เวินหนิงไม่ได้ตอบ คำพูดของเหอจื่ออันทำให้เธอนั้นรู้สึกถึงความไม่ปกติ
เธอถึงจะรู้ตัวว่า แท้จริงแล้วความใจดีที่เหอจื่ออันมีให้เธอนั้นมันเกินกว่าขอบเขตของคำว่าเพื่อนไปแล้ว
หรือว่าเขา……
“จื่ออัน เราเป็นเพื่อนกัน แม้อนาคตนายจะมารบกวนฉัน ฉันเองก็จะมีเรื่องที่จะให้นายช่วยเหมือนกัน”
เวินหนิงปฏิเสธแบบอ้อมๆ กับเหอจื่ออันนั้น เธอรู้สึกขอบคุณอย่างจริงใจ ไม่ใช่ความรักเลย และเธอในตอนนี้ไม่สามารถที่จะรักใครได้หรอก
เหอจื่ออันจะเจอคนที่ดีแน่นอน
คนฉลาดอย่างเหอจื่ออันจะฟังไม่ออกได้ยังไงว่าเวินหนิงกำลังวาดเส้นความสัมพันธ์อย่างชัดเจน ใจของเขานั้นเจ็บแปลบขึ้นมา แต่ก็ยังตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า“แน่นอน ถ้าถึงตอนที่ลูกเธอคลอดออกมาแล้ว ให้ฉันเป็นพ่อบุญธรรมนะ”
เวินหนิงหัวเราะ เหอจื่ออันที่ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆนั้น หัวใจของเขารู้สึกขมขื่นและปลอบโยน“งั้นแค่นี้ละกัน เรื่องแม่ของเธอ ฉันจะหาวิธีแก้ไขโดยเร็วที่สุด”
เวินหนิงและเหอจื่ออันคุยกับอีกไม่กี่ประโยค ถึงจะวางสายไป
……
เวินหนิงเอาสัมภาระส่งกลับบ้าน ถึงจะไปโรงพยาบาลไปตรวจสุขภาพของครรภ์
เวินหนิงเหม่อตลอดทาง เดี๋ยวๆก็จะคิดถึงเรื่องมู่เยียนหรานกับลู่จิ้นยวน
พอถึงโรงพยาบาล เวินหนิงที่กำลังจะเดินเข้าไปนั้นก็มีเสียงเรียกขึ้นจากทางด้านหลังของเธอ“เวินหนิง ใช่เธอหรือเปล่า”
หวี๋เฟยหมิงมองเห็นเธอแต่ไกลแล้ว แม้ตัวของเวินหนิงนั้นจะแต่งกายด้วยชุดธรรมดา เป็นระเบียบเรียบร้อย แต่มันกลับดึงดูดความสนใจของเขา
ในความคิดของเขาแล้ว เวินหนิงควรที่จะเป็นของเขา ก็พวกเขาเคยมั้นกันมาก่อน แต่ก่อนเวินหนิงรักเขาหัวปักหัวปำ มันไม่ปกติเลยที่ตอนนี้เธอเพิกเฉยต่อเขาเช่นนี้
เวินหนิงเห็นหวี๋เฟยหมิงก็ไม่ได้มีสีหน้าที่ดีให้ ตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายคนนี้เธอมองทะลุปรุโปร่งแล้ว ครั้งที่แล้วที่เขามาคุกคามเธอ แล้วโยนความผิดให้เธอทุกอย่าง คนขี้ขลาดแบบนี้ เห็นแล้วก็รู้สึกรำคาญ
“ทำไมถึงจะเป็นฉันไม่ได้? โรงพยาบาลนี้ไม่ใช่ของเธอสักหน่อย”
เวินหนิงไม่ไว้หน้าเลยสักนิด จับใบนัดตรวจกำลังจะไปตรวจร่างกาย
หวี๋เฟยหมิงโดนเธอตอกกลับ แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ และไม่ได้โกรธอะไรมากนัก กลับขยับเข้าไปใกล้อีก“ฉันแค่มาคุยด้วยสักหน่อย ทำไมต้องทำเหมือนถือปืนถือไม้ด้วย ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? ฉันแนะนำหมอให้เธอได้นะ ”
เวินหนิงมองเขา ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกไป หวี๋เฟยหมิงอาจจะลืมไปแล้วว่าครั้งที่แล้วโดนลู่จิ้นยวนไล่ออกจากโรงพยาบาลยังไง สภาพน่าเวทนามาก
“ฉันไม่ต้องการ”เวินหนิงไม่อยากสนใจเขาอีก ทันทีที่เธอกำลังจะเดินหนีนั้น หวี๋เฟยหมิงยื่นมือมาคว้ามือเธอไว้ แล้วแย่งใบตรวจจากมือเธอไป
เวินหนิงตกใจอยากแย่งกลับมานั้นก็ไม่ทันเสียแล้ว หวี๋เฟยหมิงกวาดตามองข้อมูลในกระดาษแผ่นนั้น ตรวจครรภ์หรอ?
หน้าของเขานั้นบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย เวินหนิงท้องอย่างงั้นหรอ เด็กเป็นของใครกัน ผู้ชายวันนั้นหรอ?
“เวินหนิง เธอท้องหรอ? ทำไมเธอถึงไม่รักงวนสงวนตัวแบบนี้?”
หวี๋เฟยหมิงรู้สึกเหมือนของๆตัวเองนั้นแปดเปื้อนไปแล้ว เขาเองยังไม่ได้จับต้องเวินหนิงเลย แต่เธอกลับมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นไปแล้ว ทั้งยังท้องแล้วด้วย
“มันเกี่ยวอะไรกับนาย นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ขอความกรุณาให้เกียรติกันด้วย!”
เวินหนิงไม่อยากที่จะยืดเยื้อกับหวี๋เฟยหมิงต่อเลย มองใบหน้าที่ดูหล่อเหลาแต่จิตใจเลวทรามของเขาแล้ว ก็อดที่จะคิดถึงตอนที่เธอนั้นรักเขาหัวปักหัวปำ วิ่งตามหลังผู้ชายเฮงซวยคนนี้แล้วเรียกเขาว่าพี่เฟยหมิงไม่ได้
เป็นเรื่องราวในอดีตที่แย่มาก คิดแล้วก็อยากจะอ้วก
“จะไม่เกี่ยวกับฉันได้ยังไง ตอนนั้นเป็นแม่ของเธอเองที่ให้เรามั้นกัน แล้วยังให้ฉันดูแลครึ่งชีวิตหลังจากนี้ของเธอด้วย ตอนนี้ฉันเห็นเธอนั้นกำลังจะหลงผิด จะให้ฉันเพิกเฉยหรอ?”
ในใจของหวี๋เฟยหมิงนั้นอัดอั้นจนต้องเอาแม่ของเวินหนิงออกมาพูด
ตอนนั้นงานมั้นของเวินหนิงกับเขาเป็นแม่ของเธอเองที่เป็นคนจัดขึ้นมา
เวินหนิงให้เกียรติแม่ขนาดนั้นต้องคิดถึงแม่ของตัวเองอยู่แล้ว
เวินหนิงที่ได้ยินหวี๋เฟยหมิงพูดแบบนั้นก็โกรธจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงหน้าด้านได้ขนาดนี้ ที่แม่ของเธอให้เธอแต่งงานด้วยเพราะหวังว่าชีวิตหลังจากนั้นของเธอนั้นจะมีความสุข ใครจะคิดว่าผู้ชายคนนี้จะหน้าไม่อายหันไปคบกับเวินหลานล่ะ?
“ทางที่ดีนายอย่าพูดถึงแม่ของฉันจะดีกว่า นายไม่คู่ควร”
เวินหนิงที่เห็นหวี๋เฟยหมิงไม่ฟังอะไรเลยนั้นก็หมุนตัวเดินไป เธอไม่เอาใบตรวจนั้นคืนแล้ว ไปขอใหม่กับคุณหมอใหม่ก็ได้
หวี๋เฟยหมิงที่เห็นท่าทีเย็นชาของเวินหนิงก็รู้สึกไม่ยอม จึงวิ่งตามไป“เธอไม่อยากรู้หรือไงว่าตอนนี้แม่ของเธออยู่ที่ไหน?”
เวิหนิงกับหวี๋เฟยหมิงนั้นเคยมั้นกัน อย่างน้อยเขาก็น่าจะรู้หน่อยอยู่ว่าแม่ของเวินหนิงนั้นอยู่ไหน
“……”เท้าของเวินหนิงชะงัก เหมือนคิดไม่ถึงว่าหวี๋เฟยหมิงจะพูดแบบนี้
ประสาทของเธอนั้นทำงานขึ้นมาทันที
หวี๋เฟยหมิงกับเวินหลานเคยเป็นคู่มั้นกันและกัน อีกอย่าง เวินหนิงต้องพึ่งพาอำนาจของตระกูลหวี๋ คงจะไม่คิดปิดบังอะไรไว้
ถ้าเธอสามารถหลอกถามเรื่องแม่ของเธอจากหวี๋เฟยหมิงได้ละก็ มันก็เป็นวิธีที่ไม่แย่ แบบนี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าตระกูลเวินจะรู้เข้า แล้วทำอะไรกับแม่ของเธอ
เวินหนิงหยุดเดิน“นายรู้จริงหรอว่าแม่ของฉันอยู่ที่ไหน?”
ในที่สุดเธอมีปฏิกิริยาตอบรับหวี๋เฟยหมิง“แน่นอน”
เวินหนิงเม้มปากแน่น“แล้ว ทำยังไงนายถึงจะบอกฉัน?”
หวี๋เฟยหมิงที่เห็นเธออ่อนลงนั้นก็สมดังความปรารถนาความอยากเอาชนะที่อยู่ในใจ แต่เขาเองก็ไม่บอกเวินหนิงง่ายๆแบบนี้แน่นอน “ก็หลังจากที่เธอทำให้ฉันพอใจ”
ในใจของเวินหนิงนั้นด่าหวี๋เฟยหมิงว่าน่าไม่อายตลอดเวลา แต่เธอไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า“แล้วต้องทำยังไงนายถึงจะพอใจล่ะ?”
แววตาที่วาบหวามของหวี๋เฟยหมิงมองไล่ทั้งตัวของเวินหนิง“นี้ก็ต้องค่อยๆคุยกันอีกที”
สายตาที่แสนจะน่าเกลียดของหวี๋เฟยหมิงนั้นทำให้เวินหนิงอยากอ้วก เธอนึกขึ้นได้ทันทีว่าตอนนั้นที่สืบเรื่องของหวี๋เฟยหมิงนั้น เขามีผู้หญิงเยอะแยะมากมาย แต่ว่า ถ้าอยากได้สิ่งที่ต้องการก็ต้องยอมเสียและต้องทนไว้
เพราะฉะนั้น เธอไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา แล้วก็เงยหัวขึ้นถาม“แล้วนายรู้หรือเปล่าว่าตระกูลเวินจัดการยังไงกับเรื่องอุบัติเหตุรถยนตร์ครั้งนั้น?”
เวินหนิงยังจำตอนที่เวินหลานพูดกับเธอด้วยสีหน้าได้ใจว่าการใส่ร้ายป้ายสีในครั้งนั้นหวี๋เฟยหมิงรู้ทุกรายละเอียด แค่เขาไม่อยากออกหน้าให้กับเธอ แล้วปล่อยให้พวกเขาทำตามอำเภอใจ
เวินหนิงคิดไว้ตลอดว่าจะพลิกคดีนี้ แต่ยากตรงที่หาหลักฐานไม่เจอ เลยไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ตอนนี้เห็นหวี๋เฟยหมิง ถึงจะเจอทาง
หวี๋เฟยหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย คราวนั้นเขาโดนเวินหลานอ่อยเข้า รู้สึกว่าเวินหนิงนั้นเป็นทั้งตัวถ่วงแล้วยังน่าเบื่ออีกด้วย เขาเลยปล่อยให้พวกเขานั้นโยนความผิดให้เธอทุกอย่าง
พอมาคิดตอนนี้ เขาเองก็รู้สึกผิดกับเวินหนิงจริงๆนั่นแหละ