เวินหนิงฟังไม่ออกกับคำพูดที่เต็มด้วยความเย็นชาของชายหนุ่ม แต่เมื่อเป็นลู่จิ้นยวนแล้วทำให้เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เดินไปเปิดประตู ทันทีนั้นเวินหนิงก็เห็นรอยแผลยาวๆบนใบหน้าของลู่จิ้นยวน แม้ว่าแผลจะติดกันเล้ว แต่เมื่อเห็นรอยเลือดสีแดงนั้นแล้วก็ทำให้คนต้องตกตะลึงไม่น้อย
“ นี่คุณไปโดนอะไรมา”
เวินหนิงอดจ้องไม่ได้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นรอยขีดข่วน ทำไมถึงมีคนลงไม้ลงมือกับลู่จิ้นยวนได้ อีกอย่างนี่เป็นครั้งที่สองแล้วในสองสามวันที่ผ่านมานี้ เขาจะมีอันตรายอะไรหรือไม่
“ไม่เป็นไร” ลู่จิ้นยวนลืมเรื่องนี้ไปหมดสิ้นแล้ว เพราะในใจของเขากำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ ทำให้เขาลืมความเจ็บปวดนี้ไปแล้ว
“ เวินหนิง ฉันมีเรื่องจะถามเธอ ”
ขณะที่ลู่จิ้นยวนกำลังพูดสายตาของเขาก็จ้องมองไปที่ตัวของเวินหนิง ในตาของเธอเต็มไปด้วยความเป็นห่วงใจเป็นใย ไม่ได้ดูเหมือนว่าเสแสร้งหรือไม่หลอกลวงใดๆ ซึ่งทำให้อารมณ์หงุดหงิดของเขาสงบลงเล็กน้อย
“ มีเรื่องอะไร ก็รอให้ทายาเสร็จก่อนค่อยถาม”
เวินหนิงได้แต่จ้องมองที่บาดแผลของลู่จิ้นยวน โดยไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเขาในตอนนี้เลย เธอกำลังคิดว่า ถ้าทิ้งรอยแผลเป็นที่ยาวขนาดนี้ไว้ใบหน้าที่หล่อเหลาแบบนี้ เป็นบาปกรรมชัดๆ
หลังจากพูดเสร็จ ก็รีบวิ่งเข้าไปที่ห้องนอนหากล่องยาของเธอ เมื่อเห็นเธอยืนหยัดลู่จิ้นยวนก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วเดินเข้าไปในห้องนอนของเวินหนิงนั่งลงอย่างตามใจชอบ แต่ตาเขาก็เหลือบไปเห็นหนังสือสำหรับคุณแม่มือใหม่เล่มหนึ่ง
บนหน้าปกเป็นภาพเด็กน่ารักคนหนึ่ง ไม่เพียงแต่ทำให้เขารู้สึกไม่ชอบ แต่มันกลับทำให้เขาอารมณ์เสียมากขึ้นไปอีก
ถ้าเด็กคนนี้เป็นของเขา เขาจะต้องชอบมาก แต่ตอนนี้มันไม่ใช่อย่างนั้น เด็กคนนี้ไม่รู้ว่าเป็นของผู้ชายคนไหน เขาไม่รู้จักตัวตนของเขาด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ยิ่งไม่รู้ว่าผู้ชายคนี้จะแสดงตัวเมื่อไร แล้วเวินหนิงคิดอย่างไรกับตัวเอง
โดยปกติแล้วลู่จิ้นยวนไม่ชอบเสี่ยง แม้แต่ความรู้สึกก็เช่นเดียวกัน เขาจะไม่ยอมให้เวินหนิงหาเหตุผลใดๆทิ้งเขาไปอย่างง่ายดาย
เวินหนิงเจอสำลีก้านและยาแก้อักเสบสำหรับแผลสดก็รีบวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นลู่จิ้นยวนนั่งอยู่บนขอบเตียงตาจ้องมองไปที่หนังสือเล่มนั้นด้วยสีหน้าซับซ้อน ในใจของเธอสั่นเทาเล็กน้อย จึงรีบเก็บของเหล่านี้อย่างรวดเร็ว “ มาฉันช่วยคุณทายา”
ลู่จิ้นยวนพยักหน้า เวินหนิงเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าด้วยสำลีชุบน้ำหมาด ๆ ก่อน แล้วจึงทายาแก้อับเสบที่บาดแผลทีละน้อย
โชคดีที่แผลไม่ลึก แม้ดูแล้วจะน่าตกใจหน่อยๆ แต่ก็ไม่น่าจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้
แต่เวินหนิงก็ยังคงกังวลอยู่ดี เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงมีคนทำร้ายเขาได้ถึงสองครั้ง
“ เป็น … เป็นนายท่านลู่ลงมือเหรอ”
เวินหนิงถามอย่างกล้าๆกลัวๆ ขณะทายาให้เขาอยู่อย่างเงียบๆ
” อืม ” ลู่จิ้นยวนพยักหน้า แล้วบังเอิญไปสัมผัสโดนบาดแผลเขา จนเขาอดไม่ได้ร้อง โอ๊ย ออกมาเบา ๆ ทำให้เวินหนิงถึงกับสะดุ้ง ” เธออย่าขยับ ”
แม้ว่า น้ำเสียงของเธอจะค่อนข้างหนักแน่น แต่ในใจของเวินหนิงไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย เพราะเธอรู้ดีว่าที่ลู่จิ้นยวนโดนตี มันจะต้องมีเกี่ยวข้องกับตัวเองแน่นอน
“ เป็นเพราะเรื่องของฉันหรือเปล่าคะ”
“ อย่าคิดฟุ้งซ่านไปเลย ” ลู่จิ้นยวนไม่ได้ตอบคำถามเธอ แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธเหมือนกัน
หัวใจของเวินหนิงรู้สึกผิดขึ้นมา แต่ก็รู้สึกตื้นตันใจเช่นกัน แม้ว่าเขาจะถูกนายท่านลู่ตี เขาก็ไม่ได้โทษเธอ แถมยังเป็นห่วงเธอแบบนี้
บางที ลู่จิ้นยวนอาจจะจริงจังกับเธอมากกว่าที่เธอคิดก็ได้
ขณะที่คิด ในตาของเวินหนิงก็เต็มไปด้วยความสุข เธอกำลังคิดว่า ถ้าลู่จิ้นยวนรู้ว่าเด็กในท้องเป็นของเขา ถ้าพวกเขาจะสู้ต่อไปด้วยกัน น่าจะดีกว่านี้ก็ได้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เวินหนิงก็เร่งมือเร็วขึ้นไปอีก หลังจากทายาเสร็จกำลังจะนำกล่องยาไปเก็บ จู่ๆลู่จิ้นยวนก็จับข้อมือของเธอไว้ ให้เธอสบตากับเขาไม่ให้หลบสสายตาเขา ทั้งสองจ้องมองตาซึ่งกันและกัน
“ เวินหนิง ฉันมีเรื่องอยากถามเธอ”
น้ำเสียงของชายหนุ่มดูเคร่งขรึม เวินหนิงพยักหน้า “คุณถามสิ”
“ เด็กในท้องของคุณ เป็นของใครกันแน่”
วันนี้ลู่จิ้นยวนตัดสินใจแล้วว่า จะต้องถามเรื่องนี้ให้ชัดเจน เด็กคนนี้ เขายอมให้เวินหนิงเก็บเอาไว้ได้ คลอดออกมา แต่เขาจะไม่มีวันอนุญาตให้เธอเลี้ยงดูด้วยตัวเองอย่างเด็ดขาด
เขาจะไม่ยอมให้ความเสี่ยงนี้อยู่รอบตัวเขาและเวินหนิง เขาจะไม่ให้เธอมีโอกาสไปดูลูกหรือคิดถึงพ่อของลูกเด็ดขาดเช่นกัน
เวินหนิงคาดคิดไม่ถึงว่าเขาจะถามเรื่องนี้ แต่คำถามนี้ตรงกับสิ่งที่เธอเพิ่งคิดไปเมื่อครู่
บางที นี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะบอกความจริงกับเขา
“ลู่จิ้นยวน คุณเชื่อคำพูดของฉันหรือเปล่า”
ลู่จิ้นยวนมองเธอด้วยสายตาเชื่อใจ ” เธอพูดสิ”
เวินหนิงหายใจเข้าลึก ๆ ราวกับว่าเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ การที่จะบอกความลับนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“ลูก เป็นของคุณ”
เวินหนิงพูดทีละคำทีละคำ หลังจากพูดจบ มองไปที่ท่าทีของลู่จิ้นยวนอย่างใจสั่น
สิ่งที่คาดคิดไม่ถึงก็คือ เขาไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเลย ไม่มีความดีใจ หรือประหลาดใจ แต่กลับใจเย็นจนน่ากลัวมาก
จู่ๆในใจของเวินหนิงก็เกิดความรู้สึกแปลก ๆ ลู่จิ้นยวนรังเกียจเด็กคนนี้มาโดนตลอด ข้อนี้เธอรู้ดี เพราะกลัวว่าถ้าบอกพ่อของเด็กออกมาว่าเป็นใคร จะโดนคนอื่นเขาแก้แค้นหรือเปล่า เธอจึงเก็บความลับนี้ไม่ยอมเอยปากพูดออกมาเลย
แต่ตอนนี้เธอได้รวบรวมความกล้าทั้งหมดพูดมันออกมา แต่ลู่จิ้นยวนกลับไม่มีท่าทีปฏิกิริยาใดๆ ทำให้เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ เด็กคนนี้เป็นของฉันเหรอ ”
น้ำเสียงของลู่จิ้นยวน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่เชื่อ
นับเดือนของเด็กคนนี้ได้ชัดเจน เวลานั้น พวกเขายังไม่เคยมีความสัมพันธ์กัน จะเป็นลูกของเขาได้อย่างไรกัน
อธิบายได้เพียงอย่างเดียวก็คือ เวินหนิงกลัวเขาจะบังคับเธอทำแท้ง กลัวว่าเขาจะแยกเธอกับลูกออก ถึงได้พูดโกหกแบบนี้
“ เวินหนิง ถ้าเธอกลัวว่าฉันจะบังคับให้เธอทำแท้งแล้วล่ะก็ เธอสบายใจได้ ฉันรู้ว่าสภาพร่างกายของเธอไม่เหมาะกับการทำแท้ง ฉันจะไม่เอาสุขภาพร่างกายของเธอมาเสี่ยงแน่นอน ”
ลู่จิ้นยวนพูดต่อ ” แต่ว่า หลังจากเด็กคนนี้เกิดมา จะต้องให้คนอื่นไป ฉันสามารถยอมรับให้เธอคลอดมันออกมาได้ แต่ฉันไม่สามารถปล่อยให้มันใช้ชีวิตอยู่กับเรา นี่คือเส้นด้ายสุดท้ายของฉัน”
เวินหนิงถึงกับผงะเมื่อได้ยินอย่างงี้ เธอไม่คิดว่าลู่จิ้นยวนจะไม่เชื่อคำพูดของเธอเลย “ไม่ใช่นะ เป็นลูกของคุณจริงๆ”
“ เป็นลูกของฉันเหรอ”
เมื่อเห็นท่าทางที่กระตือรือร้นของเวินหนิง ลู่จิ้นยวนรู้สึกไม่เป็นสุข
หรือว่า เธอจะให้ความสำคัญกับเด็กที่เป็นลูกของผู้ชายคนอื่นนี้มาก เธอจึงตั้งใจที่จะพูดแบบนี้ แม้ว่าจะต้องพูดโกหก หรือหลอกลวงให้เขาช่วยเลี้ยงลูกชายให้ผู้ชายคนอื่นก็ตาม
ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บป่วยใจและเสียใจมาก ดูเหมือนว่า เวินหนิงจะชอบผู้ชายคนนี้มาก ยอมเอาศักดิ์ศรีของตัวเองมาแลกกับการรักษาเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาไว้
“ ลู่จิ้นยวน คุณต้องเชื่อฉัน เด็ก … เด็กคนนี้เป็นของคุณจริงๆ … ”
เวินหนิงตั้งใจพูด ” ตอนนั้น ฉันไปที่โรงแรมหมิ่งเซิ่งเพื่อหาหลักฐานที่เวินหลานกับผู้กำกับหนังมีความสัมพันธ์กัน ดังนั้นฉันจึงได้ซื้อชุดเสื้อผ้าของหลิวเมิ่งเซวี่ย แต่โชคไม่ดีที่โดนเวินหลานจับได้ ยังโดนเธอวางยา จากนั้นฉันก็ได้วิ่งเข้าไปในห้องของคุณ หลังจากนั้นก็…… ”
“ นี่เป็นลูกของคุณจริงๆ”