ตั้งแต่ที่เคยกลับไปที่ตระกูลเวิน เถ้าแก่ก็ไม่ได้กักบริเวณเวินหนิงอีกเลย
เวินหนิงก็เข้าใจไม่ว่าเธอจะไปถึงที่ไหน ตระกูลลู่ก็สามารถตามตัวเธอกลับมาได้ แล้วตอนนี้เธอก็รู้แล้วด้วย นอกจากตระกูลลู่ ไม่มีที่ไหนที่เธออยู่ได้อีกแล้ว
นี่สินะเป็นอำนาจของหัวหน้าครอบครัว ทั้งๆที่ไม่ได้กักบริเวณแต่ก็รู้สึกถึงโซ่ล่ามตัวเองอยู่ตลอดเวลา หนีไม่พ้นเลยด้วยซ้ำ
แต่ไม่ว่ายังไง ที่เวินหนิงสามารถไปมาได้อย่างอิสระก็เป็นเรื่องดีสำหรับเธอ เวินหนิงที่ได้รับอิสระก็ซื้อโทรศัพท์ให้ตัวเองแล้วลงทะเบียนซิมด้วย ลังเลไปครู่หนึ่งก่อนจะพิมพ์ข้อความแล้วส่งไปที่หมายเลขที่จำได้ขึ้นใจ
ไม่ถึงนาทีก็มีโทรศัพท์โทรมา “เวินหนิงอะไรของเธอเนี่ย ฉันต้องโทรไปที่เรือนจำค่อยรู้ว่าเธอออกมาล่วงหน้า หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเธอไปไหนค่อยนึกถึงติดต่อฉัน รู้หรือเปล่าว่าฉันหาเธอจนแทบจะบ้าแล้ว!”
เสียงของไป๋อี้อันลอยออกมาจากโทรศัพท์ ในใจเวินหนิงก็รู้สึกอบอุ่น
ตอนนั้นที่เธอยอมรับผิดแทนเวินหลานไม่มีใครเชื่อเธอเลย มีแค่ไป๋อี้อันยืนอยู่ข้างเธอ จากนั้นเวินหนิงเกือบจะโดนกระทืบตายในเรือนจำก็เป็นเพราะเขา เขาทำการแลกเปลี่ยนไปเรียนต่างประเทศเพื่อที่จะมารับช่วงต่อบริษัทกับตระกูลก็เพื่อรักษาชีวิตเธอไว้
ถ้าไม่มีเขา ก็คงไม่มีเวินหนิงในตอนนี้
เวินหนิงยิ้มอ่อน “เรื่องนี้ก็โทษฉันไม่ได้ ที่ฉันออกมาได้ก็แค่ความบังเอิญ ฉันเคยโทรหาเบอร์ในประเทศของนายแล้วแต่ว่าไม่มีใครรับแล้วเบอร์ต่างประเทศของนายฉันก็หาไม่เจอด้วย”
“ออกมาเถอะ พอฉันได้ข่าวก็หาข้ออ้างรีบกลับประเทศทันที ไปกินข้าวด้วยกันเถอะ”
พอถึงที่นัดหมาย เวินหนิงก็เห็นไป๋อี้อันนั่งรออยู่แล้ว เมื่อเห็นเธอ เขาก็เดินมาแล้วกอดตัวเธอไว้แน่น “เธอลำบากแย่เลย”
เวินหนิงส่ายหน้า “ผ่านไปแล้ว”
ไป๋อี้อันมองไปที่เวินหนิงด้วยสายตาเป็นห่วง เธอดูโทรมไปมากคงจะลำบากในนั้นมาไม่น้อย
“อย่าพูดถึงเลย กินข้าวเถอะ” เวินหนิงไม่อยากให้การพบเจอกันครั้งนี้ดูเครียดเกินไปก็เลยเอ่ยขึ้น
ทั้งสองนั่งลง กินไปด้วยแล้วพูดคุยเกี่ยวกับช่วงที่ผ่านมา
“เธอแต่งงาน……กับ?” ไป๋อี้อันอยากจะกินจานเข้าไปด้วย ลู่จิ้นยวน ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้จัก แต่แค่ผู้ชายคนนั้นลึกลับเกินไปแล้วอันตรายมากด้วย
เขาเป็นเสือแล้วเหยื่อทั่วไปคงจะถูกเขากลืนเข้าไปทั้งกระดูก
“หนิงหนิง เธอรีบหย่า คนนั้นไม่ใช่คนที่เธอจะไปยุ่งด้วยได้ ฉันจะให้เธอไปต่างประเทศ ไปต่างประเทศแล้วเธอเริ่มต้นใหม่!”
“ไม่ได้ ที่ฉันออกมาจากคุกได้ก็เป็นเพราะตระกูลลู่ ถ้าฉันหนีไปนายคิดว่าพวกเขาจะปล่อยฉันไว้เหรอ?”
สายตาของไป๋อี้อันหม่นหมองลงไป อำนาจของตระกูลลู่เขารู้ดี ตระกูลไป๋ไม่มีทางต่อกรได้เลย
“ขอโทษหนิงหนิง ผมไม่เอาไหนก็เลย……”
“เปล่าหรอก ถ้าไม่มีนาย ตอนนี้จะยังมีฉันอยู่อีกหรือเปล่าก็ไม่รู้” เวินหนิงกุมมือไป๋อี้อันไว้ “ไว้ใจเถอะ ฉันไม่เป็นไร ดูเหมือนว่าตระกูลลู่ก็ไม่อยากได้ชีวิตฉันแค่นี้ก็พอแล้ว”
“ไว้ใจเถอะ ฉันยังจะต้องแก้แค้นไม่เอาชีวิตตัวเองมาล้อเล่นหรอก ถ้าตายไปก็คงไม่เหลืออะไรแล้ว” เมื่อเวินหนิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้วเข้มเลยปลอบใจ
เวินหนิงแกล้งยิ้มอย่างสบายใจ แต่อยู่ๆก็รู้สึกว่ามีสายตาแหลมคมกำลังจ้องมองมาที่เธอ เหมือนกับว่าจะแทงทะลุจนเธอเสียวสันหลัง
เมื่อเธอหันกลับไปมองดูก็ไม่เห็นเลยว่าใครกำลังใช้สายตาแบบนี้มองเธออยู่
มองไปรอบๆ ลางสังหรณ์ไม่ดีในใจก็พุ่งขึ้นมาเรื่อยๆ พอหันกลับมาโทรศัพท์เครื่องใหม่ก็ดัง บนนั้นแสดงหมายเลขของคนแปลกหน้า
พอเวินหนิงรับก็มีเสียงที่เยือกเย็นลอยออกมา “เวินหนิง สเต็กที่ไอ้หน้าอ่อนตักให้เธออร่อยไหม?”
เวินหนิงอึ้งไปแล้วมองไปที่ไป๋อี้อัน ตอนนี้เขากำลังนำสเต็กที่หันเสร็จในจานของตัวเองแล้วเอามาให้เวินหนิง
เธอลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหันจนเก้าอี้ล้มแล้วเบิกตามองไปรอบๆ “นายจับตามองฉัน!”
ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นแอบมองจากที่มืดทำให้เวินหนิงรู้สึกเกร็ง เวินหนิงอยู่ในที่สว่างแล้วอีกฝ่ายอยู่ในที่มืด เธอไม่รู้เลยว่าเขามาอยู่ข้างกายเธอเมื่อไหร่ จะโผล่มาเมื่อไหร่แล้วทำให้เธอตกใจขนาดไหน
แม้แต่โทรศัพท์ของเธอก็รู้ หรือว่าแม้แต่เธออยู่ที่ไหนพูดอะไรทำอะไรเขาก็รู้หมด!
ขณะที่กำลังตกใจกลัว เสียงของผู้ชายที่เยือกเย็นก็ดังอีกครั้ง “กล้าแอบผมมาเดทกับไอ้หน้าอ่อน เวินหนิง ความอดทนของผมหมดไปกับคุณแล้ว เราเจอกันคืนนี้!”