ยวี๋เฟยหมิงรู้สึกไม่สบอารมณ์กับท่าทางที่เย็นชาของเวินหนิง “กว่าจะหาเบาะแสเจอ เธอพูดกับฉันแบบนี้หรอ?”
เวินหนิงขมวดคิ้ว ถ้าเธอไม่ต้องการเบาะแสของยวี๋เฟยหมิง เธอก็ไม่อยากคุยกับคนคนนี้แม้แต่คำเดียว
“นายสืบหาเบาะแสได้แล้วจริงหรอ?”
เวินหนิงกำผ้าขนหนูในมือไว้แน่น ถึงแม้ ลู่จิ้นยวนจะเคยเตือนเธอว่าไม่ให้เข้าใกล้ยวี๋เฟยหมิงมาก แต่ว่า……
ถ้าสามารถลบล้างความผิดได้ นี่ก็ถือว่าดึงดูดเธอมาก โดยเฉพาะ หลังจากที่วันนี้ถูกเย่หวานจิ้งรังเกียจ ความรู้สึกในใจเธอก็ชัดเจนไปกว่าเดิม
เธอต้องยืนยันความบริสุทธิ์ตัวเองให้ได้ ห้ามให้คนอื่นใช้สายตาแบบนั้นมองตัวเองอีก
“ฉันจะโกหกเธองั้นหรอ?”
“ไม่แน่” เวินหนิงเดินออกมาจากห้องอาบน้ำแล้วเช็คหยดน้ำบนตัว กับคำพูดของยวี๋เฟยหมิง เธอไม่เชื่อง่ายๆเด็ดขาด
คนแบบนี้ ไม่สมควรที่จะได้รับความเชื่อใจ
ยวี๋เฟยหมิงรู้สึกเวินหนิงไม่เป็นมิตรขนาดนั้น แถมยังโดนยั่วยุอีก ของที่ไม่ได้มาง่ายๆ ก็ยิ่งทำให้เขาอยากจะไขว่คว้ามา
“กี่วันนี้ฉันหลอกคำพูดมาจากเวินหลานได้ กับเรื่องตอนนั้นเธอปิดปากไว้แน่น แต่ว่า ถ้าอยากจะรู้จริงๆ ก็ไม่ใช่ไม่ได้ ตอ นนี้เธอต้องการให้ฉันเข้าไปสนับสนุนละครเรื่องใหม่ของเธอเพื่อที่จะกลบข่าวเสียหาย แต่……”
ยวี๋เฟยหมิงหยุดพูด แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
เวินหนิงเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร ถ้าคนคนนี้ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรบางอย่าง จะไม่มีทางช่วยตัวเองแน่นอน
“ขอแค่นายได้คลิปเสียงหรือว่าหลักฐานอะไรที่สำคัญมาได้ นายอยากได้อะไร ฉันจะพยายามทำให้นายพอใจ”
เวินหนิงกัดริมฝีปากไว้แน่น ในสายตาก็มีความมุ่งมั่น ยวี๋เฟยหมิงอยากจะวางกับดักเธอ เธอก็อยากจะรอดูว่าใครกันแน่ที่จะโดนวางกับดัก
“คำพูดนี้ฉันชอบฟังมาก”
ยวี๋เฟยหมิงยิ้ม จากนั้นก็เอ่ยชื่อโรงแรมหนึ่งมา “รอเดี๋ยว ผมจะไปเปิดห้องเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวจะบอกหมายเลขห้องให้ คืนพรุ่งนี้ฉันก็จะรอเธอในห้อง จะทำให้ฉันพอใจได้หรือเปล่า ก็ขึ้นอยู่กับเธอ”
เวินหนิงหักห้ามความโมโหไว้ แล้วรีบวางสายทันที
คิดไปคิดมา แล้วโทรหาอีกคน “นี่ มีธุรกิจบางอย่างอยากจะทำด้วย”
เมื่อคุยโทรศัพท์เสร็จ เวินหนิงก็โยนโทรศัพท์ไปข้างๆ แล้วคิดในใจว่าพรุ่งนี้ถ้าไปโรงแรมจะทำอะไรบ้าง
ถ้าเธอสามารถเอาหลักฐานมาได้ แล้วยืนยันความบริสุทธิ์ตัวเอง คนตระกูลลู่……ก็คงจะไม่รังเกียจเธอขนาดนั้นแล้วมั้ง?
เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังคิดมาก เวินหนิงก็ตบหน้าเบาๆ เธอกำลังคิดอะไรอยู่……
ขณะที่กำลังพึมพำกับตัวเอง โทรศัพท์ก็ดึงขึ้นอีกครั้ง ลู่จิ้นยวนโทรมา……
เวินหนิงมองเห็นชื่อของเขา ในใจก็รู้สึกร้อนตัว เพราะยังไง เมื่อกี้เธอเพิ่งขัดคำเตือนของผู้ชายคนนี้ จึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจมากนัก
เพราะฉะนั้น ลังเลไปครู่หนึ่งก่อนจะกดรับโทรศัพท์
“อยู่บ้าน?”
ลู่จิ้นยวนรู้อยู่แล้วว่าเวินหนิงถึงบ้านแล้ว แต่ว่า เมื่อนึกถึงตอนที่เธอเดินออกไปอารมณ์ไม่ดีมากนัก เขาก็ไม่สามารถวางใจได้เลย
“อื้อ ถึงตั้งนานแล้ว”
เวินหนิงเอ่ยตอบเรียบนิ่ง ไม่แสดงอารมณ์อะไรทั้งนั้น
“เปิดประตู”
เวินหนิงรู้สึกตกใจไป “นายอยู่ที่ไหน?”
ลู่จิ้นยวยควรจะอยู่ในโรงพยาบาลไม่ใช่หรอ?
หรือว่า……
ขณะกำลังสงสัย ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เวินหนิงลังเลไปครู่หนึ่ง แล้วเดินไป จากนั้นก็ส่องตาแมวดูก็เห็นลู่จิ้นยวนยืนอยู่หน้าประตู