ลู่จิ้นยวนประคองเวินหนิงลุกขึ้น เธอเอามือทาบอกก่อนสูดลมหายใจเข้าอย่าโล่งอก ขณะที่เม็ดเงือกผุดเต็มหน้าผาก
อีกนิดเดียวเธอก็อาจจะล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว และอาจต้องเสียลูกน้อยไป…….
“ไม่เป็นไรใช่มั้ย?” ลู่จิ้นยวนมองหน้าซีดเซียวของเวินหนิง เขาอยากจะยื่นมือไปเช็คเงื่อกบนหน้าผากให้ แต่ก็ต้องอดใจไว้
ก่อนที่ชายหนุ่มจะเรียกคนขับรถพาเธอไปพักในรถ สายตาเย็นชาของชายหนุ่มมองไปที่แคทเธอรีน
“ฉัน……ฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะ!” แคทเธอรีนกลัวสายตาอาฆาตที่เขามองมาอย่างมาก เธอรู้สึกว่าลู่จิ้นยวนกำลังจะใช้สายตาฆ่าเธอให้ตาย
เธอสั่นไปทั้งตัว “ฉันแค่เดินผ่านมา แล้วมองไม่เห็นเธอ”
แคทเธอรีนพูดด้วยน้ำเสียงอันสั่นเทา จนไม่เหลือความอวดดีแต่แรกให้เห็น
ลู่จิ้นยวนเพียงแค่จ้องมองเธอ เขาไม่คิดจะลงไม้ลงมือกับผู้หญิง แต่การกระทำของผู้หญิงคนนี้ช่างโง่งมนัก จนเขาเองก็แทบจะยับยั้งกำปั้นตัวเองไว้ไม่ได้
“ผมจะพิจาณาการร่วมมือระหว่างเราให้ดีอีกครั้ง ครอบครัวที่มีลูกสาวที่สามารถกระทำกับคนท้องแบบนี้ได้ ทำให้ผมสงสัยถึงพื้นฐานการอบรมสั่งสอนและพื้นฐานนิสัยของครับครัวคุณอยู่มาก”
ลู่จิ้นยวนพูดจบ ก็เดินจากไปโดยไม่สนใจว่าแคทเธอรีนจะคิดยังไง
“ไม่ ไม่นะ…….”
แคทเธอรีนได้ยินเช่นนั้น ก็รีบเดินเข้าไปจับแขนลู่จิ้นยวนไว้ ที่เธอพยายามเข้าหาเขาครั้งนี้ก็เพื่อจะเพิ่มโอกาสในการร่วมมือกัน
ถึงแม้ครอบครัวเธอจะเป็นตระกูลผู้ดีเก่า แต่ตอนนี้ก็เหลืออะไรแล้วมีเพียงเปลือกนอกเท่านั้นแล้ว ถ้าธุรกิจที่เหลือเพียงน้อยนิดต้องหยุดชะงักเพราะลู่จิ้นยวนอีก เธอก็คงไม่สามารถใช้ชีวิตหรูหราแบบนี้ได้อีก
ลู่จิ้นยวนสะบัดมือเธอทิ้ง ก่อนจะมองเธอด้วยสายตารังเกียจ “ในเมื่อคุณชอบอวดกระเป๋าแบรนด์เนมมากนัก ผมก็จะคอยดูว่าถ้าครอบครัวคุณสิ้นเนื้อประดาตัวลง คุณยังจะสามารถโอ้อวดมันต่อไปได้อีกมั้ย?”
ลู่จิ้นยวนพูดเสร็จก็เดินจากไป โดยไม่เหลียวหลังกลับมามองเลย
แคทเธอรินมองดูเขาที่เดินจากไป ก่อนจะตะโกนขอร้องมาตามหลัง พอเห็นว่าไม่ได้ผล ก็เปลี่ยนเป็นด่าและสาปแช่งตามมา แต่ไม่ว่าเธอจะทำยังไง ลู่จิ้นยวนก็ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
………
ลู่จิ้นยวนเปิดประตูรถเข้าไป ก็เห็นเวินหนิงที่นั่งอยู่ในนั้นสีหน้ายังไม่สู้ดีนัก ในมือเธอยังถือกล่องข้าวเก็บความร้อนไว้อย่างหวงแหง ทำเหมือนว่ามันเป็นสิ่งมีค่ามากมาย
หัวใจของชายหนุ่มอ่อนยวบลงทันที จากที่ทำเป็นดุและไม่รักษาน้ำใจเธอ ตอนนี้ได้มลายหายไปสิ้น ก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน “เธอมาที่นี่ได้ยังไง? เมื่อครู่ตกใจมากมั้ย?”
เวินหนิงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา ยังคงนั่งด้วยท่าทางเหมือนนกน้อยกำลังปกป้องตัวเอง พอได้ยินสิ่งที่ลู่จิ้นยวนถาม เธอก็ทำเพียงส่ายหน้าไปมา
เห็นเธอไม่ยอมพูด ลู่จิ้นยวนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย หรือเมื่อครู่จะตกใจมากไป? แต่ก็นะ คนกำลังท้องกำลังไส้โดนคนปัญญาอ่อนชนแบบนั้นก็ย่อมตื่นตกใจกลัวเป็นธรรมดา
“ฉันสั่งสอนเขาแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะมาหาเรื่องเธออีก”
เวินหนิงได้ยินเช่นนั้น ท่าทีจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองลู่จิ้นยวน ดวงตาดำขลำของเขาดูเต็มไปด้วยความห่วงใยเธอจริงๆ แต่มันกลับทำให้เธอรู้สึกสับสนไปหมด
“คุณมาที่นี่ ทำไมไม่บอกฉันเลย?” เวินหนิงพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นมัวและโกรธเคือง
เรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจอยู่มาก ลู่จิ้นยวนมาที่นี่ แต่ไม่บอกเธอ และไม่ติดต่อหาเธอ
ความผิดปกติหลายอย่าง ทำให้เวินหนิงรู้สึกไม่สบาย