บทที่ 7 มุ่งหน้าสู่ลาเมอร์ (2)
ในวันรุ่งขึ้น หลังจากสวดมนต์เสร็จ มารอนหัวหน้านักบวชก็ได้ทำการเข้าพบกับหัวหน้าพ่อบ้านฮานส์และถามเขาด้วยความกังวลที่เขียนอยู่บนใบหน้าเขา
“แม้ว่านายน้อยจะบอกว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้เอง.. แต่มันจะมีทางใดกันที่จะทำให้เขาสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้”
พ่อบ้านฮานส์ถอนหายใจและส่ายหัว
“ข้าจะไปรู้ได้ยังไงกัน”
“หรือบางทีนายน้อยอาจจะมีทุนสำรองที่ครอบครัวมอบให้เขาเอาไว้กัน”
“ไม่.. ถ้ามีมันจริงๆเขาก็คงใช้มันไปนานแล้ว”
ที่ดินของไวท์เคานต์รากันต์เป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์อย่างแท้จริงแม้จะมีที่ดินที่กว้างใหญ่แต่บริเวณส่วนใหญ่นั้นเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่า มันไม่สามารถใช้เพื่อทำการเกษตรได้ และการที่ดินที่ตั้งอยู่บริเวณขอบของจักรวรรดิก็ทำให้การคมนาคมเป็นไปไม่ค่อยสะดวกและเศรษฐกิจก็เติบโตไปอย่างเชื่องช้า
ที่ดินผืนนี้ไม่มีแม้กระทั่งกับระเบิดหรือกองกระดูก…
สถานที่ท่องเที่ยวแห่งเดียวในบริเวณนี้คือ ปราสาทราชาปีศาจ มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ร้านอาหารและที่พักสามารถสร้างรายได้ได้
และนั่นคือสถานที่เดียวที่ทำให้ที่ดินของรากันต์มีรายได้อย่างต่อเนื่อง
การฝึกอบรมทหารก็เริ่มลดน้อยลง ที่อยู่อาศัยของประชาชนก็เริ่มเสื่อมโทรมและชำรุด
“ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว การชำระหนี้มันจะยังพอเป็นไปได้ไหม?”
บริษัทอาลอนนั้นค่อนข้างจะมีชื่อเสียงในเรื่องของการทำธุรกรรมทางการเงินที่เข้มงวด หากพวกเขาทำการชำหนี้หรือดอกเบี้ยช้าไปเพียงเล็กน้อย หลักประกันที่พวกเขายื่นเอาไว้ก็จะถูกยึดในทันที
อย่างไรก็ตามสาเหตุที่ทำให้พวกเขาไปกู้เงินกับทางบริษัทอาลอนก็เป็นเพราะมันไม่มีธนาคารไหนที่จะยอมปล่อยกู้ให้กับพวกเขาอีกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตระกูลรากันต์ที่ตกต่ำลงเรื่อยๆมากว่า 500 ปี
“ทำไมเขาถึงไม่บอกไปตรงๆกันนะ ว่าเขาไม่มีเงินจ่ายคืน “
ฮานส์ส่ายหัวด้วยใบหน้าที่มืดมนเมื่อได้ยินคำพูดของมารอน
“มีข่าวลือว่าบริษัทอาลอนนั้นได้รับการสนับสนุนจากหอคอยเวทมนตร์จักรพรรดิ และผู้คนที่ขัดขืนหรือต่อต้านพวกเขาก็มักจะหายตัวไปโดยไม่ทราบสาเหตุ”
นอกเหนือจากอำนาจทางการเงิน หอคอยเวทมนตร์ที่ยิ่งใหญ่นี้ก็ยังมีกองกำลังทหารรับจ้างอีกด้วย
เพราะฉะนั้นถ้าพวกเขาทำการต่อต้านบริษัทอาลอน พวกเขาก็คงจะมีชีวิตอยู่รอดได้อีกไม่ถึง 1 ปีแน่นอน
“หึ! ทำไมเขาถึงยังไม่ยอมขายกิกันท์ไปกัน? เขารู้ไหมว่ากิกันท์มันขายยากขนาดไหน? และทำไมเขาถึงต้องการที่จะพัฒนาเหมืองด้วย?”
“บางทีสิ่งที่เขาทำมันอาจจะได้ผล แต่ฉันก็เกรงว่าเวลาของพวกเราจะไม่มีมากพอถึงตอนนั้น” ฮานส์นั้นเป็นหนึ่งในคนรับใช้ที่สนับสนุนการพัฒนาเหมือง
ทันใดนั้นคนรับใช้คนหนึ่งก็รีบร้อนวิ่งเข้ามาในห้อง
“มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้วครับหัวหน้า!”
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกัน?”
“ระ.. รูปปั้นท่านรากันต์ในสวนได้หายไปครับท่าน!”
“อะไรนะ?”
ฮานส์รีบวิ่งออกไปอย่างใจร้อน เหตุการณ์นี้ทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก
รูปปั้นนั้นคือรูปปั้นที่มีขนาดสูงถึง 2 เมตร มันรูปปั้นที่แสดงให้เห็นถึงตอนที่รากันต์ได้รับชัยชนะเหนือราชาปีศาจเซย์ม่อน ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูลของพวกเขาเลยก็ว่าได้
แต่ตอนนี้สัญลักษณ์นั้นหายไปแล้ว!
เมื่อฮานส์ได้รับข่าว เขาก็เรียกคนรับใช้และทหารคนอื่นๆให้ออก ตามหารูปปั้น ในทันที เขาไม่รู้ว่ามันคือคนประเภทไหนกันที่กล้ามาขโมยรูปปั้นประจำตระกูล แต่ถ้าเขารู้ว่ามันเป็นใคร เขาก็จะไม่ยอมปล่อยให้มันรอดไปแน่นอน
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้รับรายงานจากคนรับใช้ เขาก็ต้องตกใจ
“ดูเหมือนว่าคนที่ขโมยรูปปั้นไปก็คือนายน้อยครับ เขาได้สั่งให้ ฟิลิปขนมันขึ้นรถเกวียนและออกเดินทางไปแล้วครับ”
“นั่น.. เขากำลังทำบ้าอะไรกัน?”
ในอดีต มีการระบุไว้ว่า ในตอนนี้บรรพบุรุษของเขาทำการก่อสร้างรูปปั้นนี้ พวกเขาได้ใช้ทองแดงไปประมาณ 1 ตันและทองคำแท้อีกเล็กน้อย
แต่ถึงอย่างนั้นมูลค่าของมันก็ไม่ได้มากไปกว่า 30,000 เปโซแต่อย่างใด เพราะรูปปั้นนี้ไม่ได้ถูกสร้างโดยช่างฝีมือที่มีชื่อเสียงและก็ยังไม่ใช่ของโบราณเก่าแก่ที่มีมูลค่า
“เขาจะเอารูปปั้นนี้ไปทำอะไรกันแน่?”
ฮานส์ไม่สามารถตามความคิดของลุคได้ทัน เขาได้แต่ส่ายหัวและออกคำสั่ง
“ประกาศออกไปว่าให้ทุกคนตามหาตัวนายน้อยให้เจอ”
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม มันก็ไม่มีความหมายใดๆที่จะนำเอารูปปั้นประจำตระกูลออกไป และเขาก็จะไม่ยอมให้เด็กหนุ่มที่พึ่งฟื้นคืนสติจากการนอนเป็นผัก มาตัดสินชะตากรรมของรูปปั้นประจำตระกูลอย่างแน่นอน
……..
“หืม มีคนกำลังพูดถึงข้าอยู่รึเปล่านะ?”
ลุคที่กำลังนั่งอยู่บนรถเกวียนก็ได้หัวเราะออกมาเมื่อเขารู้สึกจักกะจี้ที่หูของเขา
เมื่อเห็นแบบนี้ ฟิลิปที่นั่งอยู่ถัดไปจากลุคก็อดที่จะถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“นายน้อย ตอนนี้ท่านยังมีอารมณ์มาหัวเราะอีกเหรอ?”
“แล้วทำไมเจ้าถึงกังวลกันล่ะ?”
“มันแน่อยู่แล้ว ก็เพราะเราพึ่งจะขโมยรูปปั้นประจำตระกูลของท่านมานะ ท่านไม่กลัวผลที่จะตามมาบ้างเหรอ?”
“ยังไงซะพวกเขาก็ไม่ฆ่าข้าเพราะเรื่องแค่นี้หรอกจริงไหม? เพราะถ้าข้าตายขึ้นมา มันก็คงจะถึงคราวอวสานของตระกูลรากันต์แล้วละ”
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงมือทำแต่มันก็มีชั่วขณะหนึ่งที่เขาเคยคิดที่จะแกล้งฆ่าตัวตาย เพราะเขาคิดว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำลายตำนานและลูกหลานของรากันต์ลงได้ หลังจากเขาล้มเหลวในแผนการที่จะแก้แค้น
แต่ยังไงก็ตาม การแกล้งฆ่าตัวตายมันไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรสำหรับเขา และเพื่อให้ความทรงจำอันมีค่านั้นคงอยู่ต่อไป เขาจึงต้องมีชีวิตต่อเพื่อชดใช้หนี้บาปกรรมที่เขาเคยก่อ
“นายน้อย.. ท่านนั้นอาจจะโดนเพียงแค่คำต่อว่า แต่ว่าข้าล่ะ? ข้าจะไม่ถูกประหารชีวิตหรอกเหรอที่ไม่หยุดท่านเอาไว้”
ฟิลิปนั้นอายุ 26 ปีและเป็นญาติห่างๆของอัศวินโรเจอร์ที่โรงเรียนเตรียมทหารสุริยุปราคา
ตั้งแต่เล็กจนโต เขาเป็นคนที่มีความประพฤติดีและเก่งในรอบด้าน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้เป็นอัศวินที่อยู่ข้างกายของลุคตั้งแต่ยังหนุ่ม
“มันจะไม่เป็นไรแน่นอน ข้าจะรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเองและจะไม่มีทางปล่อยให้เจ้าโดนประหารแน่นอน”
“ไม่มีทาง การเชื่อใจท่านก็เหมือนกับการเชื่อว่าชีสทำมาจากถั่วนั่นแหละ”
“ผู้ชายคนนี้เป็นพวกขี้กลัวจริงๆ”
ถึงอย่างนั้นลุคก็ชอบฟิลิป ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับอัศวินคนอื่น พวกเขาก็คงจะเอาเรื่องไปป่าวประกาศแล้วแน่นอน
“ยังไงก็เถอะ ท่านคิดว่าถ้าเราสามารถขายรูปปั้นนี้ได้จริงๆ เราจะได้เงินถึง 30,000 เปโซจริงๆเหรอ”
“ใช่ ที่เจ้าต้องทำก็แค่เชื่อใจข้า”
“ถ้าอย่างนั้น ท่านได้โปรดอธิบายถึงแผนการให้ข้าได้เข้าใจด้วยเถอะ”
อัศวินไม่แน่ใจว่าลุคจะได้รับเงิน 30,000 เปโซจากรูปปั้นนี้ได้อย่างไร และเขาก็ได้ยินข่าวลือมาว่า ถ้าพวกเขาไม่สามารถที่จะหาเงินมาจ่ายหนี้ได้ทัน พวกเขาจะต้องขายกิกันต์ทิ้ง
การขายกิกันต์ก็เหมือนกับการขายกองกำลังติดอาวุธที่ทำหน้าที่ปกป้องที่ดินของเขา ถ้าลุคตัดสินใจทำแบบนั้นมันก็หมายความว่าเขาอาจจะไม่ต้องการทหารที่ทำหน้าที่รักษาการณ์ไว้ด้วยเช่นกัน และในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เขาก็อาจจะตกงานและต้องกลายเป็นทหารรับจ้างเร่ร่อนในที่สุด
ความเชื่อใจที่ฟิลิปมีต่อลุคนั้นล้วนเป็นสิ่งที่ขึ้นอยู่กับความคิดของเขาเองล้วนๆ
“พูดให้เข้าใจง่ายๆ… ข้าจะขายรูปปั้นแล้วเอาเงินไปใช้เสี่ยงโชค”
“ใช้เสี่ยงโชค? นี่ท่านคิดจะเอาเงินไปลงทุนกับอะไรเหรอ?”
“ไม่ การเสี่ยงโชคของฉันไม่ใช่การลงทุน มันคือการพนันต่างหากละ บางทีเราอาจจะไม่ต้องเดินทางไปหลายที่มากนัก”
“โอ้ไม่! ท่านมัน! โอ้พระเจ้าช่วย…!” น้ำตาเริ่มเอ่อล้นออกมาจากดวงตาของฟิลิป
เขาเคยเชื่อว่าคำพูด น้ำเสียงและการกระทำของลุคนั้นเป็นอะไรที่ดูมีความเป็นผู้ใหญ่อย่างมาก แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วเพราะเขากำลังทำในสิ่งที่โครตบ้าบิ่น!
บางทีอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุในครั้งนั้นของเขามันอาจจะยังไม่หายดี มันจึงส่งผลกระทบให้นายน้อยของเขาทำตัวแบบนี้
“ท่านครับ ข้าคิดว่าเราควรหยุดในตอนที่ยังมีโอกาสนะครับ”
“ลูกเต๋าได้ถูกทอดไปแล้ว และเราก็กำลังนั่งอยู่บนหลังมังกร”
“ถ้าอย่างนั้นท่านพอจะเอาข้าลงจากหลังมังกรได้หรือไม่?”
ฟิลิปนั้นไม่ต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งในแผนการบ้าๆของนายน้อยของเขา แต่เขาก็ไม่สามารถต่อต้านมันได้เช่นกันเพราะถ้าเขาทิ้งนายน้อยเอาไว้ที่นี่ มันก็เหมือนกับเขาละทิ้งหน้าที่อัศวินที่เขาได้รับมอบหมายมา…
Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล – ตอนที่ 7 มุ่งหน้าสู่ลาเมอร์ (2)
Posted by ? Views, Released on October 22, 2021
, Emperor of Steel
กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล เซย์ม่อน
เขาคือชายผู้ซึ่งอยู่บนจุดสูงสุดของของศาสตร์มนต์ดำ
เขาคือชายผู้ถูกขนานนามว่าปราชญ์แห่งความมืด
เขาคือชายผู้ถูกตีตราว่าเป็นราชาปีศาจ
สิ่งเหล่านี้ได้ทำให้ผู้คนต่างพากันหวาดกลัวเขา และทำให้เขาถูกสังหารลงโดยจักรพรรดิดาบในที่สุด
“ไม่ ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้มันจบลงแบบนี้!”
ในที่สุดแล้ว ด้วยความปรารถณาอันแรงกล้าที่อยากจะมีชีวิตต่อของเขา มันได้ทำให้เขากลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
แต่โชคชะตาและความจริงนั้นโหดร้าย เขากลับมาเกิดใหม่หลังจากเวลาได้ล่วงเลยไปแล้วกว่า 500 ปี.. ชีวิตในครั้งนี้ของเขาจักถือกำเนิดใหม่ในฐานะผู้สืบทอดของศัตรูคู่แค้นของเขา จักรพรรดิดาบ
Recommended Series
Comment
Facebook Comment