ตอนที่เวินหนิงได้สติตื่นขึ้นมา เธอลืมตาขึ้นมาอย่างเต็มตา ความทรงจำที่หายไปก่อนหน้านั้นค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาในสมองทีละฉากๆ
เธอจะไปหายวี๋เฟยหมิง แต่กลับถูกรู้ทันจนแผนแตก เกือบที่จะโดนเขาเอาคืนไปแล้ว!
อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ของยานั้นยังไม่หายไปทั้งหมดดี เพียงแค่เธอนึกย้อนคิดได้ถึงตรงนั้น สมองของเวินหนิงก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาราวกับจะระเบิด ใบหน้าอันเรียวเล็กของเธอก็พลันซีดเซียวลงอย่างน่ากลัว
เวินหนิงหันมองไปรอบๆ ภาพทั้งหมดดูเป็นภาพมัวๆ ที่พร่าเลือน ที่มือของเธอยังมีสายให้น้ำเกลือปักเสียบคาเอาไว้อยู่ แต่ทว่าเวินหนิงไม่มีอารมณ์ที่จะมานอนต่อไปแบบนี้ รีบยันกายลุกขึ้นนั่งจากเตียงทันที แต่ก็กลับส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างอดกลั้นไม่อยู่ “โอ๊ย เจ็บ”
ลู่จิ้นยวนที่อยู่ข้างนอกกำลังคุยอยู่กับคุณป้าที่คอยพยาบาลเธอให้ก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวในห้อง จึงรีบเดินเขามาหา
เวินหนิงเห็นลู่จิ้นยวน ความรู้สึกที่หวาดกลัวไม่สงบใจเมื่อสักครู่ก็คลายลงไปเล็กน้อย ทว่าแก้มทั้งสองข้างก็แดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เธอไม่ใช่เด็กสาวใสซื่อที่ยังไม่เคยผ่านเรื่องราวต่างๆ อีกต่อไป เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนั้น เธอจำได้อย่างชัดเจน
ดังนั้น ลู่จิ้นยวนเป็นคนช่วยเธอเอาไว้ ภาพที่ดูงดงามแต่กลับกระจัดกระจายอยู่ในห้วงความทรงจำนั้นไม่ใช่ความฝันที่เธอนึกคิดเอาตอนที่สติยังเลือนราง แต่มันเป็นความจริงต่างหาก!
ลู่จิ้นยวนเห็นสีหน้าของเธอที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “ทำไม ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
เวินหนิงส่ายหัวอย่างงุนงง สภาพเธอที่ดูสับสนงุนงันอยู่แบบนี้นั้นทำให้นัยน์ตาของลู่จิ้นยวนที่จ้องดูเธออยู่มืดขรึมขึ้นเล็กน้อย
เวินหนิงสัมผัสได้ว่าสายตาของลู่จิ้นยวนนั้นจ้องมองมาอย่างเขม็ง คราวนี้ไม่เพียงแต่ใบหน้าเท่านั้นที่แดงก่ำ แม้แต่ใบหูของเธอก็พลันขึ้นสีตามด้วยเช่นกัน
ทันใดนั้นเวินหนิงก็นึกอะไรขึ้นมาออก มือลูบไปที่บริเวณท้องน้อย ถามออกมาอย่างร้อนรน “ลูกของฉัน…….”
“ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ได้เป็นอะไร”
“งั้นก็ดี งั้นก็ดีแล้ว…….” เวินหนิงลูบท้องตัวเองไปมาอย่างเบาๆ ตอนนี้เด็กในท้องก็โตขึ้นมากแล้ว แม้ว่า ลู่จิ้นยวนจะไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเขา แต่เขาก็ไม่ได้ทำร้ายเด็กเลย ทำให้เวินหนิงสบายใจลงไปมาก
หรือว่า จะมีวันที่ลู่จิ้นยวนจะยอมรับเด็กคนนี้กันนะ
ลู่จิ้นยวนมองดูการกระทำของเวินหนิง เดินเข้ามากดเธอนอนลงไปกับเตียง “ในเมื่อร่างกายยังไม่ฟื้นตัวดีนัก ก็ต้องเข้ารับการรักษาให้ดี นี่ถึงจะเป็นวิธีการรับผิดชอบต่อเด็กที่อยู่ในท้องของเธอ”
แม้ว่าเวินหนิงจะได้สติฟื้นคืนมาแล้ว แต่น้ำเสียงของลู่จิ้นยวนนั้นกลับเข้มงวดมาก
เขาจำเป็นต้องให้ผู้หญิงที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวคนนี้รู้ว่าการทำอะไรโดยไม่รู้จักไตร่ตรองคิดให้ดีเสียก่อนนั้นอันตรายมากแค่ไหน
“เธอเคยคิดบ้างไหมว่า ถ้าไม่ใช่ว่าฉันหาห้องนั้นเจอ เปิดประตูเข้ามา เธอจะเป็นยังไง”
ลู่จิ้นยวนบีบคางของเวินหนิง ใช้แรงขืนบังคับให้เธอจ้องเข้ามาในดวงตาเขา ไม่ให้โอกาสในการหลบหนีแก่ฝ่ายหญิงเลย
ไม่ยอมให้เธอได้รับบทเรียนเพียงแค่ครั้งเดียว เพราะเธอคงจะไม่รู้ตัวเป็นแน่ว่าตัวเองได้ทำเรื่องที่อันตรายขนาดไหนลงไป
“ฉัน……..” ริมฝีปากของเวินหนิงขยับขึ้นลง เธอบุ่มบ่ามเกินไปแล้วจริงๆ ไม่ได้พิจารณาถึงความอันตรายในข้อนั้นให้ดี นึกถึงตอนที่ยวี๋เฟยหมิงพูดว่าจะทำให้ลูกของเธอแท้งออกมานั้น นัยน์ตาของเธอก็ปรากฏความขมขื่นออกมา
“แล้วเขาล่ะ หลักฐานที่ฉันต้องการ…….”
แม้ว่าเวินหนิงจะถูกลู่จิ้นยวนพูดให้รู้สึกผิดคิดเสียใจอยู่ แต่ทว่าสุดท้ายแล้วใจก็ยังคงนึกถึงหลักฐานที่ยวี๋เฟยหมิงมีอยู่ในมือ
จะสามารถลบล้างมลทินความผิดที่ถูกปรักปรำได้ไหมนั้น ก็ต้องดูว่าจะสามารถง้างปากของยวี๋เฟยหมิงให้คายหลักฐานออกมาได้หรือเปล่า
“ตอนนี้เขาอยู่ในเงื้อมมือฉันแล้ว สบายใจได้ ฉันมีวิธีคิดที่จะจัดการเขาดีกว่าของเธอเยอะ” เมื่อลู่จิ้นยวนได้ยินชื่อของยวี๋เฟยหมิง นัยน์ตาก็เยียบเฉียบก็แข็งกร้าวมากขึ้นทุกที คิดที่จะทำเรื่องต่ำสถุลแบบนี้กับเวินหนิงได้ ซ้ำแล้วอีกเพียงนิดเดียวก็เกือบทำสำเร็จด้วย แล้วเขาจะไปปล่อยมันไปง่ายๆ ได้อย่างไรกันล่ะ
ขณะที่ลู่จิ้นยวนกำลังครุ่นคิดพิจารณาว่าจะให้ยวี๋เฟยหมิงชำระสิ่งที่ค้างคาไว้อย่างไรนั้น โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นมา
เป็นสายโทรเข้ามาจากอันเฉิน
“บอส ได้จัดเตรียมการตามที่ท่านสั่งเอาไว้แล้วครับ คาดว่าอีกไม่นานเขาก็จะคายความลับออกมาแล้วครับ”
ลู่จิ้นยวนหรี่ดวงตาลงเล็กน้อย “งั้นเหรอ”
ความจริงแล้วเขาอยากจะไปดูยวี๋เฟยหมิงในสภาพน่าเวทนานี้กับตาตัวเองด้วยซ้ำ ถูกมันยั่วแหย่แบบนี้อีกครั้งถ้าไม่ลงมือจัดการ มันคงจะนึกว่าเขาลู่จิ้นยวนคนนี้เป็นได้แค่แมวไร้เล็บไม่มีน้ำยาน่ะสิ
“มีอะไรเหรอ” เวินหนิงได้ยินเสียงอันเฉินดังขึ้นจากปลายสาย คิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับหลักฐาน ด้วยเหตุนี้เธอจึงมีความรู้สึกกระตือรือร้นอยากได้พลุ่งพล่านขึ้นมา “ฉันก็จะไปด้วย”
เธอต้องการที่จะได้หลักฐานการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองมากจริงๆ ขอเพียงแค่มีเศษเสี้ยวของความหวังผุดขึ้นมา เธอก็จะรีบไปดูในทันที
“เธอจะไปไหนกัน หืม?” ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ มองดูเวินหนิงที่มีท่าทางโงนเงนไปมา เธอไม่สามารถแม้แต่จะยืนให้อย่างมั่นคงได้เลย ยังจะคิดห่วงกังวลเรื่องพวกนี้อีก
สามารถพูดได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้นั้นซื่อบื้อจนถึงขนาดที่ไม่คิดเป็นห่วงแม้แต่ร่างกายของตัวเอง แถมยังดื้อดึงดันเป็นที่สุด เพื่อที่จะสืบหาความจริงก็ได้ลืมเรื่องทั้งหมดไปแล้วอย่างงั้นเหรอ
“อยู่พักรักษาตัวเองที่นี่ไปเถอะ ไม่ต้องไปวิ่งวุ่นวายที่ไหนแล้ว ไม่อย่างนั้นล่ะก็…….”
ลู่จิ้นยวนจับคางของเธออย่างอ่อนโยน ผิวที่ขาวซีดของเธอถูกความร้อนจากร่างกายของเขาสัมผัสโดน ก็พลันแดงก่ำขึ้นมาในทันที
ในสายตาของฝ่ายชายแล้วเห็นเวินหนิงมีท่าทีเป็นอย่างไร ชะงักตัวแข็งทื่อไปแล้ว ไม่กล้าแม้แต่ที่จะเอ่ยอะไรออกมางั้นเหรอ ทำไมเขาถึงได้………งี่เง่าแบบนี้กันนะ
เมื่อเห็นว่าเวินหนิงไม่ยืนกรานที่จะตามไปด้วยอีกต่อไป ลู่จิ้นยวนก็พึงพอใจเป็นอย่างมาก ประทับรอบจูบลงไปบนริมฝีปากสีแดงระเรื่อนั้นอย่างแผ่วเบา “ได้ข่าวอะไรแล้ว ฉันจะบอกเธอแน่นอน ฉันไม่อนุญาตให้เธอทำเรื่องแบบนี้อีกแล้ว เข้าใจชัดเจนไหม”
ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนนั้นใกล้มาก ขณะที่ลู่จิ้นยวนเอ่ยปากขึ้นพูด ไอร้อนจากลมหายใจเขาก็กระทบลงบนใบหน้าของเวินหนิง ทำให้ใบหน้าเธอขึ้นสีแดง ซ้ำยังทำให้เธอรู้สึกคล้อยตามอย่างว่าง่าย จึงพยักหน้ารับคำอย่างเชื่อฟัง
“ดีมาก ฉันเรียกคนให้มาทำอาหารบำรุงให้เธอแล้ว”
เห็นเวินหนิงเชื่อฟังอย่างว่าง่ายแบบนี้แล้ว อารมณ์ของลู่จิ้นยวนก็ดีอยู่ไม่น้อย เอาจมูกกดลงไปหอมแก้มของเธอซ้ำอีกที ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลม
พยาบาลที่ถือของอยู่เต็มสองไม้สองมือที่รออยู่ข้างนอกประตูมาโดยตลอด เมื่อเห็นลู่จิ้นยวนจากไปก็เดินเข้ามาในห้อง เห็นเวินหนิงที่มีใบหน้าแดงก่ำ มือก็วางของลงพร้อมกับพลางเอ่ยออกมาด้วยความอิจฉาอย่างอดใจไม่อยู่ “สามีคุณดีมากเลยนะคะ คุณสลบไปตั้งหนึ่งวันหนึ่งคืน เขาอยู่ที่นี่คอยดูแลคุณตลอดเลย ไม่เพียงแค่นั้น ยังบอกให้ฉันต้มแกงจืดไก่เพื่อบำรุงร่างกายคุณเป็นพิเศษเลย ผู้ชายดีๆ แบบนี้หายากมาเลยนะคะ”
เวินหนิงได้ยินคำว่าสามีคำนี้ขึ้นมา ก็คิดจะปฏิเสธออกไป ในเมื่อแต่แรกเดิมทีเธอกับลู่จิ้นยวนก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นพยาบาลมีท่าทีอิจฉาแบบนั้น เธอก็พูดไม่ออกขึ้นมา
เพราะว่าสลบไปเป็นเวลานาน แม้ว่าจะมีการให้สารบำรุงเข้าร่างกายผ่านสายน้ำเกลือไปแล้ว แต่ในกระเพาะก็ยังคงว่างเปล่าอยู่ เวินหนิงละทิ้งซึ่งความกระอักกระอ่วนเล็กน้อยๆ ทิ้งไป และกินอาหารที่ถูกเตรียมมาด้วยความใส่ใจที่อยู่ตรงหน้าอย่างเต็มปากเต็มคำ
ลู่จิ้นยวนยังคงจำรสชาติที่ถูกปากของเธอได้อย่างชัดเจน อาหารทุกชนิดล้วนแล้วแต่เป็นของโปรดที่เธอชอบทาน อีกทั้งแกงไก่ก็ไม่มีความมันอยู่เลยแม้แต่น้อย ไขมันทั้งหมดนั้นถูกกำจัดเอาออกไปก่อนแต่แรกแล้ว นี่จึงทำให้เธอมีความรู้สึกถูกเอาใจใส่ได้รับการดูแลราวกับเกินจริง
มองดูเวินหนิงจนกินข้าวเสร็จ พยาบาลก็รีบจัดการเก็บกวาดด้วยความรวดเร็ว มือหนึ่งก็เก็บของไป ปากก็พลางเอ่ยชวนเวินหนิงคุยให้เธอรู้สึกสบายใจ ทว่าตอนที่สังเกตเห็นชุดผู้ป่วยตัวใหญ่ที่คลุมตัวเธออยู่นั้น ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมา “วัยรุ่นมีจิตใจที่ร้อนแรงมันก็ดีอยู่หรอกค่ะ แต่ว่า คุณหนูเวินยังท้องยังไส้อยู่ ก็ต้องควบคุมให้บันยะบันยังหน่อยนะคะ!”