ลู่จิ้นยวนฟังเสียงของเวินหนิงที่เบาลงเรื่อยๆ ก่อนจะกัดฟันพูดขึ้น “กลัวอะไร เกิดอะไรขึ้นฉันรับผิดชอบเอง”
เขาจะไม่ยอมให้ลูกชู้ได้เกิดมาเด็ดขาด
หมอจำต้องเดินกลับเข้าไปในห้องผ่าตัดอีกครั้ง
เวินหนิงได้ยินสิ่งที่ลู่จิ้นยวนพูดแล้ว ตาก็เริ่มแดงก่ำขึ้นมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรู้สึกเสียใจหรือโมโหกันแน่ ก่อนที่เธอรวบรวมแรงให้ได้มากที่สุด แล้วตะโกนออกไปอย่างสุดเสียง “ลู่จิ้นยวน ฉันเกลียดคุณ ฉันเกลียดคุณ ชาตินี้ฉันจะไม่มีวันให้อภัยคุณเด็ดขาด!”
คำพูดของหญิงสาวแทงเข้าไปในใจเขา ลู่จิ้นยวนสีหน้านิ่งขรึมลง ยังไม่ทันใดคุณหมอก็นำเอกสารยินยอมการผ่าตัดฉุกเฉินมายื่นให้เขา “ผนังมดลูกของคุณหนูเวินบางมาก บวกกับร่างกายที่ค่อนข้างอ่อนแอ ถ้าเลือดออกเยอะเกินไป เราอาจจะต้องตัดมดลูกเธอทิ้ง รบกวนเซ็นต์ยินยอมไว้ด้วยครับ”
ลู่จิ้นยวนรับปากกามา ในหูยังแว่วเสียงที่เกลียดชังและน่าสงสารของเวินหนิงอยู่
เขานิ่งอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเขวี้ยงปากกาทิ้ง แล้วกำหมัดชกใส่กำแพงเต็มแรง “ไม่ทำแล้ว! เอาผู้หญิงคนนั้นออกมา”
สุดท้าย เขาก็ใจไม่แข็งพอ
คุณหมอเองก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะก็กลัวปัญหาที่จะตามมาเหมือนกัน เวินหนิงหลับไปเพราะฤทธิ์ของยาสลบ ขณะที่เธอถูกย้ายไปนอนบนเตียงพักฟื้น คิ้วเธอก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ได้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด
“เวินหนิง ครั้งนี้ถือว่าฉันยอมให้” ลู่จิ้นยวนมองดูใบหน้าซีดเซียวของเธอก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง “เฝ้าเธอไว้ให้ดี ไม่มีคำสั่งจากฉัน ห้ามให้เธอไปไหนเด็ดขาด”
พูดจบ ชายหนุ่มก็เดินจากไป
……….
เวินหนิงหลับไปนานมาก
เธอฝันร้ายอีกแล้ว แต่ครั้งนี้มันเหมือนจริงมาก
เวินหนิงฝันเห็นมีคนเอาคีมเหล็กเย็นเฉียบยื่นเข้าไปในกายเธอ ก่อนจะควานไปทั่วท้องน้อย เธอรู้สึกเจ็บปวดมากเหมือนร่ายกายถูกฉีกออกไปชิ้นๆ เธอร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาช่วยเธอเลย
“เฮือก!” เวินหนิงสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย ความรู้สึกเจ็บปวดยังชัดเจนมาก
เธอรีบเอามือลูบที่ท้องน้อย ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาเป็นสาย ลูกไม่อยู่กับเธอแล้ว เธอเพิ่งจะตัดสินใจเก็บเขาไว้ ตั้งใจจะปกป้องเขาให้ดี แต่ทุกอย่างก็สายไปแล้ว
กลุ่มคนด้านนอกได้ยินเสียงเคลื่อนไหวในห้อง ก็เตรียมจะเข้ามาดู พอเวินหนิงเห็นเข้าก็หยิบของขึ้นมาข้วางใส่โดยไม่แม้แต่จะคิด “ไอ้พวกคนเลว ไอ้ฆาตกร!”
นางฟ้าเสื้อกาวน์อะไร ก็แค่พวกคนที่ก้มหัวให้แก่อำนาจเงินของลู่จิ้นยวน จนบังคับให้เธอเอาเด็กออก
เห็นเธออารมณ์เกรี้ยวกราดรุนแรง คนนอกห้องต่างพากันนิ่งเงียบและรอคอย
………
ตกค่ำ หลังเลิกงานลู่จิ้นยวนก็กลับเข้าไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
เห็นทุกคนพากันอออยู่หน้าประตูห้อง ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย ทันใดที่เขาเปิดประตูเข้าไป เวินหนิงก็หยิบของข้างตัวเขวี้ยงใส่เขาทันที
ในตอนนี้ เธอจะไม่ทนอะไรทั้งนั้น คนพวกนี้มันเป็นฆาตกร เป็นศัตรูคู่แค้นของเธอ
เธอจะไม่ยอมญาติดีด้วยเด็ดขาด
ลู่จิ้นยวนเพิ่งสังเกตเห็นว่าสิ่งที่เธอเขวี้ยงใส่เขาเป็นรีโมตโทรทัศน์ ดีที่เขาหลบทัน “เป็นบ้าไปแล้วหรือไง?”
ลู่จิ้นยวนอยู่กับเวินหนิงมานาน เขาไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อน
“ใช่ฉันเป็นบ้าไปแล้ว ที่ฉันต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะคุณ” พอเวินหนิงเห็นว่าเป็นเขา เธอก็ยิ้มยะเยือกขึ้น
ไม่ใช่เขาหรอกเหรอที่เป็นคนทำให้เธอต้องเสียลูกไป ลู่จิ้นยวนยังกล้ามาทำเย่อหยิ่งต่อหน้าเธออีก
หน้าด้านหน้าทนแบบนี้ เธอเองยังรู้สึกละอายใจแทน
“ออกไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ ลู่จิ้นยวนคุณเคยด่าฉันว่าเหลวแหลกไร้ยางอาย แต่สิ่งที่คุณทำมันน่าขยะแขยงยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า”
“อาศัยอำนาจของบ้านตระกูลลู่ มาทำเรื่องเลวร้ายอย่างตามอำเภอใจ สิ่งที่คุณทำกับฉัน ชาตินี้ฉันจะไม่มีวันลืมเด็ดขาด”
ลู่จิ้นยวนมองสายตาของเวินหนิงที่จ้องเขาเหมือนศัตรูคู่อาฆาต และฟังคำพูดพวกนี้ที่เธอไม่เคยกล้าพูดกับเขาแล้ว โทสะในใจก็เริ่มโหมกระพือขึ้นมาอีกครั้ง “เวินหนิง อย่าทำให้ฉันโมโหไปมากกว่านี้!”
“แล้วคุณจะทำไม? จะฆ่าฉันเหรอ? เอาเลยซิ” เวินหนิงจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นยะเยือก ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
ลู่จิ้นยวนอยากบีบคอเธอให้ตายคามือนัก แต่พอมองดูสีหน้าซีดเซียวและแก้มที่แดงก่ำอย่างผิดปกติของเธอแล้ว เขาก็ไม่อยากต่อกรอะไรกับเธออีก
ก่อนจะระงับโทสะแล้วเดินออกนอกห้องไป “ไปฉีดยาให้เธอสงบสติอารมณ์ลงหน่อย พวกคุณจะยืนดูเธอเป็นบ้าแบบนี้เฉยๆหรือไง?”
เจ้าหน้าที่หลายคนเข้าไปจับเวินหนิงไว้เพื่อฉีดยาให้เธอสงบลง
“ตอนบังคับให้ฉันทำแท้งก็ทำแบบนี้ ตอนนี้จะทำอะไรอีก จะฆ่ากันหรือไง?”
เวินหนิงถูกจับกดไว้ จนดิ้นไปไหนไม่ได้ ทำได้แค่ตะโกนพูดด้วยความโมโห
“คุณหนูเวิน คุณยังไม่ได้แท้งลูกค่ะ”
พยาบาลที่ไม่รู้จะทำยังไงพูดขึ้น เมื่อครู่ตอนที่เธอเดินเข้ามาก็เพื่อมาอธิบายให้เวินหนิงฟัง แต่เธออารมณ์เกี้ยวกราดไม่ยอมฟังอะไรเลย ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกเวินหนิงไล่ออกไปจากห้องแล้ว
เวินหนิงนิ่งอึ้งไป “ไม่ได้…..แท้งเหรอ?”
“ใช่ค่ะ เด็กยังอยู่”
“ฉันไม่เชื่อ” เวินหนิงเอามือลูบบนท้องน้อย คนพวกนี้ไม่มีอะไรที่เธอเชื่อใจได้เลย
“ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปซาวต์ดูค่ะ” พูดจบพยาบาลก็พาเธอไปทำอัลตร้าซาวด์ท้อง
พอเห็นจุดดำๆบนหน้าจออัลตร้าซาวด์ เวินหนิงถึงมั่นใจได้ว่าลูกยังอยู่กับเธอ
“แต่ มันเป็นไปได้ยังไง?”
ก่อนที่เธอจะสลบไป เธอได้ยินชัดเจนว่าลู่จิ้นยวนสั่งให้ดำเนินการต่อ
“ท้ายสุดคุณชายลู่ก็สั่งยุติการทำแท้งครับ”
ฟังคุณหมอพูดเสร็จ ในใจเวินหนิงก็รู้สึกสับสนไปหมด
เธอไม่เข้าใจว่าลู่จิ้นยวนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่พอรู้ว่าลูกยังอยู่กับเธอ ความรู้สึกเกลียดชังที่เธอมีต่อลู่จิ้นยวนก็บางเบาลง
แต่พอนึกถึงสิ่งที่เธอเพิ่งพูดกับเขาเมื่อครู่ ต่อไปลู่จิ้นยวนคงไม่มายุ่งกับเธออีก
บางที เป็นแบบนี้ก็อาจจะดีเหมือนกัน
………..
หลังจากที่เวินหนิงพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลมาหลายวัน เธอก็ขอทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล อยู่ที่นี่เธอรู้สึกไม่สบายใจนัก
และหลังจากที่คุณหมอถามความเห็นของลู่จิ้นยวนแล้ว จึงอนุญาตให้เธอออกจากโรงพยาบาลได้
วันที่เวินหนิงออกจากโรงพยาบาล เธอคิดว่าทุกอย่างคงสิ้นสุดลงแล้ว แต่ไม่คิดว่าพอเดินออกมาหน้าประตูโรงพยาบาลก็เห็นรถสปอร์ตเปิดประทุนของลู่จิ้นยวนจอดรออยู่
เขามาได้ไง?
เวินหนิงเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่ทันใดนั้นชายหนุ่มที่นั่งประจำคนขับก็ลงจากรถมาจับแขนเธอไว้ แล้วดึงเธอเข้าไปนั่งในรถ
“คุณจะทำอะไร?”
เวินหนิงดิ้นรนต่อสู้ แต่ก็สู้แรงเขาไม่ได้
“อย่าคิดว่าฉันไม่เอาเด็กในท้องเธอออกแล้วทุกอย่างจะจบง่ายๆ ไปกับฉันเดี๋ยวนี้”
ลู่จิ้นยวนจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่ท้องน้อยเธอ ถึงแม้เขาจะใจอ่อนไม่ให้เวินหนิงทำแท้ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมให้เธอกับเหอจื่ออันได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
“ครั้งก่อน ถ้าฉันพูดจารุนแรงเกินไป ฉันขอโทษด้วย” เวินหนิงเห็นสีหน้าไม่ดีของลู่จิ้นยวนแล้ว คิดว่าเขาคงยังโกรธเรื่องที่เธอต่อว่าเขา
พอได้ยินเธอพูดแบบนั้น มือที่จับแขนเธออยู่ก็ผ่อนแรงลง
เวินหนิงรู้สึกได้ดังนั้น ก็รีบพูดต่อ “ส่วนเรื่องนั้น ฉันผิดเอง ที่เข้าใจคุณผิด แต่เราอยากเกี่ยวข้องอะไรกันอีกเลยจะดีที่สุด คุณปล่อยฉันไป ฉันก็จะไม่ไปตอแยคุณอีก แบบนี้จะดีกับเราทั้งคู่นะคะ”