บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 59 สุดท้ายแล้วคนคนนั้นก็ไม่มีทางมา

กลุ่มคนที่ล้อมรอบตัวเวินหนิงอยู่นั้นตกตะลึงไปครู่หนึ่ง กับเสียงของบุคคลนี้ที่ฟังหนักแน่นมาก จนทำให้ไม่มีคนกล้าสงสัยในความสามารถของเขา

เวินหนิงเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเหอจื่ออันเดินเข้ามาจากข้างนอก รู้สึกดีใจเล็กน้อย และรู้สึกผิดหวังเสียใจอย่างอธิบายไม่ถูก

เมื่อกี้ที่ได้ยินเสียงมีคนห้ามนั้น คนที่ปรากฏขึ้นในสมองของเธอคนแรกกลับไม่ใช่เขา …

แต่คนๆนั้น สุดท้ายแล้วก็คงไม่มีทางมา

เหอจื่ออันเห็นเวินหนิงที่ท่าทีเขินอายกระอักกระอ่วน เสื้อผ้าของเธอถูกฉีกขาดวุ่นวายไม่เป็นระเบียบ บนผิวขาวๆของเธอเต็มไปด้วยคราบสกปรกและรอยฟกช้ำ เมื่อตะกี้นี้เธอคงถูกกระทำที่รุนแรงและหยาบคายแน่ๆ

เหอจื่ออันที่ยิ่งดูยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าของเขาเย็นชาแล้วตะโกนขึ้นอย่างรุนแรงว่า “พวกเธอเป็นบ้ากันไปแล้วใช่ไหม ถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ที่สาธารณชนเช่นนี้”

ในขณะที่พูด เขาก็เดินเข้าไปข้างหน้าค่อยๆพยุงตัวเวินหนิงที่นั่งอยู่บนพื้นด้วยความตื่นตระหนก แล้วตรวจสอบอย่างรอบคอบว่ามีบาดแผลบนร่างกายหรือไม่ จากนั้นก็ถอดเสื้อสูทของตัวเองลงมาพาดคุมไว้ที่ตัวเธอ

“ เป็นยังไงบ้าง ยังโอเคไหม มีบาดเจ็บที่ไหนหรือเปล่า”

หลังจากที่เวินหนิงถูกเขาพยุงตัวขึ้นมา ส่ายหัวไปมา “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ … คุณมาเพื่อช่วยฉันใช่ไหม”

ในแว่วตาของเวินหนิงเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ เธอไม่รู้ว่าเหอจื่ออันจะยอมเชื่อเธอหรือเปล่า

เหอจื่ออันเห็นใบหน้าที่ไม่สบายใจของเธอ แว่วตาของเธอยังคงใสซื่อสะอาดเหมือนเดิม ไม่ได้มีความรู้สึกผิดใดๆ เขารู้สึกปวดใจขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด แล้วพยักหน้า “ฉันเชื่อว่าคุณบริสุทธิ์ใจ ดังนั้นฉันจึงมาช่วยคุณไง”

เวินหนิงถึงได้รู้สึกเหมือนรุ่งสางขึ้นมาทันที เอ็นที่รัดเธอแน่นตรึงไปหมดทั้งตัวได้คลายลงทันที ขาที่อ่อนแรงเกือบทำให้เธอล้มลงไปนั่งลงกับบนพื้น

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทำให้จิตใจและร่างกายของเธอได้รับความทรมานอย่างมาก เธอเกือบจะหมดสติไปตั้งนานแล้ว เมื่อได้เจอกับเหอจื่ออันความเข็มแข็งที่อดทนไว้ก็ได้คลายลงทันที เลยไม่มีแรงที่จะต้านทานอีกต่อไป

เหอจื่ออันรีบยื่นมือออกไปพยุงเธอไว้ทันที แล้วมองไปกลุ่มคนที่ยังไม่ยอมเลิกลาจากไป“ พวกเธอทั้งหมดถือว่ากำลังก่ออาชญากรรม ถ้าความจริงของเรื่องนี้ปรากฏว่าว่าเธอถูกใส่ร้ายแล้วล่ะก็ ฉันหวังว่าพวกคุณจะยอมสำนึกผิดอย่างจริงจังกับพฤติกรรมที่กระทำอยู่ในตอนนี้”

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เห็นสีหน้าเข้มงวดของเหอจื่ออัน เลยไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก ผู้ชายได้หยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของเวินหนิงมา แล้วหยิบนามบัตรของเขาออกมาโยนไปให้ผู้หญิงคนนั้น “ ถ้ามีอะไรเสียหาย ฉันจะชดใช้ให้เอง”

หลังจากนั้นเขาก็อุ้มเวินหนิงขึ้นมา เดินไปยังที่รถจอดอยู่

“โอ้พระเจ้า ผู้ชายคนนั้นหล่อมาก เขายังเป็นถึงประธานของบริษัทด้วย รวยและหล่อมาก”

หลังจากที่เหอจื่ออันเดินจากไป กลุ่มคนที่เงียบสงบก็กลับมาส่งเสียงดังอีกครั้ง

“รวยแล้วหล่อจะมีประโยชน์อะไร เมื่อหลงเสน่ห์ของผู้หญิงเจ้าเล่ห์ขี้โกงเข้าไป ก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ชายเลวๆ ”

“ผู้หญิงคนนี้มีความพิเศษอะไรกันแน่ ถึงได้ยั่วคนนี้เสร็จ แล้วยังมีอีกคนหนึ่ง ที่สำคัญแต่ละคนทั้งร่ำรวยและหล่อเหลาอีกต่างหาก”

คำพูดเหล่านี้ ได้ผ่านเข้าไปในหูของเวินหนิงจากระยะไกล ทำให้เธอที่หลงซ่อนใบหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นมาทันที พึ่งจะสังเกตเห็นว่าเหอจื่ออันได้อุ้มเธอเดินอยู่บนกลางทางเดินอย่างเปิดเผยตัว

“ไม่ได้นะ คุณปล่อยฉันลงเถอะ คนอย่างฉันเดียว … จะทำให้คุณเดือนร้อนได้ เวินหนิงพูดอย่างขมขื่น

ในตอนนี้ เธอก็เป็นผู้หญิงมือที่สามในสายตาร้อยพันกว่าคนแล้ว ถึงขั้นที่ว่าต่อให้ตายไปก็ถือว่าสมน้ำหน้า ถ้าเหอจื่ออันเข้ามาเกี่ยวข้องกับเธอในเวลานี้ชื่อเสียงของเขาก็จะต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน

เวินหนิงไม่อยากให้เขาได้รับผลกระทบด้วย

“คุณโง่เหรอ คุณดูสภาพตอนนี้ของคุณสิ ฉันยังจะปล่อยให้คุณอยู่ข้างนอกคนเดียวได้ยังไง”

เหอจื่ออันทั้งโกรธทั้งเจ็บใจ ผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างที่จะคิดแทนคนอื่น แต่ไม่กลับมองดูสถานการณ์ของตัวเองตอนนี้เลย

“แต่ว่า … ” แม้ว่าคำพูดของเหอจื่ออันจะไม่น่าฟังแลัวตรงไปตรงมา แต่เวินหนิงก็ฟังออกว่าเขาเป็นห่วงตัวเธอ ความรู้สึกผิดในใจก็ยิ่งรุนแรงขึ้น

“ ไม่มีคำ แต่ว่าอะไรทั้งนั้น คุณยังคิดว่าฉันเป็นเพื่อนอยู่หรือเปล่า กลับไปกับฉันแล้วฉันจะช่วยคุณเอง”

คำว่า เพื่อน ดังเข้าไปในหูของเวินหนิง ซึ่งทำให้หัวใจที่เย็นชาของเธอในวันนี้อบอุ่นขึ้นมา

เวินหนิงพยักหน้า แล้วไม่ได้ปฏิเสธความช่วยเหลือจากเหอจื่ออันอีก ผ่านไปสักพัก เธอก็พูดขึ้นมาว่า “วิดีโอนั้นเป็นของปลอม วันนั้นยวี๋เฟยหมิงเป็นคนมาหาฉันเอง ที่นั้นเป็นที่ทำงานของฉัน ฉันจะบังเอิญไปเจอเขาที่นั้นได้ยังไง แล้วยังบังเอิญไปยุ่งวุ่นวายกับเขาแล้วยังโดนถ่ายวิดีโอนั้นได้ยังไง”

“ และวันนั้น เป็นเขา … ”

ส่วนที่เหลือเวินหนิงก็ไม่อยากพูดถึงมันอีก เหอจื่ออันพยักหน้าแล้วนำเธอยัดเข้าไปในรถสปอร์ตคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ “ฉันเชื่อในสิ่งที่คุณพูดเป็นความจริงทั้งหมด แต่แค่ฉันเชื่อว่ามันไม่เพียงพอหรอก ต้องทำให้ทุกคนเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้เป็น เรื่องปลอม”

เวินหนิงพยักหน้าแล้วมองไปที่เหอจื่ออันที่กำลังขับรถอยู่ “ทำไมคุณถึงเชื่อฉันคะ”

ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน เวินหนิงจำไม่ได้ว่าเธอได้ทำอะไรแสดงให้เห็นหรือว่าคู่ควรกับความเชื่อใจไว้วางใจของเขา

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เหอจื่ออันก็ยังคงยอมรับฟังทั้งหมดเหมือนกับใบแจ้งหนี้ โดยไม่มีอาการสงสัยใดๆทัังสิ้นเลย

ผู้ชายที่จับพวงมาลัยค้นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้ตอบกลับแนวล้อเล่นติดตลกนิดหนึ่งว่า สำผัสที่เจ็ดของผู้ชายได้หรือเปล่า”

“ฉันกำลังถามอย่างจริงจังนะ” เวินหนิงไม่ได้เล่นตลกกับเขา จองมองเขาอย่างจริงจัง

“มันเป็นแค่ความรู้สึกจริงๆคุณเชื่อไหม ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเห็นคุณ ก็รู้สึกว่าคุณไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร” เหอจื่ออันใช้ช่วงเวลาสัญญาไฟแดงหันหน้ามา

ในดวงตาสีเข้มของเขา ไม่ได้ติดตลกหรือล้อเล่นใดๆ แต่เต็มไปด้วยความจริงใจ

“ฉันเชื่อแล้ว” เวินหนิงมองเข้าไปในตาของเขา รู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาทันที

ตั้งแต่ออกจากเรือนจำ นอกจากไป๋อี้อันที่คอยช่วยเหลือเธอมาตั้งแต่แรก และคุณแม่ของเธอที่ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน เวินหนิงไม่มีใครให้เชื่อใจได้เลย เธอท้อแท้และโทษตัวเองมาโดยตลอดคิดและรู้สึกว่าคงไม่มีใครยอมเป็นเพื่อนกับเธออีกต่อไป

แต่เหอจื่ออันเป็นคนแรกที่เชื่อในตัวเธอเช่นนี้ เธอรู้สึกว่ามันหายากและสำคัญมาก และเธอก็กลัวที่จะสูญเสียมันไปด้วย

“แต่ว่า ฉันไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คุณคิดนะ ฉัน … อดีตของฉันเคยมีประวัติดำและไม่ดีอีกเยอะแยะ ถ้าคุณรู้แล้วคุณยังจะเชื่อฉันอีกไหม”

สักพักใหญ่ๆ เวินหนิงถึงได้พูดความในใจทั้้งหมดออกมา แค่พูดในเรื่องที่เธอไม่กล้าพูดมันออกมา ก็แทบจะหมดเรี่ยวแรงแล้ว

“ชีวิตของคนเรามันยาวนานมาก มีใครบ้างที่จะไม่มีความลับเลย ไม่มีใครที่ไม่เคยกระทำผิด บอกตามตรงนะ ฉันก็เคยทำเรื่องเลวร้ายมาก่อนเหมือนกัน เคยทำร้ายคนอื่น ถ้าแบบนี้ทั้งชีวิดของฉันฉันก็จะไม่สามารถใช้ชีวิตดีๆต่อแล้วเหรอ ดังนั้น ฉันแค่มองปัจจุบัน”

“ไม่ว่าอดีตของคุณจะเป็นอย่างไร ฉันเชื่อว่าคุณไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ดังนั้นฉันจึงยินดีที่จะช่วยคุณไง”

หลังจากที่เหอจื่ออันพูดจบ เวินหนิงก็ก้มหัวลง มีความรู้สึกในขอบตานั้นกลั้นไม่อยู่ หลังจากนั้นครู่หนึ่งความอับชื้นก็ไหลอออกมาเธอจึงรีบเช็ดหน้าของเธอแบบไม่ให้เหลือร่องรอยใดๆ จากนั้นเธอก็กลั้นเสียงร้องไห้เข้าไป “… ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณคุณมากจริงๆ”

เหอจื่ออันเหลือบมองที่นั่งหดตัวอยู่บนบ่อนั่ง เวินหนิงที่ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอ่ออกมาแม้แต่น้อย ซึ่งบนขาของเธอเปียกไปด้วยน้ำตา แต่เธอก็ยังแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง

ในใจของเหอจื่ออันรู้สึกสงสาร และเห็นใจมากชั่วขณะหนึ่ง แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไร

ในเมื่อเวินหนิงไม่อยากให้ใครเห็นสภาพในเวลาที่เธอร้องไห้ งั้นเขาก็ทำได้แค่เคารพกับความคิดของเธอ แต่ว่า สักวันหนึ่ง เขาจะต้องทำให้เธอยอมเปิดใจกับตัวเองให้ได้

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset