บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 137 คนที่จะเป็นลูกสะใภ้คือ……

ในใจลู่จิ้นยวนก็รู้สึกสับสน แต่ว่าไม่นาน พยาบาลคนนั้นก็กลับมา เธอไม่กล้าทำให้ลู่จิ้นยวนรอนานแน่นอน ก็เลยวิ่งมาหา

ลู่จิ้นยวนเอ่ยคำขอบคุณแล้วก็นำยาเข้าไปในห้องพักฟื้น เวินหนิงก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว

แต่ว่าชุดที่ลู่จิ้นยวนใส่ได้พอดี แต่อยู่บนตัวเธอกลับเหมือนเสื้อคลุมตัวใหญ่ จนชายเสื้อก็ยาวไปขาเธอ ร่างเล็กที่ใส่เสื้อตัวใหญ่แบบนี้เดินผ่านไปผ่านมาตรงหน้า ก็ทำให้รู้สึกน่าเอ็นดูมาก

สายตาของลู่จิ้นยวนมองไปที่เธอ พร้อมถือยาไว้ “มาทายาก่อน”

อุณหภูมิร้อนบนใบหน้าเวินหนิงที่เพิ่งลดลงไปตอนนี้ก็ร้อนขึ้นมาอีกครั้ง “ฉันทาเองก็ได้”

ลู่จิ้นยวนเลิกคิ้วขึ้น “เธออยากให้ฉันทายาให้ขนาดนั้นเลย?”

นี่เวินหนิงค่อยรู้สึกตัว เมื่อกี้ลู่จิ้นยวนเหมือนไม่ได้บอกว่าจะทายาให้เธอ แต่พอเธอพูดไปแบบนั้น ก็ทำให้ดูเหมือนมีอะไร ก็เลยรีบไอกลบเกลื่อน “เปล่า เมื่อกี้ฉันพูดลอยๆ”

พูดจบ ก็รับยาในมือมาอย่างหงุดหงิด แล้วรีบวิ่งไปทายาในห้องน้ำ

ครั้งนี้ลู่จิ้นยวนไม่ได้ตามมาด้วย แต่กลับนั่งกลับไปที่เดิมแล้วดูข้อมูลที่อันเฉินส่งมาให้

ครั้งก่อนลู่จิ้นยวนให้เขาสืบเรื่องที่เกี่ยวกับเวินหนิง เพราะฉะนั้น ข้อมูลพวกนี้ก็เตรียมพร้อมอยู่แล้ว อันเฉินก็รีบส่งมาทันที รวมถึงข้อมูลบางอย่างที่ครั้งก่อนไม่ได้รายงานก็ส่งมาอย่างครบถ้วน

ลู่จิ้นยวนอ่านไปด้วย สีหน้าก็ยิ่งย่ำแย่ไปกว่าเดิม

เวินหนิงถูกศาลตัดสินโทษหนักมาก ไม่เพียงแค่นี้ เธอยังได้รับการดูแลอย่างพิเศษ ยังให้เธอไปอยู่รวมกับนักโทษที่ถูกขังตลอดชีวิตแล้วก็นักโทษที่จะประหารชีวิตด้วย

คนพวกนั้น เป็นคนที่จิตใจอำมหิตมาก บางคนก็เคยฆ่าคน หรือว่าเคยทำเรื่องเลวมาเยอะ ไม่ใช่คนโลกเดียวกันกับเวินหนิงเลย

กระต่ายน้อยอย่างเวินหนิงเข้าไป ก็เหมือนเข้าไปในถ้ำเสือ ไม่เพียงแต่ถูกรังแกให้ทำในสิ่งที่คนพวกนั้นไม่อยากทำ ยังถูกตบตีด้วย

สิ่งที่โชคดีคือ ไป๋อี้อันเพื่อที่จะรักษาชีวิตของเธอไว้ ก็ทำการแลกเปลี่ยนกับตระกูลไป๋ มีเงื่อนไขว่าตัวเองจะออกไปเรียนต่างประเทศแล้วจะตัดขาดกับเวินหนิง แล้วให้ตระกูลไป๋จะใช้เส้นสายไม่ให้เธอตายอยู่ในคุก

ลู่จิ้นยวนจับเอกสารในมือไว้แน่น

โดยเฉพาะตอนที่เธอพูดว่าเธอถูกเวินหลานใส่ร้าย พอเขาเห็นตัวหนังสือพวกนี้ ความโมโหในใจก็หักห้ามไว้ไม่อยู่

“ไปเช็คอีก จำไว้ ต้องเช็คสิ่งที่ตระกูลเวินเคยทำมาให้ละเอียดด้วย”

ถ้าตอนนั้นมีการใส่ร้ายจริง เขาไม่มีทางปล่อยคนตระกูลเวินแน่นอน พวกเขาจะต้องชดใช้กับสิ่งที่พวกเขาทำ

เมื่อเวินหนิงทายาในห้องน้ำเสร็จ ฤทธิ์ยาก็เริ่มทำงาน เลยทำให้บริเวณที่บวมแดงเมื่อกี้รู้สึกดีขึ้น

เวินหนิงก็สังเกตุเห็นตัวหนังสือบนนั้น เขียนไว้ว่าคนท้องก็สามารถใช้ได้ ในใจก็รู้สึกอบอุ่นไปด้วย

ดูเหมือนลู่จิ้นยวนจะไม่ได้รังเกียจเด็กคนนี้ขนาดนั้นแล้ว เวินหนิงก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปจับท้องน้อยของตัวเอง

“ดูเหมือนว่า คุณพ่อก็ไม่ได้รังเกียจหนู”

คิดไปด้วย ในใจเวินหนิงก็รู้สึกอบอุ่น

ความเป็นห่วงกี่วันนี้ของลู่จิ้นยวน ทำให้เธอมีความคิดที่จะอยากจะปล่อยวางทุกอย่าง แล้วพูดความลับนี้กับเขา

กำลังคิด เวินหนิงก็ยื่นไปจับที่ลูกบิดประตู กำลังจะเปิดประตู ข้างนอกก็มีเสียงรองเท้าส้นสูงดังขึ้น

เวินหนิงรีบดึงมือกลับ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ลดลงไปด้วย ไม่รู้ว่าเป็นผู้หญิงที่ไหนมา

ถ้าเธอออกไปตอนนี้ จะไม่ค่อยดีหรือเปล่า?

คิดไปด้วย มือเธอก็หยุดลง แล้วก็แนบชิดกับประตู ฟังเสียงที่เกิดขึ้นข้างนอก

คนที่มาไม่ใช่ผู้หญิงวัยรุ่น แต่กลับเป็นเย่หวานจิ้งคุณหญิงตระกูลลู่

ในระหว่างที่ลู่จิ้นยวนพักอยู่ในโรงพยาบาล ท่านก็จะมาเยี่ยมเยียนเป็นบางวัน

ลู่จิ้นยวนคาดไม่ถึงเลยว่าท่านจะมา ก็วางของในมือไปข้างๆ แล้วพยักหน้าให้

“จิ้นยวน ตอนนี้รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”

เย่หวานจิ้งมองไปที่ลู่จิ้นยวน ในใจก็รู้สึกเป็นห่วงมาก

อุบัติเหตุรถยนต์ครั้งนี้ทำให้ท่านตกใจมาก ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลู่จิ้นยวนอีก ท่านจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ยังไง

“รู้สึกดีขึ้นแล้วครับ ผมรู้สึกว่าผมออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”

ลู่จิ้นยวนเข้าใจว่าท่านเป็นห่วง แต่ว่า เขาก็ให้ความร่วมมือในการตรวจเช็คร่างกายไปหลายครั้งแล้ว ท่านก็ควรจะวางใจได้

“ดูอาการไปก่อน” เย่หวานจิ้งก็เอ่ย จากนั้น ก็นึกอะไรได้ “ทำไมวันนี้ไม่เห็นเยียนหราน?”

กี่วันนี้ มู่เยียนหรานก็มาดูแลมาที่นี่ ทุกครั้งที่ท่านมาก็จะเจอเธอ

ถึงแม้จะมองไม่ออกว่าดูแลดีแค่ไหน แต่ยังไงก็ถือว่าเป็นน้ำใจ

แล้วเย่หวานจิ้งรู้สึกพอใจกับสิ่งนี้มาก

“ผมบอกให้เธอไม่ต้องมาอีกครับ”

ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้ว เขามองออก คุณแม่กำลังอยากจะชงให้ทั้งสองใกล้ชิดกัน

“คนเขาก็หวังดี แกก็ปฏิเสธแบบนี้เลย?” เย่หวานจิ้งส่ายหน้า ไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าลูกชายตัวเองฉลาดหรือว่าโง่

“ยังไงเยียนหรานก็เป็นคุณหนู มีอะไรที่ทำไม่เป็นก็ปกติ แกก็อย่าหมดความอดทนเร็วสิ เธอยอมลดตัวมาดูแลแกก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว แกคงไม่คิดว่าทำให้เธอโมโหแล้วค่อยไปตามกลับมางั้นเหรอ?”

เย่หวานจิ้งเอ่ยพูดจากใจจริง ลู่จิ้นยวนเกิดเรื่อง ก็ทำให้ท่านรู้สึกว่าควรจะมีผู้หญิงมาดูแลเขาสักคน

ผู้ชายคนหนึ่ง ก่อนที่จะแต่งงานก็อาจจะวู่วามได้ แต่ถ้ามีผู้หญิงคอยเตือนเขา สถานการณ์ก็คงจะดีกว่าตอนนี้

แบบนี้ ท่านก็ไม่ต้องเอาแต่เป็นห่วง ชาติตระกูลมู่เยียนหรานดี แล้วยังมีชื่อเสียงที่ต่างประเทศด้วย ถ้าแต่งเข้ามาก็จะเพิ่มอำนาจของตระกูลลู่ ให้ประกูลมีชื่อเสียง เธอเป็นคนที่เหมาะสมมาก เย่หวานจิ้งก็เลยเอาแต่เชียร์ให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน

“ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ครับ แต่ว่า……ผมกับเธอ เป็นไปไม่ได้ แล้วครับ”

ลู่จิ้นยวนรู้สึกปวดหัว โดยเฉพาะตอนเห็นสายตาที่คาดหวังของคุณแม่ตัวเอง ก็ทำให้เขาไม่ค่อยอยากจะพูดออกมา

“แกหัวดื้อเกินไป ยังฝังใจกับเรื่องตอนนั้นอีกหรอ? ยังไงฉันไม่สน แกต้องจับไว้ให้ดี ลูกสะใภ้ตระกูลเรา ก็ต้องเป็นเยียนหราน”

เย่หวานจิ้งรู้สึกว่าลู่จิ้นยวนยังฝังใจกับเรื่องตอนนั้น ก็ไม่สนอะไรมาก แล้วพูดความคิดของท่านออกมาเลย

ลู่จิ้นยวนก็ไม่อยากจะทะเลาะกับท่านเรื่องนี้ ทั้งสองก็พูดคุยอีกไม่กี่คำ เย่หวานจิ้งที่ถูกเชิญไปร่วมงานเปิดพิธี ท่านก็กำลังออกไปพอดี

เวินหนิงอยู่ในห้องน้ำก็ได้ยินคำพูดพวกนี้ชัดเจน ความคิดเมื่อกี้ก็ถูกทำลายไปกว่าครึ่ง

คำพูดที่ยืนหยัดของเย่หวานจิ้งใก็เอาแต่วนเวียนอยู่ในหัวเธอ

“ลูกสะใภ้ตระกูลเรา ต้องเป็นมู่เยียนหราน”

ดูเหมือนว่า ตระกูลลู่รู้สึกพอใจในตัวมู่เยียนหรานมาก แม้แต่คุณหญิงอย่างเย่หวานจิ้งก็เอ่ยชมไม่ขาดคำ

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset