เมื่อเวินหลานได้ยินคำพูดของยวี๋เฟยหมิง ใบหน้าที่แต่งด้วยเครื่องสำอางอย่างหนาของเธอเปลี่ยนเป็นสีเขียวไปทันที รีบวางสายโทรศัพท์ด้วยความโกรธจัด หลังจากนั้นรีบทำการโทรออก
ยวี๋เฟงหมิงทำแบบนี้ เป็นการไม่ไว้หน้าเธออย่างเห็นได้ชัด
หรือว่า เขายังไม่สามารถลืมคนชั้นต่ำอย่างเวินหนิงได้อีกเหรอ แกมีอะไรดี ทำให้เขาถึงยังไม่อาจลืมเธอได้
ยวี๋เฟยหมิงที่กำลังเคาะประตูอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นมาทันที เมื่อดูแล้วเป็นสายของเวินหลานที่โทรเข้ามา ความหยิ่งผยองของเขาก็เงียบลงทันที ทั้งคนก็สงบลง
“ พี่เฟงหมิงคะ ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหนคะ เมื่อกี้พี่สาวโทรมาบอกว่าพี่อยู่หน้าประตูห้องผู้ป่วยของเธอ เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าคะ”
เวินหลานระงับความโกรธของเธอไว้ แม้ว่าตอนนี้เธอจะโกรธมากจนสุดจะทน แต่เธอก็ยังคงรักษาท่าทีที่อ่อนโยนและความใจกว้างเธอ เพราะเธอรู้ดีว่า มีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะไม่ทำให้ผู้ชายรู้สึกเบื่อรำคาญ และยังทำให้ ยวี๋เฟงหมิงรู้สึกผิดกับเธอ
ยวี๋เฟยหมิงเดินออกไปสองสามก้าวอย่างเก้อเขิน “ อย่าไปฟังนางพูดมั่วๆ ฉันแค่เห็นว่านางไปพัวพันกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ ก็เลยอยากไปถามดูว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
เวินหลานรู้อยู่แก่ใจว่าเขาโกหก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร กลับกับ กับตอบอย่างเป็นห่วงว่า “พี่เฟงหมิงคะ ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้พี่สาวดูเหมือนไปทำแต่เรื่องน่าอับอายอะไรประมาณนั้น อย่างเช่น … ไปเป็นแฟนเก็บลับๆของคนอื่นเขา ที่พี่เป็นกังวลก็เป็นเรื่องปกติคะ ”
ยวี๋เฟยหมิงได้ยินอย่างนี้ จู่ๆก็รู้สึกเหมือนถูกไฟเผาทั้งตัว เหลือบไปมองข้างหลังด้วยสายตาแค้นใจ
ถึงว่าเวินหนิงผู้หญิงต่ำทรามคนนี้ถึงได้พักห้องผู้ป่วยวีไอพี มิน่าล่ะที่เธอดูดีขึ้นกว่าตอนที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ ที่แท้ เป็นเพราะไปเป็นแฟนเก็บลับๆที่ไม่สามารถออกหน้าออกตาได้นี้เอง
“ ไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะไร้ยางอายขนาดนี้” ยวี๋เฟยหมิงยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็แค่ผู้หญิงที่รอให้เขาเล่นจนเบื่อก่อนก็ถูกทิ้ง กลับรู้สึกเหนือกว่าคนอื่นเขาขึ้นมาสักงั้น
“ ชีวิตของพี่วสาวไม่ง่ายเลย อาจเป็นเพราะไม่มีทางเลือกก็ได้คะ” แกล้งทำเป็นใจดี แต่ความเป็นจริงแล้วกลับเหยียบหยามเวินหนิงไปอย่างแรง แต่เวินหลานก็ยังไม่ไว้วางใจ “ พี่เฟยหมิงคะ คืนนี้ฉันไปเยี่ยมท่านปู่และบอกกับท่านให้รู้เรื่องที่ว่าเราสองคนจะแต่งงานกันเร็วๆนี้ ท่านคงจะต้องดีใจมากๆแน่ๆเลยคะ”
ยวี๋เฟงหมิงตอบตกลงแบบใจไม่อยู่กับที่ แม้ว่ากำลังคุยกับเวินหลานอยู่ แต่ความคิดของเขากับไปจู่จงที่ตัวของเวินหนิงอย่างไม่เข้าใจตัวเอง
ท่าทีกิริยาที่เธอเผชิญสู้หน้ากับเขาในวันนี้ ดวงตาของเธอเย็นชา ตัวของเธอดูสวยงามจนใครที่ไหนก็ไม่อาจดูหมิ่นเธอได้ ยวี๋เฟยหมิงไม่เคยคิดว่าเวินหนิงเป็นคนสวยมาก่อน แต่ในแววนั้นกับทำให้เขารู้สึกสวยสะดุดตา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อได้คิดไปว่าถ้าสามารถกดทับร่างผู้หญิงที่ดื้อรั้นไว้ใต้กายมันจะเป็นอย่างไร ยวี๋เฟงหมิงอดคิดไปทางนั้นไม่ได้
ถ้ารู้แต่แรก ก่อนหน้านั้นก็ไม่ควรค่อยๆพัฒนาความสัมพันธ์กับเธออย่างช้าๆ แค่คิดถึงว่าเวินหนิงนั้นถูกผู้ชายคนนั้นครอบครองไปแล้ว ในใจของยวี๋เฟยหมิงก็รู้สึกหงุดหงิดรำคาญขึ้นมา
…
ภายในห้องผู้ป่วย.
หลังจากที่ยวี๋เฟงหมิงเดินจากไป ข้างนอกก็สงบลง เวินหนิงค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย
ลู่จิ้นยวนมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าผ่านแสงไฟฉายอ่อน ๆ ของเขา สีหน้ามืดหมองยากที่จะแยกแยะออก
“เธอกลัวที่จะทำให้เขาโกรธมากเหรอ”
เมื่อกี้ ถ้าใช้เพราะถูกเวินหนิงไม่ดึงเขาเข้ามาก่อน โดยธรรมชาติแล้วลู่จิ้นยวนก็จะต้องสั่งสอนเขาหน่อยอย่างแน่นอน
ดังนั้น เธอจึงกลัวว่าเขาจะทำร้ายผู้ชายคนนั้น คนนั้นที่บอกว่าเป็นคู่หมั้นของเธอ
เวินหนิงเหลือบมองลู่จิ้นยวนทีหนึ่ง สัมผัสที่หกบอกเธอว่าดูเหมือนผู้ชายคนนี้กำลังโกรธอยู่
“ตอนนี้ไฟดับเขามองเห็นหน้าไม่ชัดเจน ถ้าเดียวไฟติดแล้ว เห็นชัดเจนว่าคุณเป็นใคร เรื่องมันเยอะวุ่นวายเปล่าๆ”
เวินหนิงกำลังอธิบายอย่างเป็นจริงเป็นจัง คนอย่างยวี๋เฟยหมิง ชอบคิดว่าตัวเองนั้นหยิ่งยโส อาจจะนำความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไปใส่นมใส่ไข่แล้วไปพูดประจานต่อสังคมภายนอกได้
เวินหนิงไม่อยากสร้างปัญหา ยิ่งไปกว่านั้น ดูยวี๋เฟงหมิงกับเวินหลานกดกันอย่างกับหมาสนุกกว่าเยอะไม่ใช่เหรอ
“เธอกับเขา เป็นคู่หมั้นกันจริงๆเหรอ” ลู่จิ้นยวนยอมรับคำอธิบายของเวินหนิง แต่ก็อดถามไม่ได้
“เคยเป็น แต่ตอนนี้เขาเป็นคู่หมั้นของเวินหลาน เราไม่มีความสัมพันธ์อะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว”
ลู่จิ้นยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาจำได้ว่า ตระกูลยวี๋ได้มีการประกาศพิธีการหมั้นขึ้นอย่างสมเกียรติ และในพิธีหมั้นนั้นก็เป็นเวินหลานมาโดยตลอด หากเขาไม่ได้ยินเรื่องนี้กับหูตัวเองในวันนี้ เขาคงไม่มีทางเชื่อว่าเวินหนิงเคยเป็นคู่หมั้นของเขา
ดังนั้น เป็นเพราะหลังจากที่พี่สาวเข้าเรือนจำแล้วเข้ามาแทนที่พี่สาวของเธอเหรอ
ในมุมมองของลู่จิ้นยวนที่มีต่อเวินหนิงยิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในโลกนี้มีผู้ชายมากมาย แต่ดั้งจะมาเป็นคู่สร้างคู่สมกับอดีตพี่เขย …ถ้าจะบอกว่าบังเอิญ มันเป็นเรื่องบังเอิญที่ไม่น่าเชื่อจนเกินไป
เพียงแค่ว่า ลู่จิ้นยวนกลับไม่เห็นความรู้เศร้าเสียใจกับเรื่องนี้บนใบหน้าของเวินหนิงเลย ซึ่งทำให้ความรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยของเขาเมื่อกี้นั้นลดลงไปบ้าง
อย่างไรก็ตาม คนอย่างยวี๋เฟงหมิงที่น่ารำคาญเหมือนแมลงวันต้องไล่ออกไปไกลๆถึงจะดี …
ขนาดที่กำลังคิด ผู้ชายพึ่งตระหนักได้ว่าไฟในห้องยังคงไม่สว่าง อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ เกิดอะไรขึ้น ไฟดับเหรอ”
โรงพยาบาลแห่งนี้มีหุ้นของบริษัทตระกูลลู่อยู่เช่นกัน ค่ารักษาสูงมาก เป็นโรงพยาบาลชั้นนำแห่งหนึ่งในเมืองเจียงเฉิงของผู้มีฐานะระดับสูง มุมมองลู่จิ้นยวนทีเป็นเจ้านายคนหนึ่ง รู้สึกว่าเหตุการณ์แบบนี้เป็นความผิดพลาดที่ต่ำมากและไม่ควรใช้เวลาการซ่อมแซมนานขนาดนี้
“น่าจะใช่คะ น่าจะมีคนไปซ่อมแล้ว ไม่งี้นฉันออกไปดูหน่อย … ” เวินหนิงค่อยๆชินกับความมืดแล้ว แต่เธอกลัวว่าลู่จิ้นยวนจะหมดความอดทน ดังนั้นเธอจึงคิดว่าจะออกไปตามหาคน.
ขณะกำลังจะออกไป ทันใดนั้นไฟฉายที่เปิดไว้ตลอดก็กระพริบไปสองครั้ง ดูเหมือนแบตจะหมด เวินหนิงที่จมดิ่งในความมืด โดยไม่สังเกตเห็นถ้วยชาที่จัดวางอยู่บนโต๊ะตรงหน้ากระแทกเข้าไปชนทีหนึ่ง จากนั้นร่างกายของเธอก็เสียความสมดุล.
เวินหนิงกรีดร้องโดยไม่รู้ตัว โดยสัญชาตญาณที่พยายามใช้มือคว้าบางอย่าง ลู่จิ้นยวนมือเร็วตาไหว ยืนมือไปดึงผู้หญิงที่สั่นโยโย้กลับมา ดึงเข้ามายังอ้อมแขนของเขา
การเคลื่อนไหวของเหวินหนิงหยุดลงชั่วขณะ จนกระทั่งได้ยินเสียงเต้นของหัวใจที่มั่นคงและทรงพลังดังขึ้นที่หูจากหน้าอกของผู้ชาย เธอจึงรีบถอยหลังไปสองก้าวอย่างรวดเร็วอย่างกับพึ่งตื่นจะฝันร้าย
เธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ลู่จิ้นยวนคงไม่คิดว่าเธอกำลังเสนอตัวเพื่อยั่วยวนเขาใช่ไหม
“ อย่าขยับ”
เมื่อลู่จิ้นยวนเห็นว่าเวินหนิงยังคงดื่อไม่ฟัง จึงทำเสียงขู่ออกมา ข้างๆเธอไม่ไกลก็คือโต๊ะถ้วยชา มีมุมกระจกที่แหลมคม ถ้าหากขยับไปโดนมันคงไม่ใช่เรื่องตลกแน่นอน
“ไม่ ฉัน … ” เวินหนิงสะดุ้งเล็กน้อย เธอรู้สึกได้ถึงการเต้นของหัวใจตรงหน้าอกซ้ายของเธอนั้นเต้นแรงจนแทบหายใจไม่ออก
เวินหนิงกำลังอยากจะบอกให้ลู่จิ้นยวนปล่อยตัวเธอ ไฟในห้องก็กระพริบขึ้นมาสองครั้ง ดูเหมือนไฟกำลังจะกลับมาเป็๋นปกติ
เวินหนิงถอนหายใจอย่างโล่งอก เหลือบมองไปที่โต๊ะถ้วนชาที่เกือบจะสะดุดเธออยู่ไม่ไกลตัวด้วยความรู้สึกหวาดกลัวไปชั่วขณะ
เมื่อกี้ ถ้าไม่ใช่เพราะลู่จิ้นยวนรวดเร็วว่องไว คาดว่าเธอคงจะกระแทกชนไปทั้งตัวแล้ว ถ้าหากไปกระแทกชนตรงหัวแล้วล่ะก็ คงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่
“ขอบคุณค่ะ” ขณะที่เวินหนิงพูดใบหน้าก็แดงขึ้นอย่างลูกตำลึง เพราะเมื่อกี้มืดสนิทเธอเห็นไม่ชัดเจนว่าพวกเขาอยู่ในท่าอะไร รู้สึกได้เพียงอุณหภูมิร่างกายของผู้ชายและกลิ่นตัวที่อยู่รอบตัวเธอ
ตอนนี้มีแสงไฟแล้ว จึงตระหนักได้ว่าเป็นท่าที่คนรักกันเขาชอบทำกัน เวินหนิงอยากผลักลู่จิ้นยวนออกไปทันที แต่ว่า กำลังจะผลัก หนังศีรษะเจ็บจี๊ดขึ้นมาอย่างกับเส้นเอ็นถูกดึงอยู่