เหอจื่ออันอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนเขาจะนึกขึ้นได้ จากนั้นก็กระแอม จิบน้ำเพื่อลดความประหม่า
เนื่องจากทั้งสองคุยกันอย่างเก่กังๆ จากนั้นเหอจื่ออันก็ได้รับการติดต่อให้ออกไปข้างนอก เวินหนิงก็ถือโอกาสลุกขึ้นเพื่อจากไป
“ฉันจะไปส่งคุณเอง” เหอจื่ออันหยิบกุญแจรถพร้อมเสนอเพื่อที่จะส่งเธอกลับบ้าน
เวินหนิงส่ายหัว “คุณมีสิ่งที่ต้องทำ ไม่ต้องไปส่งฉันหรอกค่ะ”
นอกจากนี้ เธอไม่ต้องการให้รู้ว่า เธออาศัยอยู่ในบ้านของลู่จิ้นยวนด้วยเพราะมันจะอธิบายค่อนข้างยาก
เหอจื่ออันเห็นเธอเก็บของอย่างรวดเร็วแล้วหันกลับมากล่าวอำลา ผู้หญิงอย่างเวินหนิงที่ไม่ถ่อมตัวหรือเอาแต่ใจนั้นสำหรับเขานั้นหายาก
เขาค่อนข้างอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับเธอ
เวินหนิงรอรถประจำทางที่ป้ายรถเมล์ สักพักรถสปอร์ตคันหรูก็มาหยุดตรงหน้าเธอ “มาเถอะ ฉันไม่รีบ ไม่รู้ว่าเธอต้องรออีกนานแค่ไหน”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวรถก็มาแล้ว คุณไปทำงานของคุณเถอะค่ะ”
เมื่อเห็นเธอยืน เหอจื่ออันก็ลงจากรถ คว้าข้อมือเวินหนิงบังคับให้เธอขึ้นรถ “ มันผิดหลักการของฉันที่เติบโตมาโดยไม่ไปส่งผู้หญิงกลับบ้านน่ะสิ ไปเถอะ ฉันไปส่งคุณ……”
“ปี๊นนนน”
ระหว่างที่เขากับลังดึงอีกคน ก็มีเสียงบีบแตรรถทำให้เหอจื่ออันหยุด
เหอจื่ออันขมวดคิ้วและมองไปเห็นรถสปอร์ตที่โฉบเฉี่ยวกว่าที่เขาขับในวันนี้มาจอดอยู่ตรงหน้าเขา
Rolls-Royce Phantom Global Limited Edition ในเมืองเจียงคงมีไม่กี่คัน แต่ฉันไม่คิดว่าจะได้พบที่นี่
เวินหนิงก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงที่บีบแตรดังมา เธอหันหน้าไปมองคนที่นั่งคนขับ พลันก็ตกใจกลัว
ลู่จิ้นยวน?
เขามาที่นี่ได้ยังไง?
ท่าทางลุกลี้ลุกลนของเวินหนิงตกอยู่ในสายตาของลู่จิ้นยวนและคงมีเพียงไม่กี่คำเท่านั้นที่สามารถอธิบายได้ นั่นคือความรู้สึกผิด
เขาลดหน้าต่างลงด้วยใบหน้านิ่ง “ขอโทษที รถของคุณดูเหมือนจะจอดในที่ที่ไม่ควรอยู่”
เหอจื่ออันขมวดคิ้วเมื่อเห็นลู่จิ้นยวน ดวงตาของเขาฉายแววไม่พอใจเมื่อเห็นพฤติกรรมนี้ที่ไม่ไว้หน้าเขาต่อหน้าผู้หญิง
ลู่จิ้นยวนและเขากำลังพยักหน้าให้ ทั้งสองคนรู้จักและเคยพบกันหลายครั้ง
“ไปเถอะ ฉันจะส่งคุณกลับเอง”
แน่นอนว่าเวินหนิงยิ่งไม่อยากขึ้นรถ ดวงตาของลู่จิ้นยวนหยุดที่เธอ ราวกับมีดที่คอยทิ่งแทง “ไม่ดีกว่าค่ะ คุณรีบไปเถอะค่ะ”
เมื่อเห็นคนทั้งสองยังชักช้า ลู่จิ้นยวนก็พูดอย่างเย็นชา “คุณ คนอื่นไม่เต็มใจแล้วทำไมคุณดื้อดึง?”
ตอนนี้เหอจื่ออันเริ่มชักสีหน้าเล็กน้อย “ตอนนี้ฉันขับรถไปด้านหลัง เวินหนิงรอฉันแปปนะ”
หลังจากพูดจบเหอจื่ออันก็เคลื่อนรถออกไป แต่จากนั้นลู่จิ้นยวนก็เหยียบคันเร่งชนรถอีกคัน
“นี่คุณบ้าไปแล้วเหรอ?” เวินหนิงผงะ แม้ว่าจะไม่มีมีใครเป็นอะไร แต่รถสองคันนี้ก็เป็นรถหรู ชนนิดเดียวคงหมดไปหลายหมื่น
เห็นได้ชัดว่าเหอจื่ออันไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ เขาลงจากรถ ขมวดคิ้วมองไปยังตำแหน่งที่โดนชน ลู่จินหยวนพูดอย่างเย็นชาว่า “ชนแค่เล็กน้อย แต่คนที่คุณเหอไม่ควรเข้าใกล้นี่สิเรื่องใหญ่ ”
เหอจื่ออันที่ได้อย่างนั้นก็ถาม “คุณหมายความว่ายังไง”
เวินหนิงใบหน้าเริ่มซีด เธอไม่ต้องการให้ลู่จิ้นยวนพูดอะไรที่ไม่ดีต่อหน้าเหอจื่ออัน
เธอไม่ต้องการคนที่ยอมรับเธอให้กำลังใจเธอมาเกลียดตัวเองแบบนี้
“คุณ คุณรีบไปเถอะค่ะ!”
เวินหนิงดึงเสื้อเหอจื่ออันให้รับไป ไม่หวังว่าเขารอฟังต่อ
“ความหมายก็คือ … ” ยิ่งเห็นท่าทางและใบหน้าที่เป็นกังวลของเวินหนิง ลู่จิ้นยวนก็รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น
เธอจะกังวลเรื่องอะไร? เพราะกลัวว่าเขาจะบอกความจริง ทำให้ผู้ชายที่หามาเกลียดเธองั้นเหรอ?
หน้าด้านจริงๆ
“บางคนดูเหมือนจะไร้เดียงสา ไม่เป็นอันตราย แต่ก็ไม่รู้ว่าในใจของพวกเขาสกปรกแค่ไหน ฉันแค่อยากจะแนะนำคุณเหอว่าอย่าหลงกลจะดีกว่า”
เสียงของลู่จิ้นยวนเหมือนจะดูราบเรียบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สำหรับเวินหนิงมันน่ากลัว
ในเวลานี้ไม่ว่าเหอจื่ออันจะรู้สึกยังไง เต่เขารู้ว่าลู่จิ้นยวนหมายถึงอะไร โดยเฉพาะเมื่อเขาเห็นสีหน้าของเหวินหนิงเขาก็เข้าใจทั้งหมดในคราวเดียว
เมื่อมองไปที่ไหล่ที่สั่นเทาของเวินหนิง เหอจื่ออันก็มีความคิดที่อยากจะปกป้องเธอ “ฉันคิดว่า ถ้าอยากเข้าใจคนๆนึง ก็ต้องเข้าหาด้วยตัวเอง คุณลู่เอาคำพูดนั้นไปบอกคนอื่นเถอะครับ”
ลู่จิ้นยวนมองไปที่เวินหนิงที่ผู้ชายอีกคนกำลังช่วย ดวงตาของเขาหรี่ลง “เป็นงั้นใช่มั้ย?”
เสียงของลู่จิ้นยวนกดต่ำลงอย่างจงใจและเวินหนิง รับรู้ได้ถึงความโกรธของเขา ถ้ายิ่งโกรธชายคนนี้คงไม่ไว้หน้าแน่
เวินหนิงกระซิบกับเหอจื่ออันเบาๆ “คุณเหอคะ คุณไปก่อนเถอะค่ะ…ถือว่าฉันขอร้อง”
เหอจื่ออันไม่ได้ต้องการจากไป แต่เมื่อเขาหันไปเขาก็เห็นแววตาของเวินหนิงที่ทำอะไรไม่ถูก นั่นทำหัวใจของเขาก็อ่อนยวบ “ คุณไม่เป็นไรจริงๆเหรอ?”
เวินหนิงพยักหน้าให้ และในที่สุดเหอจื่ออันก็กลับเข้าไปในรถด้วยความโกรธ
เมื่อลู่จิ้นยวนเห็นเขาจากไป แต่ความโกรธก็ยังไม่จางหายไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเวินหนิงมองไปที่เหอจื่ออัน เขาไม่พอใจมากขึ้นและเหยียบคันเร่ง
เวินหนิงเหลือบเห็นเงารถสีฟ้าแล่นผ่านมาด้วยความเร็ว ก็ตกใจและถอยหลังเพื่อหลีกเลี่ยง
เธอเกือบถูกรถชนแล้วนะ!
เวินหนิงรู้สึกว่าขาของเธออ่อนแรง เธอรู้สึกหวาดกลัวที่เห็นรถพุ่งเข้ามา
จะมีใครบ้าได้ขนาดนี้กัน?
เวินหนิงที่นั่งพักที่ป้ายรถเมล์สักพัก ไม่นานเธอก็มีรถบัสที่จะไปถึงบ้านของตระกูลลู่
……
เวินหนิงเหลือบมองไปที่โรงรถ ก็ยังไม่เห็นรถคันนั้น ลู่จิ้นยวนคงจัยังไม่กลับมา
เมื่อเห็นเธอ เซี่ยเหลียนก็ยิ้มอย่างขบขัน “คุณผู้หญิงกลับมาแล้วเหรอคะ คุณผู้ชายดูเหมือนโกรธทุกอย่างที่คุณทำเลยนะคะ”
เวินหนิงเหลือบมองอีกคน เห็นแววตาของเธอ เซี่ยเหลียนคนนี้สุภาพกับเธอมาตลอด ทำไมเธอถึงไม่ยอมปล่อยเธอไป ทำให้เรื่องถึงทำเรื่องให้มันยุ่งยากด้วย?
“หึ วันหนึ่งคุณผู้ชายคงได้ธาตุแท้ของคุณแล้วไล่คุณออกไป” เมื่อเห็นว่าเวินหนิงโต้เถียง เซี่ยเหลียนก็พูดต่อ
“เธอคิดว่า ถ้าฉันออกไป เธอจะสามารถขึ้นมาแทนที่ฉันได้เหรอ” เวินหนิงมองการกระทำ และเหมือนจะสังเกตเห็นบางอย่าง
เป็นไปได้ไหม ว่าที่เธอเป็นแบบนี้เพราะรู้สึกดีกับลู่จิ้นยวน?
“คุณ! คุณกำลังพูดถึงอะไร”
เมื่อเห็นเซี่ยเหลียนโมโห เวินหนิงก็ยืนยันได้ทันที
ไม่ว่ายังไง เวินหนิงก็คิดว่า ลู่จิ้นยวนคงไม่แต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่คู่ควรหรอก