เวินหนิงคิดแล้วก็คิด พยักหน้าลง “เอาสิ”
เธออุดอู้อยู่ในห้อง ก็น่าเบื่อเสียเต็มประดาอยู่แล้ว ออกไปเดินเล่นหน่อย บางทีอาจจะหาโอกาสที่จะหนีได้ก็ได้ ถึงแม้ว่าความหวังจะริบหรี่ แต่ว่าก็ควรจะลอง
เวินหนิงเริ่มจากทายาให้ตัวเองก่อน จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่หนาขึ้นมาหน่อย ถึงได้ออกไปเดินพร้อมกับหญิงรับใช้ที่เดินเป็นเพื่อน
บ้านหลังนี้ของลู่จิ้นยวน ถึงแม้ว่าจะตั้งอยู่ในที่ห่างไกลสักหน่อย แต่ว่าบริเวณรอบๆนั้นนั้นกลับไม่อาจจะหาที่ติได้ ไม่เพียงแค่ด้านในวิลล่ากว้างขวางโอ่อ่า สวนดอกไม้ข้างนอกก็กินพื้นที่ไปไม่น้อย ดอกไม้ต่างๆนานากำลังเติบโต ตอนนี้บานแล้วไม่น้อย มองแล้วสวยงามมาก
ถึงแม้เวินหนิงจะไม่มีกะจิตกะใจจะไปชื่อชม แต่ว่า การออกกำลังที่เหมาะสมมีประโยชน์กับเด็กที่อยู่ในท้อง เธอเดินไปรอบๆเรื่อยๆ
ส่วนไป๋ซินอวี๋ที่ได้ยินเสียงคนคุยกันดังมาจากทางสวนดอกไม้ ก็รวบรวมสมาธิเพ่งมอง ไม่นานนัก เงาของคนสองคนก็ปรากฎเข้ามาในสายตาของเขา ทำให้เขาต้องกำพวกมาลัยในมือแน่น
ไม่น่าเชื่อ เป็นเวินหนิงจริงด้วย?
อยู่ๆอารมณ์โมโหของไป๋ซินอวี๋ก็ประทุออกมา
เมื่อกี้ลู่จิ้นยวนอยู่ที่โรงพยาบาล เขาพูดเปรียบเปรย นึกว่าในที่สุดเขาก็ได้สติขึ้นมาแล้ว คิดไม่ถึงว่า เอาผู้หญิงคนนี้มาซ่อนเอาไว้ในที่แบบนี้
หรือว่าเขายังอยากจะเลี้ยงอีหนูเหรอ? ทางหนึ่งที่กำลังรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับมู่เยียนหรานยังไม่พอ?
คิดถึงความเป็นไปได้ในอย่างนี้ ไป๋ซินอวี๋อยากจะพุ่งตัวเข้าไปเดี๋ยวนี้ อยากจะจับตัวเวินหนิงมาถามว่าไม่อายหรือยังไง ผู้หญิงคนหนึ่ง เขาให้เงินไม่เอา จำเป็นต้องเข้ามาแทรกกลางคนอื่นเป็นเมียน้อยให้ได้?
เธอยังมีศักดิ์ศรีอยู่อีกไหม?
เวินหนิงค่อนข้างจะอ่อนไหวกับสายตาจากโลกภายนอก โดยเฉพาะ สายตาของไป๋ซินอวี๋ที่ไม่เป็นมิตร เธอรู้สึกได้เลยหันไปมอง ถึงได้เห็นว่าตรงนั้นมีรถเพิ่มมาคันหนึ่ง เพียงแค่โดนต้นไม้ที่ขึ้นอยู่หนาแน่นบังเอาไว้ มองไม่ค่อยชัดเจน ไม่ได้ตั้งใจมองให้ละเอียดดีๆก็ไม่สามารถสังเกตเห็น
เป็นใคร?
เวินหนิงอดคิดไม่ได้ ที่นี่อยู่ที่ชนบทขนาดนี้ ก็เหมือนกับที่ลู่จิ้นยวนบอก ถ้าเกิดไม่มีคนพาเธอไป ต่อให้เธอนั้นมีปีกก็ยากที่จะหลบหนีออกไป ยังไงเสีย ตอนนี้เธอท้องอยู่ คงไม่มีทางที่จะเดินไปจนถึงในเมืองที่ที่มีคนมีรถ
คิดอยู่ครู่หนึ่ง เวินหนิงทำเป็นมองไม่เห็นรถคันนั้น “ฉันยังรู้สึกหนาวอยู่ กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสื้อผ้าแล้วค่อยมาดีกว่า”
หญิงรับใช้ไม่กล้าที่จะขัด รีบพาเธอกลับไป เวินหนิงไล่เธอออกไปจากห้อง หยิบธนบัตรหนึ่งใบออกมาจากกระเป๋าสตางค์ เขียนหนังสือลงไปบนนั้นอยู่สองสามบรรทัด แล้วยัดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
ถึงแม้ว่า เธอเห็นว่ารถคันนั้นเป็นรถหรู แต่ว่า บางทีคนๆนั้นเห็นเงินอาจจะสงสัยก็ได้?
เวินหนิงคิด หยิงเงินหลายร้อยหยวนยัดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ เดินออกไปอีกครั้งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไม่อย่างนั้น พรุ่งนี้พวกเราค่อยไปดีไหมคะ” หญิงรับใช้กลัวว่าเวินหนิงจะเหนื่อย แล้วมีอันตรายกับเด็กในท้องของเธอ หรือไม่ก็เป็นหวัดไป อย่างนั้นความรับผิดชอบก็ใหญ่ขึ้นอีก
“ไม่ ไม่เป็นไร ฉันไปเดินต่ออีกนิด”
เวินหนิงจะปล่อยโอกาสดีๆแบบนี้ไปได้ยังไงกันล่ะ รีบร้อนส่ายหน้า เห็นว่าเธอยังจะไปต่อ หญิงรับใช้ก็หมดหนทาง พาเธอลงไปอีกครั้ง
เวินหนิงเดินไป เห็นว่ารถคันนั้นยังอยู่ ถอนหายใจออกมา โยนของในมือไปที่มุมๆหนึ่ง “อ๊ะ ของๆฉันหายไป เหมือนว่าจะหายไปแถวๆนั้น”
พูดจบ ก็ใช้โอกาสว่างที่หญิงรับใช้ไปตามหาของ โยนธนบัตรใบนั้นออกไป
ตอนแรกไป๋ซินอวี๋ยังไม่รู้ว่าเธฮคิดจะทำอะไร เห็นว่าตั๋วใบสีชมพูอ่อนนั้นถูกปาออกมา ในใจก็เกิดสงสัยขึ้น นี่คือกำลังส่งข่าวอะไรให้เขาอยู่?
เวินหนิงเห็นว่าไปถึงจุดมุ่งหมายแล้ว ก็เดินเล่นในวิลล่าอีกแป๊บหนึ่ง ถึงได้รีบกลับไปที่ห้อง
ไม่รู้ว่าความคิดของเธอจะสำเร็จหรือเปล่า ถ้าเกิดว่าคนๆนั้นกลัว เกรงว่าไม่มีทางร่วมมือด้วย
เวินหนิงขมวดคิ้ว เธอเขียนเรื่องที่เธอโดนกักขังเอาไว้บนธนบัตรใบนั้น แล้วก็ หวังว่าคนที่เก็บเงินนี้ได้สามารถโทรศัพท์หาเหอจื่ออัน ขอให้เขาคิดหาวิธีมาช่วยตัวเองออกไป
……
หลังจากที่ไป๋ซินอวี๋มั่นใจแล้วว่าจะไม่โดนคนอื่นพบ หยิบตั๋วพวกนั้นขึ้น พอเปิดดู ด้านบนเขียนอะไรเอาไว้อยู่สองสามบรรทัด แต่เนื้อหา ทำให้เขาไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
เธอโดนขัง?
ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อยากอยู่ข้างๆลู่จิ้นยวนอย่างนั้นเหรอ แต่กลับ เป็นลู่จิ้นยวนที่เป็นคนบังคับ?
ไป๋ซินอวี๋คิดว่านี่มีอะไรแปลกๆ แต่ว่าเขาเองก็ไม่ได้ชักช้า กลับไปโรงพยาบาลอย่างหนักใจ
มู่เยียนหรานเตรียมพร้อมที่จะออกจากโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว จากการรับปากของเย่หว่านจิ้ง ทำให้เธอนั้นเบาใจลงไปมาก อีกอย่าง ตระกูลลู่เชิญให้เธอไปพักอยู่ที่ตระกูลลู่ช่วงหนึ่ง แน่นอนว่าเธอไม่มีทางปฏิเสธ
ไป๋ซินอวี๋กลับมา เธอบอกเขาเรื่องนี้อย่างมีความสุข แต่ชายหนุ่มกลับยิ้มออกมาแบบขอไปที ในใจยังคงเรื่องของเวินหนิงอยู่
ถ้าหากว่า ลู่จิ้นยวนยังมีความรู้สึกให้เวินหนิงอยู่ แล้วก็โกหกมู่เยียนหรานไปด้วย อย่างนั้นเขาไม่มีทางเห็นด้วยแน่ๆ
มู่เยียนหรานเหมาะสมกับสิ่งที่ดีที่สุด เขาไม่มีทางให้เธอได้เสียใจเป็นอันขาด
“เป็นอะไร?”
“เยียนหราน วันนี้คุณป้ามา ได้บอกหรือเปล่าว่าเวินหนิงเป็นยังไงบ้าง?”
มู่เยียนหรานมองเขาอย่างสงสัย “เธอบอกว่าเวินหนิงโดนลู่จิ้นยวนไล่ออกไปแล้ว ไม่มีทางกลับมาอีก ทำไมเหรอ หรือว่า เธอยังไม่ยอมไป?”
ไป๋ซินอวี๋ส่ายหน้า “เปล่า ฉันก็แค่กังวลว่าเธอจะกลับมารบกวนชีวิตของเธออีก?”
“ซินอวี๋ อย่างนั้นนายก็ช่วยฉันหน่อย อย่าทำให้เธอได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีก ได้ไหม?”
มู่เยียนหรานนึกถึงวันนี้ที่ลู่จิ้นยวนยังคงเอ่ยชื่อเวินหนิงออกมาในฝัน ภายในใจก็ร้อนรน
เธอไม่ต้องการให้ส่วนประกอบที่มีความเสี่ยงนี้ยังคงอยู่ มาข่มขู่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลู่จิ้นยวน
“ฉันจะช่วยเธอ”
ไป๋ซินอวี๋ลูบผมนุ่มสลวยของมู่เยียนหรานเบาๆ เพื่อเธอ ไม่ว่าเป็นอะไร ตัวเองล้วนแต่เต็มใจทั้งนั้น
……
ไป๋ซินอวี๋รีบติดต่อเหอจื่ออัน กับเหอจื่ออันคนนั้น เขาไม่ได้รู้จักเท่าไหร่ แต่ว่าตอนนี้เวินหนิงอยู่ในมือของลู่จิ้นยวน ถ้าเกิดว่าเขาออกหน้า เกรงว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะจบลงตรงนี้
ดังนั้น เขาทำได้แค่หาตัวเหอจื่ออัน ใช้เขามาจัดการเรื่องนี้ ดีที่สุด
เหอจื่ออันได้รับโทรศัพท์จากไป๋ซินอวี๋ ยังคงสงสัยอยู่เล็กน้อย เขารู้เรื่องพวกเพื่อนๆของลู่จิ้นยวนก็ไม่ได้นับว่าน้อย เมื่อก่อนเคยตรวจสอบไว้ คนๆนี้ ไม่เหมือนกับคนที่จะเป็นคนเริ่มติดต่อผูกสัมพันธ์ก่อน
“คุณชายเหอ สวัสดีครับ ก่อนหน้านี้พวกเราไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ แต่ว่า ครั้งนี้ผมต้องการจะบอกที่อยู่ของเวินหนิงกับคุณ”
ไป๋ซินอวี๋ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เริ่มพูดเข้าประเด็นเรื่องของเวินหนิง
เหอจื่ออันเบิกตากว้างในทันที “คุณรู้ที่อยู่ของเธอได้ยังไง?”
ไม่กี่วันมานี้ เหอจื่ออันสั่งให้ลูกน้องออกตามหาที่ๆเวินหนิงอยู่ไปทั่ว แต่ว่า ลู่จิ้นยวนจัดการกับร่องรอยของเธอได้ดีมากๆ
เหอจื่ออันเคยส่งคนไปตาม แต่ก็โดนรู้ตัวเข้า เหอจื่ออันกลัวว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปอาจจะไปยั่วโมโหลู่จิ้นยวนเอาได้ ทำให้เขาเป็นปัญหาต่อเวินหนิง เลยไม่กล้าที่จะทำอะไรเกินไป
วันนี้ กลับกลายเป็นเพื่อนของลู่จิ้นยวนเป็นคนติดต่อมาเอง บอกว่ารู้ข่าวเกี่ยวกับเวินหนิง?
นี่ จะเป็นกับดักหรือเปล่า?
“แต่ว่า ทำไมผมจะต้องเชื่อคุณด้วย?”
เหอจื่ออันระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก ใครจะรู้ว่านี่เป็นใช่หรือไม่ใช่แผนการของลู่จิ้นยวน
“ถ้าเกิดไม่เชื่อ พวกเรามาเจอกัน ผมมีจดหมายที่เธอเขียนขอร้องให้ช่วยกับมือ คุณเห็นก็รู้เอง”