เวินหนิงไม่ยอมถอยให้ลู่จิ้นยวน เขามองดูท่าทางดื้อดึงของเธออยู่ชั่วครู่ นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เวินหนิงกล้าแข็งข้อกับเขา
เพื่อลูกของชายชู้ในท้อง?
รักกันมากจริงๆนะ
คิดได้แบบนี้ลู่จิ้นยวนยิ่งรู้สึกว่าเด็กคนนี้เก็บไว้ไม่ได้เด็ดขาด “เธอคิดว่จะข่มขู่ฉันได้เหรอ?”
ลู่จิ้นยวนเดินออกไปจากห้อง แต่ยังไม่ทันที่เวินหนิงจะได้โล่งใจ เขาก็กลับมาพร้อมกับชายร่างใหญ่หลายคน
“จับตาดูผู้หญิงคนนี้ไว้ให้ดี หากยังไม่ได้ทำแท้งห้ามให้เธอออกจากห้องนี้แม้แต่ก้าวเดียว และห้ามให้เธอทำร้ายตัวเองด้วย หากมีอะไรเกิดขึ้นฉันจะเอาเรื่องทุกคน”
“และถ้าจำเป็นก็สามารถใช้กำลังได้ แต่อย่าให้ถึงชีวิต”
คำสั่งของลู่จิ้นยวน ใครจะกล้าขัด?
ทันใดนั้นคนกลุ่มนั้นก็เข้ามาล้อมเวินหนิงไว้ “คุณหนูเวิน ช่วยให้ความร่วมมือด้วยครับ ไม่งั้นพวกเราอาจต้องฉีดยานอนยาให้คุณได้นอนหลับยาวๆ”
เวินหนิงกลัวจนตัวสั่นเทา “พวกคุณไม่มีจรรยาบรรณความเป็นแพทย์บ้างเลยเหรอ? เขาจะบังคับให้ฉันเอาเด็กออก พวกคุณยังจะมาช่วยคนเลวก่อกรรมทำชั่วอีก!”
เวินหนิงพูดด้วยน้ำเสียงหมดหวัง ตอนนี้เธอก็เหมือนเนื้อที่วางอยู่บนเขียง ไม่มีทางต่อกรกับลู่จิ้นยวนได้เลย
ไม่มีใครพูดกับเธออีก เวินหนิงรู้สึกสิ้นหวังจนต้องหลับตาลง สถานะการณ์แบบนี้พูดเรื่องความดีความชั่วก็คงไม่ช่วยอะไร
เธอจึงไม่ได้พูดอะไรอีก อีกอย่างยานอนหลับถ้าฉีดในปริมาณที่มากเกินไปอาจมีผลกระทบต่อเด็กในครรภ์ได้ เวินหนิงไม่กล้าเสี่ยง
ลู่จิ้นยวนเห็นว่าเธอนิ่งลง จึงเดินออกไปจากห้อง “ทำได้เร็วที่สุดเมื่อไหร่?”
“ก่อนทำต้องขอเช็คสุขภาพร่างกายเธอก่อน ถ้าไม่มีปัญหาอะไร พรุ่งนี้ก็ทำได้เลยครับ”
ลู่จิ้นยวนพยักหน้ารับ
เวินหนิงหลับตา กำมือไว้แน่น พยายามผ่อนลมหายใจเพื่อระงับอารมณ์โกรธที่กระพือขึ้นในใจ
เธอต้องใจเย็น ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาแข็งข้อกับลู่จิ้นยวน เธอต้องนิ่งให้ได้มากที่สุด เพื่อจะได้หาโอกาสหนีออกไป
ผ่านไปพักใหญ่ เวินหนิงก็มองหากลุ่มคนของเขาที่เฝ้าเธออยู่ “ฉันอยากเข้าห้องน้ำ”
คนเหล่านั้นพาเธอมายันหน้าห้องนำ้ เวินหนิงปรายตามองพวกเขาแวบหนึ่ง “คงไม่ได้จะเข้าไปในห้องน้ำกับฉันด้วยนะ”
พวกเขาต่างมองหน้ากัน ในที่สุดก็ไม่ได้เดินตามเธอเข้าไป
เวินหนิงรีบล็อคประตูทันทีโดยไม่รอช้า ก่อนจะรีบโทรฯหาเหอจื่ออัน ตอนนี้คนที่จะช่วยเธอได้มีแค่เขาคนเดียวแล้ว
พอโทรฯติด เหอจื่ออันที่อยู่ปลายสายก็รู้สึกแปลกใจ ปกติแล้วเวินหนิงไม่ค่อยโทรฯหาเขาในเวลากลางดึกแบบนี้
“เหอจื่ออัน ตอนนี้ฉันอยู่ในโรงพยาบาล โรงพยาบาลของลู่จิ้นยวน ขอร้องล่ะคุณมาช่วยฉันหน่อย ฉัน…….”
ขณะที่เวินหนิงกำลังพูดอยู่ ด้านนอกประตูก็มีเสียงถามขึ้น “คุณกำลังคุยกับใคร?”
“ฉันอยู่ในห้องVIP ชั้นบนสุดของตึก ช่วยฉันด้วย!”
เวินหนิงพูดเสร็จก็รีบวางสายทันที
ก่อนจะปรับสีหน้าเหมือนไม่มีอะไรแล้วค่อยเปิดประตูออกไป “ฉันชอบพูดเองเออเองคนเดียว ไม่ได้หรือไง?”
เห็นเธอเข้าไปไม่นาน คนพวกนั้นจึงไม่ได้ถามอะไรมาก
เวินหนิงให้ความร่วมมือโดยการกลับขึ้นไปนอนพักสายตาอยู่บนเตียง
ตอนนี้ความหวังเดียวของเธอ ก็คงมีแค่เหอจื่ออันที่เธอเพิ่งขอความช่วยเหลือไป หวังว่าเขาจะรีบมาช่วยเธอ…….
ตอนนี้ทำได้แค่ตั้งสติให้ดี แล้วรอเขา
………
หลังจากวางสายเหอจื่ออันก็รีบขับรถไปตามที่อยู่ที่เวินหนิงบอก
เขาลองโทรฯกลับเบอร์ที่โทรฯเข้ามาเมื่อครู่แต่ไม่มีคนรับสาย
ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่
ยิ่งคิดยิ่งกังวลใจ เหอจื่ออันเหยียบคันเร่งจนมิด รถพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็ว
เวินหนิงพักสายตาอยู่ชั่วครู่ ก็ได้ยินด้านนอกมีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น
“ให้ฉันเข้าไป! ถอย!”
ไม่ถึงสิบนาที เหอจื่ออันก็วิ่งเข้ามา
ในใจเวินหนิงรู้สึกซาบซึ้งใจและรู้สึกโชคดี ที่ยังมีเพื่อนแท้และจริงใจแบบนี้!
เวินหนิงรีบลุกขึ้นนั่ง จ้องมองไปทางประตู “ฉันอยู่นี่ ฉันจะออกไป!”
“พวกคุณทำแบบนี้มันเป็นการกักขังหน่วงเหนี่ยวมันผิดกฏหมายนะ” เหอจื่ออันจ้องมองกลุ่มคนที่พยายามกันเขาไว้ด้วยความโมโห ก่อนจะผลักอกพวกเขาไปทีหนึ่ง
เนื่องจากคนของเขาค่อนข้างเยอะ ทำให้เหอจื่ออันยังพาเวินหนิงออกไปไม่ได้
ขณะที่กลุ่มคุณหมอไม่รู้จะทำยังไงกับเหอจื่ออัน ลู่จิ้นยวนที่ได้ยินความเคลื่อนไหวจากในห้องก็เดินออกมา
พอเห็นว่าเป็นเหอจื่ออัน ก็ยกมุมปากยิ้มอย่างเย็นชา ร้อนรนขนาดนี้ดูท่าแล้วน่าจะเป็นพ่อของเด็กในท้องนะ?
ตอนที่ได้ยินว่าเวินหนิงเป็นคนโทรฯเรียกเหอจื่ออันมาช่วย สีหน้าของลู่จิ้นยวนยิ่งดูเย็นชามากกว่าเดิม
แต่ก็ดี ในที่สุดชายชู้ก็เปิดเผยตัวออกมาจนได้
“ลู่จิ้นยวน? ทำไมคุณมาอยู่นี่?”
พอเห็นลู่จิ้นยวน เหอจื่ออันก็รู้สึกแปลกใจ
“ก็มาเพื่อตอบแทนชายชู้บางคนให้สาสมไง”
เหอจื่ออันไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด แต่เขาดูออกว่าสายตาและน้ำเสียงของลู่จิ้นยวนไม่เป็นมิตรแม้แต่น้อย
ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงภาพที่ลู่จิ้นยวนและเวินหนิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองหลายครั้งหลายหน
พวกเขา…..มีความสัมพันธ์กันแบบไหนกันแน่?
เหมือนว่าเมื่อก่อนเขาจะมองข้ามจุดนี้ไป
“ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร แต่เห็นได้ชัดว่าเวินหนิงไม่อยากอยู่ที่นี่ ฉันจะพาเธอออกไป”
“ไม่คิดว่าคุณชายเหอจะเป็นคนประเภทกล้าทำแต่ไม่กล้ารับ ทำผู้หญิงคนหนึ่งท้องแล้วยังไม่กล้ายอมรับอีก”
“ท้อง?”
เห็นได้ชัดว่าเหอจื่ออันเหมือนเพิ่งจะรู้เรื่อง เขายังจำเรื่องที่เวินหนิงเคยบอกเขาได้
เวินหนิงท้องเหรอ…….
หรืออาจจะเป็นลูกของผู้ชายคนนั้น?
“คุณชายเหอแสดงได้เก่งมาก” ลู่จิ้นยวนพูดประชดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยื่อก
เหอจื่ออันรีบเก็บความสงสัยต่างๆไว้ก่อน สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือรีบพาเวินหนิงออกไปจากที่นี่ ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง
“ไม่ว่ายังไง เรื่องนี้ก็ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับคุณชายลู่นะ เวินหนิง เธอได้ยินฉันมั้ย?”
เวินหนิงรีบลงจากเตียง โดยไม่สนใจคนพวกนั้น “ฉันได้ยิน ฉันจะไปกับคุณ ฉันถูกคนพวกนี้จับตัวมา!”
“ได้ยินหรือยัง เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ ให้ผมพาเธอออกไป”
ลู่จิ้นยวนไม่ได้โมโหแต่เขากลับหัวเราะเยาะขึ้นอย่างร้ายกาจ “ช่างกล้าพูด ถ้าคุณอยากพาเธอออกไปก็ลองดู”
ที่เมืองเจียงเฉินเหอจื่ออันก็ถือว่าพอจะมีอำนาจบารมีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกลับที่ลู่จิ้นยวนให้ความใส่ใจ
เด็กในท้องเวินหนิง ยังไงก็ต้องเอาออก
วันนี้ถ้าเขายอมให้หญิงร้ายชายเลวคู่นี้ออกไปได้ล่ะก้อ ต่อไปเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“คุณกำลังหมายความว่า……ต้องให้ฉันใช้กำลังใช่มั้ย?”
นัยน์ตาของเหอจื่ออันฉายแววอันตรายขึ้นมา ต้องบอกว่าท่าทางที่ดูเย่อหยิ่งของลู่จิ้นยวนทำให้เขาไม่พอใจมากอยู่เหมือนกัน
มันทำให้เขานึกถึงแม่ที่เย่อหยิ่งไร้เหตุผลของเขา ซึ่งเป็นผู้หญิงที่บีบบังคับให้แม่แท้ๆของเขาต้องตาย ทำให้เขาเกือบมีชีวิตต่อไปไม่ได้
“มีปัญญาก็ลองดู”
ลู่จิ้นยวนพูดจบ กลุ่มชายชุดดำก็พากันยืนล้อมหน้าห้องของเวินหนิงเอาไว้ทันที “ก็ลองดูว่าคุณจะพาเธอออกไปได้ยังไง?”