น้ำเสียงของลู่จิ้นยวนก็เยือกเย็นเหมือนคำสั่ง เวินหนิงส่ายหน้า “ไม่ต้องลำบากก็ได้ กลับไปค่อยทาก็เหมือนกัน”
ยาที่ลดอาการปวดบวมแบบนี้กลิ่นแรงมาก ถ้าทายาในรถ ลู่จิ้นยวนอาจจะรู้สึกว่าเหม็น เพราะฉะนั้นเวินหนิงก็เลยคิดว่ากลับไปค่อยทา
“แค่ทายา ยังจะอะไรอีก” ลู่จิ้นยวนเห็นว่าเวินหนิงส่ายหัว สายตาก็ดูหม่นหมองไป ผู้หญิงคนนี้อวดเก่งจริงๆ บวมจนเหมือนซาลาเปาแล้วยังจะทนกลับไปอีก
“กลับบริษัทเถอะ” เวินหนิงกำลังพูด ลู่จิ้นยวนก็เปิดประตูฝั่งเธอแล้วอุ้มออกมาจากที่นั่ง
เวินหนิงรู้สึกตกใจไป จากนั้นผู้ชายคนนี้ก็เปิดประตูหลังแล้ววางตัวเธอลงไปอย่างอ่อนโยน “เอายามา เดี๋ยวผมทาให้”
ในเมื่อเวินหนิงไม่อยากจะทาเอง งั้นก็ต้องให้เขาทาให้
“ห๋า? ไม่ต้องลำบากก็ได้……” เวินหนิงตกใจ ลู่จิ้นยวนทายาให้เธอ เรื่องตลกอะไรเนี่ย?
แต่ว่า เธอยังไม่ทันพูดจบ ลู่จิ้นยวนก็จับขาของเธอไว้แล้วยกขาข้างที่บาดเจ็บขึ้น
“อ้า!” เวินหนิงร้องเสียงเบา ตอนนี้เธอใส่ชุดเดรสอยู่ ถึงแม้จะใส่ซับในแล้ว แต่ว่าโดนผู้ชายมายกขาขึ้นแบบนี้ เธอก็รู้สึกอึดอัดเหมือนตัวเองกำลังโป๊
“ไม่ต้องก็ได้ ฉันทำเอง ฉันทำเองก็ได้” เวินหนิงเห็นว่าเขาจะทำจริง ใบหน้าก็แดงร้อนขึ้นมาทันที
เวินหนิงรีบยื่นมือไปหยิบยากลับมาจากในมือผู้ชายคนนั้น แต่ลู่จิ้นยวนกลับไม่มีทีท่าที่จะปล่อยเธอเลย มือที่จับอยู่ที่ขาเธอก็ไม่ปล่อยแต่กลับจับแน่นขึ้น
“อย่าดิ้น” ลู่จิ้นยวนเอ่ยเสียงต่ำข้างหูเวินหนิง จนทำให้เธอรู้สึกขนลุกแล้วไม่กล้าดิ้นอีก แค่จับกระโปรงไว้แล้วมองท่าทางของผู้ชายคนนั้น
ลู่จิ้นยวนก้มหน้าแล้วหยดยาในมือ เวินหนิงมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนแกะสลักของเขา ระหว่างคิ้วของเขาทำให้อีกคนรู้สึกปฎิเสธไม่ได้เลยว่ากำลังตั้งใจทำ คนเอาแต่พูดว่า ผู้ชายที่ตั้งใจหล่อที่สุด แต่ก่อนเวินหนิงไม่รู้สึก แต่ตอนนี้เธอกลับมองจนเหม่อไป
“อาจจะเจ็บหน่อย เธอทนไว้” ลู่จิ้นยวนถอดลงเท้าส้นสูงของเวินหนิงแล้วมองไปที่ความสูงที่น่ากลัว เป็นผู้หญิงนี่ลำบากจริงๆ
“อื้อ ไม่เป็นไร” เวินหนิงดึงสติกลับมาแล้วรีบเบี่ยงหน้าหนี ไม่มองลู่จิ้นยวนอีก
เธอมองผู้ชายคนนี้จนเหม่อ คงที่เกินไป……
เวินหนิงยังไม่ทันดูถูกตัวเอง ยาที่ทาลงบนข้อเท้าก็ทำให้รู้สึกเจ็บจนเธอเกือบจะกรีดร้องออกมา แต่ว่าเธอก็ทนไว้แล้วรอลู่จิ้นยวนทายาให้เธอเสร็จ ทนจนเกือบจะกัดริมฝีปากตัวเองเลือดแล้ว
“ถ้าเจ็บก็ร้องออกมา ไม่ต้องอวดเก่ง” ลู่จิ้นยวนมองไปที่เธอ เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นผู้หญิงอดทนเจ็บขนาดนี้
ผู้หญิงทั่วไป ถ้าเกิดที่ไหนมีแผลก็คงจะกรีดร้องแล้วตะโกนร้องไห้ กลัวว่าคนอื่นจะไม่เห็นใจ
แต่ว่า ความอดทนแบบนี้ของเวินหนิงก็ทำให้เขารู้สึกดี เขาถือรองเท้าไว้จากนั้นก็โยนไปค่อนข้างๆ “ต่อไปไม่ใส่อีก เฉิงหยางดูแค่ภาพลักษณ์รวมๆ เธอบอกเขาก็ได้”
เวินหนิงหดขากลับมา รู้สึกว่าบนผิวที่เขาแตะเมื่อกี้ยังมีความร้อนอยู่ แล้วทำให้ใจเธออบอุ่นขึ้นไปอีก
“รู้แล้ว ความจริงฉันก็ผิด แค่ไม่ได้ใส่รองเท้าแบบนี้มานาน ก็เลยไม่ชิน”
เวินหนิงก้มหน้าไว้ กลัวว่าลู่จิ้นยวนจะเห็นว่าเธอหน้าแดง
ลู่จิ้นยวนไปซื้อลงเท้าให้เธออีกคู่ แล้วส่งเธอกลับบ้าน
เวินหนิงไม่ได้ปฏิเสธอะไร ตอนนี้แม้แต่เดินก็ยังลำบาก ไปบริษัทก็ทำอะไรไม่ได้ รักษาให้หายก่อนแล้วค่อยกลับไปทำงานดีกว่า
ลู่จิ้นยวนเรียกคนรับใช้มา จากนั้นก็มองส่งเธอพยุงเวินหนิงขึ้นไป จากนั้นค่อยออกมา
แต่พอลู่จิ้นยวนออกไป เซี่ยเหลียนที่พยุงตัวเวินหนิงอยู่ก็ผลักเธอออก “สำส่อนจริงๆ”
พอเซี่ยเหลียนเห็นเวินหนิง แล้วมองเห็นชุดบนตัวเธอ ก็เดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
เวินหนิงมีอะไรดี ทั้งๆที่เป็นฆาตกร แต่ก็ทำให้คุณชายชอบเธอแล้วยังซื้อนั่นซื้อนี่ให้อีก
“โอ้ย……” เวินหนิงถูกเธอผลักโดยที่ไม่ได้ตั้งตัว ความเจ็บปวดที่ข้อเท้าเมื่อกี้ก็เจ็บขึ้นมาอีกครั้ง จนดวงตาเธอเปียกชื้นไป
เซี่ยเหลียนคนนี้ยังไม่ตัดใจ ทั้งๆที่เธอเป็นคนดูแลลู่จิ้นยวน คนทั้งบ้านก็ให้ความสำคัญกับเธอ เวินหนิงรู้สึกว่าลำบากใจแต่ก็พูดอะไรไม่ได้
“แกอย่าได้ใจไป ถึงแม้ตอนนี้คุณชายจะดีกับแก แกก็แค่เล่นแค่นั้น สักวันยังไงแกก็ต้องไสหัวออกไป”
เวินหนิงพักไปสักพัก พอได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกเอือมละอา แต่ก่อนเธอเคยคุยด้วยแล้ว แต่ดูเหมือนเซี่ยเหลียนไม่ฟังเลย
กับคนอย่างลู่จิ้นยวน ไม่ว่าเธอหรือเธอ ก็ไม่มีอะไรแตกต่าง
แต่ว่า……
พอนึกถึงท่าทางที่ตั้งใจของผู้ชายคนนั้น เวินหนิงก็รู้สึกใจเต้นแล้วรีบส่ายหัว คำพูดของเซี่ยเหลียนก็ย้ำเตือนเธอด้วย
เธอห้ามมีความคิดที่เกินเลย ไม่งั้นก็จะทำร้ายตัวเองเปล่าๆ
แต่ว่า ถึงเวินหนิงจะคิดแบบนี้ เซี่ยเหลียนก็ไม่ได้ฟังคำพูดที่เธอ พูดนึกถึงชุดบนตัวเวินหนิง สิ่งที่เธออยากได้ทั้งหมด เธอแค่รู้สึกอิจฉามาก
ถ้าลู่จิ้นยวนรับผู้หญิงที่เคยเข้าคุกได้ งั้นก็คงจะยอมรับเธอได้เหมือนกัน
เธอจะต้องคิดหาวิธีแล้วได้ใจลู่จิ้นยวนมาให้ได้
……
เวินหนิงว่างอยู่บ้านหลายวันจนรู้สึกเบื่อ เธอก็นึกถึงเรื่องของเวินหลานกับผู้กำกับโจว
เธอหาเบอร์โทรศัพท์ของนักข่าวบนนิตยสารข่าวบันเทิงแล้วแฉเรื่องนี้กับเขา ทีแรกคิดว่าจะทำให้เวินหลานซวยแล้วจะได้เงินรางวัลสักหน่อย
ไม่คิดเลยว่านักข่าวคนนี้บอกว่าไม่มีหลักฐาน กลัวว่าจะโดนฟ้องก็เลยเผยแพร่ไม่ได้
เวินหนิงรู้สึกผิดหวัง ยังไงเรื่องนี้เธอก็ได้ยินแล้วเห็นกับตา ถ้าแฉออกไป เวินหลานคงเสียหายมากแน่ๆ เธอซวยก็คงไม่มีเวลามาทำร้ายตัวเองอีก
“ถ้าคุณอยากจะแฉจริง ก็ควรจะมีหลักฐานด้วย แค่รูปถ่ายไปกี่รูปก็ได้ ส่วนราคา คุยกันได้”
เวินหนิงตัดสายไปแล้วคิดในหัว ตัวเลขที่นักข่าวคนนั้นทำให้เธอใจเต้น ขอแค่ถ่ายโดนหน้าแค่รูปเดียวก็สามารถได้ราคาหกหลักแล้ว นี่เป็นตัวเลขที่เธอทำงานหลายปีก็เอื้อมไม่ถึง
ถ้ามีเงินก้อนนี้ เธอก็สามารถไปตามหาโรงพยาบาลพักฟื้นหรือว่าขอร้องให้ลู่จิ้นยวนช่วยตามหาแม่ของเธอ งั้นต่อไปเธอก็จะไม่โดนคนตระกูลเวินใช้แม่มาข่มขู่อีก
พอนึกถึงตรงนี้ เวินหนิงคิดว่าความเสี่ยงของตัวเองคุ้มค่ามาก วันนั้นเธอได้ยินหมายเลขห้องแล้วก็เวลา เธอปลอมตัวเป็นพนักงานแล้วเข้าไปโรงแรมนั้นก็ได้