เวินหนิงยังรออยู่ในวิลล่าอีกหลายวัน เพียงแต่ ยังไม่ได้รับข่าวคราว ถึงแม้ว่าเธอจะผ่านไปดู เงินพวกนั้นโดนคนเก็บไปแล้ว แต่ว่า กลับไม่มีใครมาตามหาร่องรอยของเธอ
บางที เธออาจจะหมดหนทางแล้วจริงๆ
สีหน้าของเวินหนิง ดูเศร้าโศรกขึ้นมา
……
อีกสองสามวันถัดมา บางทีอาจะเป็นเพราะอารมณ์ยังคงหดหู่ หรือบางทีอาจเพราะที่นี่นั้นเศร้าสร้อยเกินไป เวินหนิงเป็นไข้ขึ้นมา
เป็นหวัด บวกกับพอท้องก็ทานยาไม่ได้ ทำให้เธอนั้นล้มป่วยอย่างรวดเร็ว
ในตอนที่ลู่จิ้นยวนได้รับโทรศัพท์ น้ำเสียงของหญิงรับใช้สั่นเครือ “คุณชาย ตอนนี้คุณหนูเวินเป็นหวัดค่ะ ไข้ขึ้น”
ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้ว น้ำเสียงข่มเหง “เรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เพราะว่าสองสามวันก่อนหน้าอารมณ์ไม่ดี เขาก็เลยทิ้งเวินหนิงไปสองสามวัน ถึงไม่ถึงว่าหญิงสาวกลับสร้างปัญหาขึ้นมาอีกแล้ว
“เมื่อวานซืนเป็นหวัด ตอนนี้เริ่มเป็นไข้ค่ะ”
ตอนแรก พวกคนที่คอยดูแลเวินหนิงไม่ได้นึกว่าเรื่องราวจะวุ่นวายขนาดนี้ และก็ไม่กล้าที่จะไปรบกวรลู่จิ้นยวนตามอำเภอใจ เลยก็แค่ให้เธอกินยาตามปกติ คิดว่าไม่นานก็คงจะดีขึ้น
คิดไม่ถึงว่าตอนนี้อาการจะหนักขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น จึงทำได้เพียงติดต่อลู่จิ้นยวน กันไม่ให้เรื่องราวมันแย่ไปมากกว่านี้
“ทำไมไม่รีบบอก?”
ลู่จิ้นยวนกวาดงานในมือไปกองด้านข้าง หยิบกุญแจรถแล้วสาวเท้าก้าวยาวๆออกไป นวดขมับขมับเล็กน้อย ดวงตามีแววหงุดหงิด รีบขับรถไปที่ๆเวินหนิงอยู่
เดินเข้าไปในห้อง เวินหนิงกำลังนอนอยู่บนเตียงพอดี คุณหนูที่ตอนแรกใบหน้าก็เล็กแค่ฝ่ามืออยู่แล้ว ช่วงนี้ยิ่งเปลี่ยนเป็นเล็กลงไปอีก พวกเนื้อที่เพิ่มขึ้นมาเพราะว่ากำลังท้องในตอนแรกก็หายไปแล้ว มองแล้วดูน่าสงสาร
ลู่จิ้นยวนมองดวงตาคู่นั้นที่ปิดอยู่ของหญิงสาว นี่เธอกำลังประท้วงเขาอยู่หรือเปล่านะ?
เพราะว่าเขาไม่อนุญาตให้เธอไปจากที่นี่ ก็เลยทำให้ตัวเองกลายเป็นแบบนี้แทน?
“ยาล่ะ? ลู่จิ้นยวนอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก “สั่งให้พวกแกดูแลเธอให้ดีๆ ดูแลกันจนเป็นแบบนี้เหรอ?”
ทุกๆคนโดนสั่งสอนเสียหนึ่งยก ต่างไม่มีใครกล้าส่งเสียง มีเพียงแค่หญิงรับใช้ที่ดูแลเวินหนิงที่ใกล้ชิดที่สุดค่อยๆพูดขึ้นเบาๆ “คุณชาย เพียงแต่…….เป็นโรคหัวใจก็ต้องใช้ยารักษาโรคหัวใจ คุณหนูเวินหดหู่อยู่ตลอด พวกเราพูดด้วยตั้งหลายครั้ง ก็หมดหนทาง ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ คนเราจะต้องรับไม่ไหวแน่ๆ”
ลู่จิ้นยวนฟังคำพูดนี้จบ ก็หงุดหงิดมากยิ่งขึ้น “แล้วพวกแกคิดวิธีที่จะทำให้เธอมีความสุขขึ้นมาไม่ได้เลยหรือยังไง? ออกไป ต่อไปถ้ายังเกินเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ก็ออกไปให้หมดเลย”
ลู่จิ้นยวนพูดจบ ทุกๆคนก็รีบวิ่งออกไปราวกับได้รับการนิรโทษกรรม กลัวว่าถ้าเกิดเดินช้าอาจจะโดนลูกหลงได้
ลู่จิ้นยวนเองก็รู้ว่าเขากำลังโมโหแล้วพาล ทำไมเวินหนิงถึงมีความรู้สึกแย่ๆ ถึงขนาดที่ว่ามีผลกระทบต่อร่างกาย เหตุผลนั้นเขารู้แจ้งยิ่งกว่าใคร แต่ว่า เขาจำเป็นที่จะต้องปล่อยมืออย่างนั้นเหรอ?
มองใบหน้าเงียบสงบนั้นของเวินหนิง ชายหนุ่มก็กำหมัดแน่น “เวินหนิง คุณไม่อยากอยู่ข้างๆผมขนาดนี้เลยเหรอ?”
คิดก็ส่วนคิด ลู่จิ้นยวนกลับนั่งลงตรงบริเวณหัวเตียง ดูแลเวินหนิง ตอนนี้ คุณหมอไม่กล้าที่จะใช้ยามั่วๆ ดังนั้นก็เลยใช้แค่เพียงวิธีลดอุณหภูมิของร่างกายด้วยวิธีกายภาพเท่านั้น หวังว่าจะลดอุณหภูมิของเธอลงได้
ลู่จิ้นยวนนั่งอยู่ที่ตรงนั้น เอาผ้าที่ร้อนเพราะอุณหภูมิร่างกายของเวินหนิงมาซักด้วยน้ำเย็นเสร็จแล้วก็เอากลับไปวางที่หน้าผากด้วยตัวเอง
ในตอนที่เวินหนิงกำลังสะลึมสะลือ เธอรู้สึกว่ามีคนกำลังดูแลเธออยู่ การกระทำของคนนั้นไม่ค่อยชำนาญเท่าไหร่ แต่ว่า กลับอ่อนโยน เหมือนกับว่ากลัวจะรบกวนการนอนของเธออย่างนั้น
นี่ทำให้เวินหนิงนึกถึงในตอนที่แม่ยังอยู่กับตัวเอง ในตอนนั้น แม่ยังคงช่วยเวินฉีโม่สร้างเนื้อสร้างตัว สถานภาพทางครอบครัวแตกต่างกับในตอนหลังเยอะ และในตอนที่เธอไข้ขึ้น แม่มักจะใช้วิธีมากำจัดความทรมานของเธอ
“แม่……” เวินหนิงพูดออกมา ร้องเรียกออกมาเบาๆ เธอเองก็ไม่รู้ว่าคนที่ดูแลตัวเองอยู่เป็นใคร แต่ว่า ในตอนที่มนุษย์ไม่สบายมักจะอ่อนแอ จำเป็นที่จะต้องมีคนที่เชื่อใจได้คอยดูแล ดังนั้น เธอร้องเรียกออกมา
มือของลู่จิ้นยวนหยุดลง ได้ยินว่าน้ำเสียงของเวินหนิงนั้นโศรกเศร้าและโหยหา อยู่ๆหัวใจก็เจ็บปวดขึ้นมาอยู่ครูู่หนึ่ง ความคิดถึงของเวินหนิงที่มีต่อแม่ ทำไมเขาจะไม่รู้
ดังนั้น การกระทำของชายหนุ่มก็ยิ่งเบามือขึ้นอีก “อย่างนั้น ทำไมจะต้องจากไป? อยู่ข้างๆผม ผมจะช่วยหาแม่ของคุณให้เจอ จะไม่ให้คุณนั้นต้องกังวลหรือเกรงกลัว ทำไมคุณจะต้องเลือกผู้ชายคนนั้น?”
เวินหนิงยังอยู่ในอาการมึนงง ลู่จิ้นยวนเองก็ยากที่จะพูดความในใจของตัวเองออกมา ยังไงเสีย เธอไม่มีทางได้ยิน
“หรือคุณคิดว่าผมยังทำดีกับคุณไม่มากพอ?”
ที่จริงแล้วลู่จิ้นยวนนั้นไม่ยอม สำหรับเวินหนิง เขาใส่ใจเธอยิ่งกว่าผู้หญิงคนไหนๆ ถึงขนาดที่ว่า สามารถที่จะขัดขวางความต้องการของตระกูลลู่ได้เพื่อเธอ แต่ว่าคำตอบที่เธอตอบเขา ทำให้เขานั้นผิดหวังมากจริงๆ
เหอจื่ออัน ผู้เป็นพ่อได้ไปเจอกับเมียน้อยแล้วก็มีเขาออกมา เป็นสิ่งที่ทำลายความสุขในชีวิตของแม่ทั้งชีวิต ไม่ว่าอย่างไรเขาก็รับไม่ได้ที่เวินหนิงจะไปคบกับผู้ชายอย่างนี้เพื่อคิดบัญชีเขา
อย่างนี้ทำให้เขารู้สึกว่ากำลังโดนเหยียดหยาม
หัวคิ้วของเวินหนิงขมวดเข้าหากัน เธอได้ยินคำพูดของลู่จิ้นยวน เพียงแต่ เธอนึกว่ากำลังอยู่ในฝัน
“ฉันเปล่า…..ทำไมถึงไม่เชื่อฉัน……”
ในฝัน เงาของลู่จิ้นยวนปรากฎขึ้น เวินหนิงอดไม่ได้ที่จะอธิบายให้เขาฟัง เด็กในท้องของเธอเป็นของเขา เธอไม่เคยออกไปยุ่งกับผู้ชายคนไหน ทำไมถึงไม่เคยยอมเชื่อเธอ?
ลู่จิ้นยวนได้ยิน ก็นึกว่าเธอนั้นกำลังฝันร้าย ฝันถึงเรื่องพวกนั้นที่ตระกูลเวินทำร้ายเธอ ดังนั้น เขาก็จับมือของเวินหนิง เวินหนิงเองก็กุมมือกลับในทันที ใช้แรงราวกับว่าคว้าของที่สำคัญมากสำหรับเธอเอาไว้
ลู่จิ้นยวนอยู่เป็นเพื่อนเวินหนิงในท่านี้อยู่นาน แต่ ในตอนหลังๆเขารู้สึกเหนื่อย เลยตัดสินใจนอนบนเตียงไปเลย นอนหลับอยู่ข้างๆเวินหนิง ปล่อยให้เธอนั้นให้ซุกตัวเข้ามาในอ้อมกอดของตัวเอง มารับเอาไออุ่น
เวินหนิงไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานเท่าไหร่ รอจนถึงในตอนที่เธอลืมตาขึ้นมา ท้องฟ้าก็กลายเป็นสีดำไปแล้ว เธอมึนงงเล็กน้อย แต่กลับรู้สึกตัวว่าข้างๆกายมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน แถม เธอยังขยำชายเสื้อของคนๆนั้นเอาไว้เสียด้วย
นี่เธอทำอะไรลงไปอีกแล้ว?
เวินหนิงตกใจ เธอคงไม่ได้จับคนๆนั้นในวิลล่าเอาไว้ได้แล้วใช่ไหม อย่างนั้นก็น่ากลัวเกินไปแล้ว
คิดไป เธอก็รีบปล่อยมือออก อยากจะเรียกให้คนๆนี้ลุกขึ้นมา
ลู่จิ้นยวนเองก็หลับไปแล้ว หลังจากที่โดนเวินหนิงแตะอยู่สองสามครั้ง ก็ลืมตาขึ้นมา เห็นว่าเธอตื่นแล้ว น้ำเสียงแหบแห้งถามขึ้น “ตื่นแล้วเหรอ รู้สึกยังไงบ้าง?”
เพราะว่าเพิ่งจะตื่นนอน คำพูดทั้งหมดที่ชายหนุ่มพูดขึ้น ล้วนออกมาจากความรู้สึกจริงๆ ดังนั้น ก็เลยไม่มีคำพูดเฉียบคมรุนแรงพวกนั้นที่มักจะพูดกับเวินหนิงในช่วงนี้ และมีความอบอุ่นเพิ่มขึ้นมา
เวินหนิงชะงัก ทำไมเธอถึงฟังเสียงของลู่จิ้นยวนไม่ออกนะ?
เพียงแต่ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้? ไม่ใช่ว่าเขาไม่มาที่นี่ตั้งหลายวันแล้วเหรอ?
ยิ่งไปกว่านั้น น้ำเสียงอบอุ่นแบบนี้ของเขา นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?
เวินหนิงรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองกำลังปั่นป่วน “ทำไมคุณถึงมาอยู่นี่ได้คะ?”
ลู่จิ้นยวนหัวเราะให้กับคำถามนี้ของเธอ “ที่นี่เป็นบ้านของผม คุณถามว่าทำไมผมถึงอยู่ที่นี่?”