เธอไม่กล้ามองไปเรื่อย เวินหนิงรีบเข้าไปเอาผ้าขนหนูในห้องน้ำมาส่งให้ลู่จิ้นยวน
ลู่จิ้นยวนหยิบหนังสือมานั่งอ่านอยู่ จึงไม่ได้ยื่นมือไปรับ ทำให้เวินหนิงเกิดความลำบากใจเล็กน้อย
“เช็คผมให้ฉัน” ลู่จิ้นยวนเห็นเธอยืนนิ่งไม่ไหวติง ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
“คะ ได้ค่ะ” เวินหนิงแปลกใจเล็กน้อย ลู่จิ้นยวนปกติกเกลียดเธออย่างกับอะไร นี่กลับให้เธอเช็คผมให้ มันดูผิดปกติกมาก
แต่ในเมื่อลู่จิ้นยวนสั่ง เธอก็ต้องทำตาม
ชายหนุ่มนั่งอยู่บนขอบเตียงทำให้เธอต้องถอดรองเท้าแล้วขึ้นไปนั่งคุกเข่าอยู่ด้านหลังเขาเพื่อเช็คผมที่เปลียกและดำสนิทของเขา
เวินหนิงใช้มือเช็คผมให้เขาอย่างเบามือและระมัดระวังมาก แต่เนื่องจากว่าลู่จิ้นยวนตัวสูงใหญ่กว่าเธอ ทำให้เธอต้องยืดตัวตรงไว้ตลอดเวลา
ที่น่าอึดอัดกว่านั้นคือ ถ้าเธอไม่ระวังตัวเธออาจจะชนเข้ากับหลังของชายหนุ่มได้ และถ้าเกิดเป็นแบบนั้นขึ้นมาจริง ลู่จิ้นยวนต้องเยาะเย้ยถากถางเธอเป็นแน่ เวินหนิงจึงต้องคอยระมัดระวังอย่างยิ่งยวด
บวกกับในห้องได้เปิดแอร์ไว้ เวินหนิงเช็คไปครู่เดียวก็เหนื่อยจนเหงื่อออก
ลู่จิ้นยวนรู้สึกว่าเธอเช็คเบาลงเรื่อยๆ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะปิดหนังสือลงแล้วขยับตัวไปทางด้านหลังทำให้หลับเขาชนเข้ากับตัวของเวินหนิงที่พยายามรักษาระยะห่างไว้พอดี
เวินหนิงสะดุ้งตกใจ เรื่องที่เธอกลัวเกิดขึ้นจนได้ ตอนนี้เธอรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย “คือ ฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะ!”
ลู่จิ้นยวนจากที่กำลังอารมณ์ดี ถูกอาการตกใจเหมือนกระต่ายน้อยของเธอทำมลายหายไปสิ้น
“เธอกลัวฉันมากเหรอ?”
เมื่อกี้เขาเป็นคนขยับตัวไปชนเธอเอง ทำไมเวินหนิงต้องตกใจขนาดนี้?
“………” เวินหนิงไม่รู้จะตอบยังไง คาดว่าวันนี้ลู่จิ้นยวนจะอารมณ์ดีไม่น้อย ไม่งั้นคงโดนเขาต่อว่าเธอว่าจงใจอ่อยผู้ชายอีก
“ดูเหมือนจะแห้งแล้ว ฉันไม่ต้องเช็คแล้วใช่มั้ยคะ?”
เวินหนิงถามขึ้นเบาๆ ให้เธอไปทำงานกวาดพื้นเช็คโต๊ะ ยังดีกว่าต้องมาทำอะไ่รที่ต้องใกล้ชิดแนบแน่นกับลู่จิ้นยวนแบบนี้
ไม่เหนื่อยกาย แต่เหนื่อยใจ
“อืม ” ดีที่ลู่จิ้นยวนไม่ทำให้ต้องลำบากใจ เวินหนิงจึงโล่งใจไปได้ปอกหนึ่ง พอเห็นว่าชายหนุ่มกำลังจะเปลี่ยนเสื้อ เธอก็ตั้งท่าจะรีบหลบออกไป
“จะไปไหน?” ลู่จิ้นยวนยังจำเรื่องที่เธอคุยสายเมื่อกี้ได้
น่าจะเป็นเหอจื่ออันที่โทรฯมาชวนเธอออกไปข้างนอก ไม่ยอมตายใจจริงๆ
“ก็ วันนี้ที่บ้านจะมีงานเลี้ยงไม่ใช่เหรอคะ? ฉันน่าจะต้องหลบออกไปก่อนมั้ยคะ?”
เวินหนิงไม่ได้คิดถึงเรื่องของเหอจื่ออัน แต่เพราะวันนี้ที่บ้านตระกูลลู่จะจัดงานเลี้ยงฉลองที่ลู่จิ้นยวนรู้สึกตัวฟื้นคืนมา น่าจะมีคนมีชื่อเสียงในหลายวงการมาร่วมงานมากมาย เธออยู่ในฐานะที่ไม่ชัดเจนแบบนี้ก็ไม่อยากไปเข้าไปมีส่วนร่วม
“ไม่ต้อง เธออยู่ในบ้านไป ฉันมีงานจะให้เธอทำ” ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาไม่สนใจว่าเวินหนิงยังยืนอยู่ในห้อง เขาถอดเสื้อคลุมอาบน้ำออก ก่อนเดินไปอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า
เวินหนิงที่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ต้องตกใจกับการกระทำของลู่จิ้นยวน
ชายหนุ่มมีกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งแต่ไม่ได้ดูใหญ่โตเป็นมัด สองขาแกร่งและยาวโชว์ให้เห็นอยู่ตรงหน้า เธอหน้าแดงรื่นขึ้นมาทันที
ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เดือนกว่ามานี้ลู่จิ้นยวนฟิตร่างกายมากขึ้น ทำให้หุ่นดูแตกต่างจากครั้งที่นอนอยู่บนเตียงไม่น้อย ดูเต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นชาย
ลู่จิ้นยวนเห็นเวินหนิงยืนก้มหน้าอยู่ ใบหน้าขาวนวลเห่อแดงอย่างเห็นได้ชัด ลามไปจนถึงติ่งหูใสๆด้วย เขารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาทันใด
“ยังไงก็ตาม วันนี้เธอห้ามออกจากบ้านตระกูลลู่เด็ดขาด ได้ยินมั้ย?”
เขาไม่มีวันให้เวินหนิงกับเหอจื่ออันได้มีโอกาสอยู่ด้วยกัน
“ค่ะ” เวินหนิงพยักหน้า
ถึงจะไม่เข้าใจว่าลู่จิ้นยวนให้เธออยู่ทำไม แต่ในเมื่อเขาสั่งให้อยู่ เธอก็คงไปขัดอะไรเขาไม่ได้
………..
งานเลี้ยงจัดที่บ้านตระกูลลู่ งานเริ่มช่วงค่ำ ถึงแม้จะบอกว่าเป็นแค่งานเลี้ยงเล็กๆ แต่คนที่มากลับไม่น้อยเลย
เพราะถึงยังไงแล้ว ตระกูลลู่ก็เป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเจียงเฉิน แล้วยังเป็นงานเลี้ยงฉลองให้กับทายาทบ้านตระกูลลู่อีก ดังนี้นคนมีชื่อเสียงส่วนใหญ่ก็มาหมด แม้กระทั้งคนที่ไม่ได้รับเชิญก็ยังมาร่วมยินดีด้วย เพื่อต้องการสานสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลลู่
งานเลี้ยงแบบนี้ ย่อมไม่เกี่ยวอะไรกับเวินหนิงอยู่แล้ว
เธอยืนอยู่ชั้นสอง มองดูสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีในงานเลี้ยงกลางแจ้งที่ต่างก็พากันมาเพื่อลู่จิ้นยวน
คืนนี้ลู่จิ่นหยวนสวมชุดสูทสีดำที่ตัดเย็บอย่างปราณีต ทำให้รูปร่างที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้วยิ่งดูมีเสน่ห์มากขึ้น ด้วยใบหน้าที่นิ่งขรึมให้ความรู้สึกที่เข้าถึงยาก ยิ่งทำให้เขาดูเป็นคนที่มีความลึกลับน่าค้นหา
มีความลึกลับน่าค้นหาและมีอำนาจ ผู้ชายแบบนี้ต้องเขย่าหัวใจคนมาไม่น้อยแน่?
แน่นอนคนที่มาในงานเลี้ยงต่างก็อดทนรอกันได้ไม่นาน ต่างพากันเข้าไปทักทายเขา
“คุณชายลู่ นี่เป็นลูกสาวผม เพิ่มเรียนจบมาจากเมืองนอก ได้ข่าวว่าคุณหายดีแล้ว เลยตั้งใจมาเยี่ยมคุณ”
“คุณชายลู่ นี่เป็นน้องสาวฉัน……”
“คุณชายลู่……”
เวินหนิงมองดูภาพในงานด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะยกเครื่องดื่มในมือขึ้นดื่ม
เพราะมีงานเลี้ยง เธอจึงลอยได้กินของอร่อยที่ทางบ้านตระกูลลู่ตั้งใจจัดเตรียมไว้ด้วย
เซี่ยเหลียนที่กำลังยุ่ง เงยหน้าขึ้นมาเห็นเวินหนิงเข้าพอดี เนื่องจากเธอหลบมุมอยู่บนชั้นสอง ทำให้เห็นสีหน้าเธอไม่ชัดเจนนัก
คิดว่า ตอนนี้ในใจเธอน่าจะเจ็บจี๊ดเหมือนมีมดหลายพันตัวกัดด้วยความอิฉาเป็นแน่
คิดได้แบบนี้เซี่ยเหลียนก็มีสีหน้าได้ใจขึ้นมา จนหาจังหวะขึ้นไปยันชั้นสอง “เป็นไงบ้าง เห็นคุณชายถูกล้อมหน้าล้อมหลังไปด้วยคุณหนูตระกูลสูงส่งมากมาย คงเสียใจน่าดู”
เวินหนิงมองหน้าผู้หญิงตรงหน้าที่ทำสีหน้าซะใจแล้ว ในใจกลับรู้สึกจนคำพูด
ตรงไหนกันที่ทำให้เธอรู้สึกว่าเธอกำลังทุกข์ใจอยู่ เรื่องแบบนี้ก็รู้กันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?
เธอไม่ได้ไร้เดียงสาถึงขนาดจะคิดไปเองว่าแค่ใบทะเบียนสมรสใบเดียวจะทำให้ลู่จิ้นยวนมีแค่เธอคนเดียว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนอีก
ผู้ชายแบบนี้ การแต่งงานย่อมต้องพ่วงด้วยผลประโยชน์มากมาย เวินหนิงไม่มีวันนั่งเพ้อฝันอะไรแน่
“ไม่แน่นอน ฉันไม่มีทางมานั่งเพ้อฝันอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้”
“ว่าแต่เธอเถอะ เธอคงไม่คิดจะไปเทียบชั้นกับกลุ่มผู้หญิงที่สูงส่งทั้งชาติตระกูลและการศึกษาหรอกนะ? สบายใจได้ เขากับฉันต้องหย่ากันแน่ แต่คนต่อไปที่จะแต่งกับเขาก็ไม่มีวันเป็นเธอ”
เวินหนิงมองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉยแวบหนึ่ง เซี่ยเหลียนชอบหาเรื่องประชดประชันเธออยู่เรื่อย เวินหนิงเองก็ไม่คิดจะไว้หน้าเธอเหมือนกัน
พูดเสร็จ เวินหนิงก็หยิบขนมขึ้นมานั่งกินอย่างสบายใจ ดูไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร
เซี่ยเหลียนมองดูเธอที่ทำท่าไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรแล้ว รู้สึกขัดเคืองในใจอยู่ไม่น้อยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ขณะเดียวกันนั้น ก็มีเสียงคนพลุกพล่านดังขึ้นจากทางประตู เวินหนิงมองออกไปทางงานเลี้ยงเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่เธอไม่รู้จัก และลู่จิ้นยวนที่ดูไม่สนใจอะไรในตอนแรก ก็มีท่าทางเคร่งขรึมขึ้นมาทันที