่งไปเร็วมาก
ไม่นานนัก ก็ถึงจุดหมาย
ลู่จิ้นยวนลงมาจากรถ เลยหน้ามองขึ้นไปตำแหน่งห้องพักของไป๋หลินยวี่ จากนั้นก็ก้าวเดินขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
เวินหนิงรออยู่ชั้นล่าง กำลังปรึกษาคุณหมอเรื่องการย้ายออกจากโรงพยาบาล แต่ว่าเจ้าหน้าที่ที่ทำเรื่อง ก็ไม่ให้คำตอบเธอสักที แค่บอกให้เธอรออยู่ที่นี่ก่อน
พวกเขาก็ลำบากใจมากเหมือนกัน ลู่จิ้นยวนเป็นคนทำเรื่องให้ไป๋หลินยวี่เข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลเอง ถึงแม้เวินหนิงจะเป็นคนพูดว่าจะย้ายออก แต่ถ้าไม่ได้รับการอนุญาตจากลู่จิ้นยวน พวกเขาก็ไม่กล้าทำเรื่องให้
เพราะฉะนั้น คงต้องรอลู่จิ้นยวนมาตอบ จึงจะลงมือทำได้ ไม่คิดเลยว่าคำตอบของฝั่งนั้นคือไม่อนุญาตให้เธอออกจากโรงพยาบาล นี่ก็เลยทำให้พวกเขาลำบากใจมาก
ยังไง ถ้าจะไล่คนออกไป ก็ยิ่งง่ายกว่าการที่จะยื้อให้อยู่ต่อ โดยเฉพาะ เวินหนิงยังยืนยันที่จะย้ายออกจากโรงพยาบาลขนาดนั้น
ลู่จิ้นยวนเดินเข้าประตูโรงพยาบาลมา ก็มีคนเชิญไปที่ห้องวีไอพี มองผ่านกระจกออกไปข้างนอก เขาก็เห็นเวินหนิงนั่งรออยู่
กระจกที่นี่ มองเห็นข้างนอกได้ แต่ว่าคนข้างนอกมองไม่เห็นว่าข้างในเป็นยังไงบ้าง
เพราะฉะนั้น ลู่จิ้นววนก็เลยเห็นการกระทำทุกอย่างของเวินหนิงอย่างชัดเจน
ตอนนี้เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ แล้วสีหน้าก็อ่อนเพลียมากด้วย แต่สายตาที่หนักแน่นนั้นไม่มีความลังเลเลย
ลู่จิ้นยวนก็รู้สึก หรือว่าเขาไม่เคยรู้จักนิสัยของเวินหนิงเลย ถึงแม้เธอจะดูบอบบางอ่อนแอ แต่ความจริงเป็นคนหัวดื้อมาก