นี่เป็นความสงบที่ห่างหายไปจากทั้งสอง ในอ้อมกอดลู่จิ้นยวน เวินหนิงก็เริ่มรู้สึกง่วง อาการอยากอาเจียนเมื่อกี้ก็ลดลงไปไม่น้อย
กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆบนตัวผู้ชายคนนี้ ก็ทำให้เธอสงบสติอารมณ์ได้ จากนั้นก็หลับตา แล้วนอนหลับไป
……
หลังจากผ่านไปอีกไม่กี่ชั่วโมง เครื่องบินก็ลงจอดที่ลานจอดเครื่องบินส่วนตัวที่อเมริกา
ลู่จิ้นยวนเห็นว่าเวินหนิงยังหลับอยู่ ก็ไม่รู้จะทำยังไง แต่ก็ไม่อยากปลุกเธอด้วย เพราะยังไงคนท้องนั่งเครื่องบินก็ลำบากอยู่แล้ว สุดท้าย ก็เลยอุ้มเธอแล้วขึ้นรถไป
อาจจะเป็นเพราะไม่สบายตัว หรือว่าอาจจะเหนื่อยเกินไป เวินหนิงเลยไม่ตื่น ปล่อยให้ลู่จิ้นยวนอุ้มไปอย่างนั้น
ลู่จิ้นยวนมองเห็นสีหน้าที่เธอหลับลึก ในใจก็มีความสับสนที่อธิบายไม่ถูก ยังไง เขาก็ยังไม่อยากปล่อยผู้หญิงคนนี้ ไม่มีใครที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้ได้อีก
ถ้าพลาดไปแล้ว ก็อาจจะหาไม่เจออีก
แต่ว่า ตอนนี้เขาจำเป็นต้องให้เวินหนิงอยู่ต่างประเทศไปก่อน เพื่อที่จะลดปัญหาที่จะตามมา
เวินหนิงนอนไปบนรถอีกสักครู่ ความเหนื่อยบนร่างกายก็ค่อยหายไป พอลืมตามา ก็เห็นว่าตัวเองลงจากเครื่องบินแล้ว
ดูไปอีกที เธอนอนอยู่บนตัวของลู่จิ้นยวน แล้วท่านอนน่ารังเกียจมาก น้ำลายก็ไหลออกมาจนทำให้เสื้อเชิ้ตของผู้ชายคนนี้เปียก
เวินหนิงหน้าแดงไปทันที แล้วรีบเช็ดปากอย่างเสียหน้า “ขอโทษนะ ฉัน……หลับเพลินไปหน่อย”
ลู่จิ้นยวนก็ไม่ได้พูดอะไร มองไปที่เสื้อผ้าที่เธอทำให้เปียก “ดูเหมือนว่าเธอจะหลับสบายมาก”
เวินหนิงรู้สึกทำตัวไม่ถูก เธอก็ไม่ได้ตั้งใจ แต่ว่า……อ้อมกอดของลู่จิ้นยวนเหมือนคำโกหก อยู่ในนั้นเหมือนไม่ต้องกังวลว่าข้างนอกจะเป็นยังไง แล้วทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย เธอก็เลยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
ยังดี ลู่จิ้นยวนไม่ได้เยาะเย้ยความคิดของเธอ ทั้งสองคนนั่งรถไปอีกสักพัก รถก็แล่นไปจอดหน้าประตูสถานพักฟื้นแห่งหนึ่ง
เวินหนิงรู้สึกหายใจติดๆขัดๆทันที “ที่นี่หรอ?”
พอรู้สึกว่าจะได้เจอคุณแม่แล้ว ใจเวินหนิงก็เต้นแรงมาก เธออดใจรอไม่ไหวแล้ว
“ใช่ ที่นี่”
ลู่จิ้นยวนพยักหน้า ที่นี่ห่างไกลจากตัวเมืองมาก ก็ไม่ใช่เป็นสถานพักฟื้นที่เจริญอะไร อาจจะเป็นเพราะตระกูลเวินอยากจะประหยัดเงิน ก็เลยซ่อนตัวคุณแม่ของเวินหนิง จึงคิดวิธีนี้มา
ก็ว่าทำไมแต่ก่อนเวินหนิงตามหาไม่เจอ เพราะยังไง ที่แบบนี้ แม้แต่จดทะเบียนก็ยังไม่ได้จด เธอจะหาเจอได้ยังไง?
เวินหนิงรีบลงจากรถ พอเห็นสถานที่แห่งนี้ ในใจก็รู้สึกเสียใจแล้วก็โมโหด้วย สถานพักฟื้นที่ดูแย่ ทรุดโทรมมาก ไม่เห็นพนักงานที่ใส่เครื่องแบบเลยด้วยซ้ำ
ที่แบบนี้ จะดูแลคุณแม่ดีได้ยังไง?
เวินหนิงรู้สึกเกลียดเวินฉีโม่ สมบัติของตระกูลเวิน ยังไงครึ่งหนึ่งก็เป็นของคุณแม่ แต่พวกเขาก็ไม่ยอมแบ่ง แม้แต่พามารักษาตัวก็แค่ทำขอไปทีแบบนี้ ทำเกินไปมาก
“เข้าไปเถอะ” ลู่จิ้นยวนมองออกว่าเวินหนิงโมโห “ฉันจัดการสถานพักฟื้นที่ใหม่ให้แล้ว เดี๋ยวก็ส่งตัวคุณน้าไปได้เลย”
เมื่อเวินหนิงได้ยินลู่จิ้นยวนพูดแบบนี้ ก็รู้สึกแปลกใจ แต่ยิ่งไปกว่านั้นก็รู้สึกตื้นตันใจ ทำให้ความโมโหที่มีต่อเขาในใจ ตอนนี้ก็หายไปไม่น้อย
ในช่วงเวลาที่ไร้ความช่วยเหลือที่สุด เธอก็เพิ่งรู้ตัวว่าลู่จิ้นยวนเป็นตัวช่วยที่เธอขาดไม่ได้
ทั้งสองเดินเข้าไป มีคนที่แต่งตัวสุดโทรมเห็นก็อยากจะขวาง แต่ก็ถูกลู่จิ้นยวนมอง สายตาที่เยือกเย็นของผู้ชายคนนั้น ทำให้เธอไม่กล้าเอ่ยพูดอะไร แล้วเดินจากไป
จากนั้น เธอวิ่งออกมา โทรหาคนตระกูลเวิน แล้วรายงานเรื่องว่ามีคนมาที่นี่
ตอนนั้นที่ตระกูลเวินส่งตัวคุณแม่ของเวินหนิงมา ก็ย้ำนักย้ำหนาว่าต้องซ่อนตัวท่านให้ดี แถมยังให้เงินก้อนด้วย
เวินหนิงก็หาห้องคุณแม่เจออย่างรวดเร็ว พอเข้าไป เห็นคุณแม่นอนอยู่บนเตียง เธอก็อดไม่ได้จนตาแดง ไม่สนว่าตัวเองท้องอยู่หรือเปล่า ก็วิ่งไปหา “แม่!”
ไป๋หลินยวี่ในตอนนี้ผอมมาก ไม่เหมือนคุณแม่ที่สวยงามในความทรงจำเธอเลย อาจจะเป็นเพราะนอนติดเตียงมานาน ผิวกายของท่านก็ซีดขาวไปหมด ที่มือก็ยังมีสายน้ำเกลืออยู่ เป็นเพราะร่างกายอ่อนแอมาก จึงทำให้เส้นเลือดโผล่ออกมาเห็นได้ชัด มองไปแล้วน่ากลัวมาก
โดยเฉพาะ ความสะอาดที่ไม่ได้มาตรฐาน แม้แต่ผ้าห่มของไป๋หลินยวี่ก็ยังสกปรก แล้วบนตัวก็มีกลิ่นด้วย เวินหนิงเข้าใจทันที คำพูดตอนนั้นที่เวินฉีโม่ข่มขู่เธอ เป็นแค่คำหลอกลวง
พูดว่าขอแค่เธอเชื่อฟัง แล้วช่วยรับโทษของเวินหลานไว้ อย่าพูดเรื่องนี้ออกไป ก็จะดูแลคุณแม่ให้ดี ทั้งหมดเป็นแค่การหลอกลวง!
“คุณแม่ ขอโทษ หนูไร้ประโยชน์เอง ทำให้คุณแม่ลำบากขนาดนี้”
เวินหนิงร้องไห้ออกมา เหมือนไม่ได้กลิ่นบนตัวของคุณแม่ เอาแต่ร้องไห้ข้างเตียท่าน
สามปีแล้ว ทุกครั้งที่เธอไม่อยากมีชีวิตต่อในคุก ก็จะคิดว่าอาจจะมีวันไหนที่จะได้เจอคุณแม่อีก แต่เธอไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้ คุณแม่ถูกทารุณจนเป็นแบบนี้ คนตระกูลเวินไม่ใช่คนแล้ว!
เมื่อลู่จินยวนเห็นว่าเวินหนิงอารมณ์ขึ้น ก็ขมวดคิ้ว เขาก็เพิ่งสืบหาที่นี่เจอ แล้วรีบมาทันที ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้ ในใจ ก็มองตระกูลเวินแย่ไปกว่าเดิม
แล้วอีกอย่าง ตระกูลเวินไม่ขาดแคนเงินอยู่แล้ว แต่กลับส่งคนมาอยู่ที่นี่ นอกจากจะตั้งใจทำให้ท่านลำบาก ก็เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย
“เวินหนิง อย่าร้องไห้ ลุกขึ้นก่อน” ลู่จิ้นยวนเดินไปแล้วดึงตัวเวินหนิงออกมาจากข้างเตียง มองเห็นดวงตาทั้งสองข้างของผู้หญิงคนนี้ร้องไห้จนบวมแดง ในใจเขาก็รู้สึกเป็นห่วง “เดี๋ยวฉันเรียกคนมาพาคุณน้าขึ้นไปบนรถพยาบาล แล้วเรารีบไปจากที่นี่”
เพราะว่ากังวลจะมีผลกระทบอะไรกับร่างกายเวินหนิง ลู่จิ้นยวนก็เลยสั่งอย่างเด็ดขาด
เวินหนิงมองไปที่ใบหน้าของผู้ชายคนนั้น ก็พยักหน้า ตอนนี้ เธอเหมือนกับเด็กที่ไม่รู้เรื่อง แล้วลู่จิ้นยวนก็เป็นที่พึ่งของเธอ
ผ่านไปไม่นาน รถพยาบาลที่ลู่จิ้นยวนเรียกจะมาถึงแล้ว เวินหนิงก็เตรียมตัวล่วงหน้า แล้วพยุงตัวไป๋หลินยวี่ขึ้นจากบนเตียง กำลังจะเรียกคนข้างล่างขึ้นมาช่วย แต่ก็มีคนขวางประตูไว้
“ขอโทษนะคะ นี่เป็นคนไข้ของเรา ถ้าไม่ผ่านการอนุญาตจากครอบครัวคนไข้ พวกคุณจะพาตัวเธอไปไม่ได้!”
เมื่อรายงานเสร็จ เวินฉีโม่ก็รีบตามคนมา ไป๋หลินยวี่เป็นอาวุธที่เขาใช้ข่มขู่เวินหนิง ถ้าเวินหนิงพาตัวไปได้ เรื่องที่ให้รับผิดแทนเวินหลานก็คงจะปิดบังไว้ไม่อยู่