น้ำเสียงของลู่จิ้นยวนหายากที่จะร้อนรน
คำตอบนี้ สำหรับเวินหนิงหรือสำหรับเขานั้นสำคัญมาก
ยวี๋เฟยหมิงเป็นคนฉลาด แค่แวบเดียวก็มองออกถึงความร้อนรนของลู่จิ้นยวน สมองหมุนแล่นอย่างรวดเร็ว
ที่แท้ลู่จิ้นยวนก็เริ่มสงสัยถึงอุบัติเหตุในตอนแรกว่าไม่ใช่เวินหนิงเป็นคนทำ? ถ้าอย่างงั้นก็ไม่น่าแปลกใจที่เขาใจกว้างขนาดนี้ ถึงได้อยู่ด้วยกันกับผู้หญิงที่มีความแค้นต่อกัน แถมยังออกหน้าเพื่อเธอ
“หึหึ นายฟังคำพูดของเธอก็เชื่อแล้วเหรอ? คิดไม่ถึงว่าคุณชายใหญ่ของตระกูลลู่ก็มีด้านที่โง่เขลาเช่นกัน ถึงได้ถูกผู้หญิงคนนั้นปั่นสมอง?”
ยวี๋เฟยหมิงหัวเราะเยือกเย็น ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางพูดความจริงออกมา ถ้าหากลู่จิ้นยวนรู้ว่าเวินหนิงถูกใส่ร้าย จะต้องจัดการกับตัวเองอย่างเด็ดขาดแน่นอน
“แก…” ลู่จิ้นยวนดวงตาเคร่งขรึม
“ฉันบอกกับนาย เธอก็คือผู้หญิงที่ขับรถชนนาย คุณชายใหญ่ตระกูลลู่ใจกว้างเสียจริง คนที่ชนนายแล้วหลบหนีไป แถมไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นท้องกับผู้ชายคนไหนก็ยังจะกล้าเอา หมวกสีเขียวของนายจะเรืองแสงแล้วเหรอ?”
ยวี๋เฟยหมิงหัวเราะอย่างไม่เกรงใจ เขาคิดว่าเพียงแค่ลู่จิ้นยวนรังเกียจเวินหนิง งั้นเขาก็จะได้ไม่มีเหตุผลที่จะต่อต้านตนเองอีก ถึงเวลานั้นเขาก็สามารถออกไปได้แล้ว
ลู่จิ้นยวนสีหน้าเคร่งขรึม ปล่อยมือออก หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าแล้วเช็ดส่วนที่สัมผัสกับยวี๋เฟยหมิงเมื่อสักครู่อย่างละเอียด
ไม่มีอารมณ์ใด ๆ ให้เห็นบนใบหน้าของเขา เขาเฉยชาอย่างผิดปกติ แต่กลับทำให้คนมีความรู้สึกว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้น
“ดูมันไว้ให้ดี ยอมพูดความจริงเมื่อไหร่ค่อยมาบอกฉัน”
ลู่จิ้นยวนเช็ดมือเสร็จ ถึงได้ออกคำสั่งอย่างเย็นชา
“นายขังฉันไว้ในนี้ คิดว่าตระกูลยวี๋จะไม่ออกมือเหรอ?”
ยวี๋เฟยหมิงคิดไม่ถึงว่าลู่จิ้นยวนจะเป็นแบบนี้ เขาขัดขืน แต่ก็ถูกลู่จิ้นยวนเหยียบหน้าอกไว้ “นายคิดว่าเมื่อเทียบกับการผิดใจกับตระกูลลู่แล้วถูกขับไล่ออกจากเมืองเจียงเฉิง คนไร้ค่าแบบนายสำคัญมากเหรอ?”
ลู่จิ้นยวนได้พูดกับตระกูลยวี๋ไว้ตั้งนานแล้ว ถ้าหากตระกูลยวี๋ไม่อยากเป็นศัตรูกับตระกูลลู่แล้วถูกโจมตี ทางที่ดีอย่างทำอะไรเพื่อยวี๋เฟยหมิง
ตระกูลยวี๋จะกล้าผิดใจกับตระกูลลู่ที่เป็นเหมือนดวงตะวันกลางฟ้าได้ที่ไหน แน่นอนว่าต้องรับปากอย่างดี ขณะเดียวกันในใจก็ด่าทอยวี๋เฟยหมิงที่ไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว
ทำไมถึงได้ชอบรุกรานเทพเจ้าคนนี้นะ?
ลู่จิ้นยวนพูดจบไม่มีความสนใจที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป จึงออกไปอย่างรวดเร็ว
เสียงคร่ำครวญโมโหของยวี๋เฟยหมิงถูกทิ้งไว้ข้างหลังเขา แต่สีหน้าของชายหนุ่มก็ยังไม่ดีขึ้น
เขารับปากกับเวินหนิงไว้แล้วว่าจะรีบคืนความบริสุทธิ์ให้เธอ เขาเป็นคนรักษาคำพูดมาโดยตลอด เรื่องนี้จะต้องรีบจัดการอย่างเร็ว
…
ลู่จิ้นยวนขับรถกลับมาที่โรงพยาบาลอย่างเร็ว ตอนนี้เขาหงุดหงิดมาก สิ่งแรกที่อยู่ในหัวสมองเขาคือคนที่ทำให้เขาสามารถสงบสติอารมณ์ได้…คือผู้หญิงคนนั้น
ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่ตอนไหน เขาถึงได้เคยชินกับการมีอยู่ของเธอ เวินหนิงราวกับอากาศ ถึงแม้จะไม่ได้ดึงดูดสายตา แต่กลับขาดไปในชีวิตเขาไม่ได้
ลู่จิ้ยวนเคาะประตู เวินหนิงกำลังเช็ดบาดแผลอยู่ในห้อง เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
กลัวว่าเป็นมู่เยียนหรานจะกลับมาบ้าอีกครั้ง ดังนั้นเวินหนิงไม่ได้ให้เข้ามาในทันที แต่ใช้น้ำเสียงเย็นชาถามขึ้น “ใคร?”
ลู่จิ้นยวนฟังน้ำเสียงของเธอที่ผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว เขาขมวดคิ้ว ผู้หญิงคนนี้อารมณ์ไม่ดีหรือกินดินปืนมา น้ำเสียงเกรี้ยวกราดขนาดนี้?
“ฉันกลับมาแล้ว”
ลู่จิ้นยวนไม่สนใจที่จะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ จึงผลักประตูเดินเข้ามา เวินหนิงตกใจแวบหนึ่ง เธอกำลังทายาอยู่ รอยข่วนใหม่บนหน้าอกที่ถูกมู่เยียนหรานข่วนชัดเจนอยู่เล็กน้อย จิตใต้สำนึกของเธอกำลังจะหลบกั้น แต่ลู่จิ้นยวนก็เห็นเขาเสียแล้ว
ผิวของเวินหนิงขาวผ่อง ถึงจะมีเล็กน้อยแค่นั้น แม้แต่จุดด่างพร้อยที่เล็กที่สุดก็เห็นได้ชัดเจนมาก ดังนั้นลู่จิ้นยวนจึงสังเกตุเห็นรอยข่วนยาว ๆ นั้นได้ในทันที ตอนนี้บวมแดงขึ้นมาแล้ว ดูท่าจะเจ็บมาก
“เกิดอะไรขึ้น?”
น้ำเสียงเย็นชาของลู่จิ้นยวน เขาปิดล็อคประตู เดินเข้ามาแล้วกวาดมองเวินหนิง
เขาเพิ่งจากไปสักพัก ทำไมถึงได้มีแผลใหม่เพิ่มขึ้น?
ผู้หญิงคนนี้ดูแลตัวเองดี ๆ ไม่ได้หรือไง?
“…” เวินหนิงครุ่นคิด ไม่ได้พูดอะไร เธอไม่อยากเป็นคนที่ฟ้องลับหลัง แต่…
เธอไม่แน่ใจว่าหากลู่จิ้นยวนรู้ว่ามู่เยียนหรานเป็นคนทำ จะเชื่อเธอหรือเปล่า
“ไม่ระวังจนบาดเจ็บแค่นั้นแหละ”
เวินหนิงตั้งใจให้ผ่านไปอย่างคลุมเคลือ จู่ ๆ ลู่จิ้นยวนก็นั่งลงบนเตียง เขาดึงเวินหนิงที่ยังคงดื้อรั้นไม่ยอมบอกความจริงมาที่ตักของเขา
จู่ ๆ ถูกอุ้มมานั่งในท่าที่คลุมเคลือแบบนี้ เวินหนิงกำลังตื่นตระหนกอยู่ กำลังจะถามลู่จิ้นยวนว่าเกิดบ้าอะไรขึ้น มือของชายหนุ่มได้สัมผัสกับบาดแผลของเธอ
或许是因为刚刚从外面回[笔趣阁
www.sbiquge.info]来,陆晋渊的指尖带着几分凉意,从她的胸口轻轻划过时,与温宁本来温暖的体温相互作用着,让她忍不住起了鸡皮疙瘩,忍不住向后瑟缩着身体。
“นาย…อย่าจับมั่ว…”
เวินหนิงรู้สึกชาและจักจี้ตรงบริเวณที่ถูกสัมผัส เธออยากจะหลบออก แต่กลับถูกลู่จิ้นยวนกดเธอไว้แน่นบนตัก
“อย่าขยับมั่ว ไม่อย่างงั้น รับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นเอง”
เธอรู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อต้นขาที่แน่นของผู้ชายทันทีที่เธอเคลื่อนไหว แม้กระทั่งความแข็งแกร่งที่เริ่มแสดงออกมากอย่างแจ่มแจ้ง
เวินหนิงไม่กล้าขัดขืนอีก ในใจอดไม่ได้ที่จะขัดขืน ลู่จิ้นยวนตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นแน่ ไม่ใช่ว่าเมื่อคืนเพิ่งจะ…
เวินหนิงไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบนี้กับผู้ชายคนอื่นมาก่อน ดังนั้นจึงไม่กล้าผลีผลามอีกต่อไป
ลู่จิ้นยวนถึงได้ถอนหายใจออกมา ข่มอารมณ์ที่อยากจะกินผู้หญิงคนนี้ไว้
“มีคนมาหาเรื่องเธอเหรอ? ใคร?”
ลู่จิ้นยวนไม่ได้ลืมเรื่องสำคัญไป
“เวินหลาน?” ลู่จิ้นยวนเห็นเธอไม่พูด จู่ ๆ ก็ก้มหน้าลงจูบติ่งหูขาวหยกของเวินหนิง
เมื่อคืนเขาค้นพบแล้วว่าตรงนี้คือส่วนที่อ่อนไหวของเวินหนิง เธอรับไม่ไหวต่อการกระตุ้นแบบนี้
“อื้อ…ไม่เอานะ…” เวินหนิงอยากจะหลบออก แต่ปฏิกิริยาของร่างกาย ทำให้เธอไม่มีแรงที่จะดิ้นรน
“ฉันพูดแล้ว นายจะเชื่อไหม?”
เวินหนิงไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้ จะต้านทานต่อการล้อเล่นแบบนี้ได้ที่ไหน?
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ มองดูในตาของชายหนุ่ม ราวกับจะขอให้เขาตอบอย่างชัดเจน
“เชื่อ”
ลู่จิ้นยวนพยักหน้าอย่างไม่ลังเล เวินหนิงจึงเอ่ยปากช้า ๆ “มู่เยียนหรานมาที่นี่”