ตอนพิเศษ 5 เขาคิดอะไรอยู่
สิ่งที่เผชิญหน้ากับจวินรุ่ยซี ก็ยังคงเป็นความเงียบสงบ
แต่ว่าจวินรุ่ยซีกลับไม่ยอมแพ้ ยิ่งชวดกลับยิ่งกล้าขึ้นเรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน จวินรุ่ยซีก็แอบตัดสินใจไว้ว่านางต้องหลอมละลายน้ำแข็งก้อนที่ซ่อนอยู่นี้ให้ได้!
เจียสือชอบความเงียบ แต่ว่าเมื่อมีจวินรุ่ยซีอยู่ที่นี่ เขาก็ถูกลิขิตให้ไม่สามารถเงียบ และไม่อาจสงบลงได้เลย
“เณรน้อย? เจ้าอมทุกข์ขนาดนี้ตั้งแต่เด็กเลยหรือ”
จวินรุ่ยซีเอามือสองข้างหนุนศีรษะ มองเณรน้อยที่ตั้งใจสวดมนต์นั่งสมาธิอยู่ข้างหน้าอย่างเบื่อหน่ายเป็นที่สุด และเอ่ยถามด้วยความกลัดกลุ้ม
จวินรุ่ยซีเผชิญหน้ากับกลิ่นอายความเงียบสงบ เจียสือไม่ได้สนใจจวินรุ่ยซี เพียงแค่หลับตา และสวดมนต์อย่างเงียบๆ
จวินรุ่ยซียู่ริมฝีปาก กลอกตาเล็กน้อย จู่ๆ ก็เข้าไปใกล้เจียสือโดยพลัน หยุดอยู่ที่ตรงหน้าเขาเพียงสามเซนติเมตร
เมื่อได้ยินจวินรุ่ยซีเงียบลงไปอย่างฉับพลัน เจียสือก็ลืมตาขึ้นช้าๆ กำลังจะเอ่ยปากบอกให้จวินรุ่ยซีไปเสีย เพียงลืมตาก็เห็นใบหน้าที่ขยายใหญ่โตขึ้นของจวินรุ่ยซี
“! ! !”
เจียสือตกใจมาก รีบถอยหลังกลับไปทันควัน หล่นลงมาจากอาสนะทรงกลมอย่างสิ้นท่า!
มองเจียสือที่ปราศจากท่าทีเมินเฉยเช่นก่อนหน้านี้แล้ว จวินรุ่ยซีก็หัวเราะออกมา “ที่แท้ก็ไม่ใช่ว่าเจ้าจะไม่กลัวอะไรเลยนี่นา!”
“แต่ว่าข้าไม่ได้น่ากลัวอะไรหรอก และข้าก็ไม่ได้จะกินเจ้าด้วย”
จวินรุ่ยซีกลับไปหนุนศีรษะใหม่อีกครั้ง แล้วก็มองเจียสือเช่นนี้
ในใจเจียสือเหมือนกำลังรัวกลองอยู่ ภายในจิตใจเต้นไม่เป็นส่ำ ภายนอกก็ดูสับสนลนลานอยู่พักหนึ่ง “ท่านหญิง จะล้อเล่นกันเช่นนี้ไม่ได้! ท่านหญิงโปรดรักนวลสงวนตัว!”
“รักนวลสงวนตัว? รักนวลสงวนตัวคืออะไร”
จวินรุ่ยซีกะพริบตาปริบๆ มองเจียสืออย่างใคร่รู้เล็กน้อย
ถึงแม้แต่ก่อนท่านแม่เคยว่านาง ว่าไม่ให้นางอยู่ใกล้บุรุษมากเกินไปนัก แต่ว่าเณรน้อยผู้นี้คงไม่นับกระมัง? นักบวชล้วนไร้ความรู้สึกไร้ตัณหา ไม่มีจิตใจไม่มีความอยาก ละแล้วซึ่งผัสสะมิใช่หรือ?
“คือ…”
คิ้วงามของเจียสือขมวดแผ่วเบา หากเขากล่าวว่าโดนใบหน้าของจวินรุ่ยซีแล้ว สตรีนางนี้จะต้องอึดอัดใจใช่ไหม?
เจียสือส่ายหน้าเบาๆ ช่างเถิด… ถึงอย่างไรก็ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น
“เณรน้อย หูของเจ้าแดงแล้วนะ อายอย่างนั้นหรือ?”
จวินรุ่ยซีหัวเราะเบาๆ มองเจียสืออย่างสงบไม่สะทกสะท้าน
เจียสือได้ยินคำพูดของจวินรุ่ยซี ดวงตาไหวเคลื่อนเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว ในใจคล้ายมีความลุกลี้ลุกลนอยู่บ้าง นี่เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยมีมาก่อน
“ท่านหญิงกังวลเกินไปแล้ว เสี่ยวเซิงเพียงแค่… เพียงแค่รู้สึกอบอ้าวเล็กน้อยเท่านั้น”
“แต่ตอนนี้เป็นสารทฤดู กำลังจะเข้าเหมันตฤดูแล้ว เจ้าไม่รู้สึกหนาว กลับยังรู้สึกว่าร้อนอย่างนั้นรึ หรือว่าภิกษุจะเป็นเช่นนี้กันหมด?”
จวินรุ่ยซีมองเจียสือด้วยความสงสัยเล็กน้อย เจียสือก็ไม่ทราบว่าในใจตัวเองคิดอย่างไร เห็นเด็กสาวผู้นี้แล้วในใจก็รู้สึกลนลานมาก
มัน…ไม่ควรเป็นอย่างนี้ เมื่อก่อนก็มีคุณหนูฝ่ายขุนนางและตระกูลขุนนางไม่น้อยมาจุดธูปสวดขอพรที่วัดชิงย่วน ซึ่งก็ไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เลย
เจียสืออดไม่ได้ที่จะมองจวินรุ่ยซี เด็กสาวคนนี้ เหมือนจะต่างจากคนเหล่านั้น
ถึงแม้จะปลิ้นปลอก แต่ว่าดวงตาคู่นั้นกลับใสสะอาดนัก แม้ว่าเสียงเอะอะไปบ้าง แต่กลับไม่ได้ทำให้คนรู้สึกเกลียด
จวินรุ่ยซีก็ไม่หลบไม่ซ่อน ปล่อยให้เจียสือมองดูตามใจไปเช่นนี้
นานนัก เจียสือถึงได้ถอนสายตากลับมา
เขากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่นะ?
อาจารย์อาเคยกล่าวว่า คนในราชวงศ์มีความคิดรอบคอบ ล้ำลึกเฉียบแหลม ถ้าหากเป็นไปได้ อย่าได้คลุกคลีกับพวกเขามากจนเกินไปโดยเด็ดขาด
ชีวิตนี้เขาไม่เคยคิดที่จะพัวพันมีความสัมพันธ์สนิทสนมใดๆ กับคนในราชวงศ์เลยสักนิด
จวินรุ่ยซีไม่ค่อยเข้าใจท่าทีที่แปรเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันของเจียสือ
ตอนพิเศษ 6 มันเป็นตัวผู้
จวินรุ่ยซีไม่ค่อยเข้าใจท่าทีที่แปรเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันของเจียสือ แต่นางทราบว่าแท้ที่จริงแล้วเจียสือไม่ใช่คนที่จิตใจเย็นชา ดังนั้นจวินรุ่ยซีก็เลยคิดแผนการในใจ อย่างน้อยที่สุดภายในหนึ่งเดือนนี้ นางต้องเป็นเพื่อนสนิท ประเภทที่สนิทกันมากๆ กับเณรน้อยคนนี้ให้ได้!
นางเอียงศีรษะมองเจียสือ เจียสือนั่งหน้าตาไร้อารมณ์อยู่ตรงนั้น เหมือนกับว่าหงุดหงิดปฏิกิริยาเมื่อสักครู่นี้มาก
ในตอนนี้เอง งูสีขาวตัวหนึ่งผลุบเข้ามาในห้องที่จวินรุ่ยซีกับเจียสืออยู่ และเลื้อยไปทางจวินรุ่ยซี
เจียสือเงยหน้าขึ้น มองไปที่จวินรุ่ยซี เดิมทีอยากจะเชิญให้นางไปจากที่นี่เสีย ครั้นเงยหน้ากลับเห็นงูตัวหนึ่งเลื้อยขึ้นไปบนแขนของจวินรุ่ยซี
“ท่านหญิงระวัง!”
เจียสือวู่วาม และก็ไม่สนใจสิ่งอื่นใด พลันปัดมือไปอย่างแรง และก็ปัดงูขาวตัวเล็กนั้นไปที่มุมกำแพงทันที!
งูขาวตัวเล็กสะบัดหัวอย่างวิงเวียน
หน้าตาไร้เดียงสามีความข้องใจเพิ่มขึ้นมา มันทำอะไรไปรึ? มันก็แค่มาหาจวินรุ่ยซีเองนี่นา
จวินรุ่ยซีหันหน้ากลับไป มองงูขาวตัวเล็กที่น่าสงสาร และกะพริบตาปริบๆ “เหมาเหมา? เจ้ามาได้อย่างไร”
งูขาวตัวเล็กนี้ ก็คือเหมาเหมางูขาวซึ่งเข้าใจนิสัยมนุษย์และคอยติดตามหลิงลั่วอยู่โดยตลอด
“ท่านหญิง พวกท่าน…รู้จักกันรึ?”
เจียสือมองทางจวินรุ่ยซี เอ่ยถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ
จวินรุ่ยซีพยักหน้า “ใช่แล้ว เหมาเหมาเป็นงูเทพที่ท่านแม่เลี้ยง อายุมากกว่าข้า ว่ากันตามหลักการของเหมาเหมาแล้ว ข้าต้องเรียกมันว่าป้า แต่ว่าข้าไม่เคยเรียกเลย…”
ศีรษะน้อยของเหมาเหมาที่แต่เดิมยกชูขึ้นสูง พลันชะงักไป หันไปมองทางจวินรุ่ยซีอย่างไม่พอใจ
น้าเน้ออะไรกันเล่า?! มันเป็นตัวผู้! ตัวผู้! ต้องเรียกลุงใหญ่สิ!
แม้แต่อายุของหลิงซี ท่านน้าเล็กของนางก็ยังไม่ได้มากเท่ามัน!
เจียสือมองเหมาเหมาครู่หนึ่ง และหันหน้ากลับมา
เขาหมดแรงจะค่อนแคะเลยจริงๆ
“จริงสิเหมาเหมา ที่เจ้ามาหาข้าทางฝั่งท่านพ่อเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”
จวินรุ่ยซีมองเหมาเหมา แต่ก่อนทุกครั้งที่นางออกมาเที่ยวเล่น จวินชิงเหยียนจะจับได้ตลอด และทุกครั้งก็ล้วนให้เหมาเหมามาหานาง
เหมาเหมาผงกหัว ทำท่าทางแปลกประหลาด… เอ่อ อย่างน้อยที่สุดเจียสือมองแล้วก็แปลกมาก
ใครจะไปทราบหลังจากจวินรุ่ยซีดูเสร็จแล้ว ก็พลันลุกขึ้น ‘พรวด’ แล้วก็หันหน้ากลับมามองเจียสือ และกล่าวว่า “เณรน้อย พรุ่งนี้ข้าจะมาเจอเจ้าอีก!”
หลังกล่าวจบแล้ว… ก็จากไปอย่างเร็วปรื๋อ
เจียสือมองเงาหลังที่รีบลนลานออกไปของจวินรุ่ยซี ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยอยู่ในใจเล็กน้อย หรือว่าเกิดเรื่องอะไรกับเหยียนอ๋อง? ไม่อย่างนั้นเหตุใดนางถึงลนลานขนาดนี้?
แต่เจียสือก็คาดไม่ถึง ว่าสภาพความเป็นจริง เป็นเช่นนี้…
ณ จวนเหยียนอ๋อง กลางลานหอรุ่ยซี
จวินรุ่ยซีคุกเข่าปะทะดวงตะวันอยู่ในลานอย่างเศร้าสร้อยน้อยใจ ขณะที่จวินชิงเหยียนนั่งดื่มชาอยู่ใต้ร่มไม้
จวินรุ่ยซีชำเลืองตามองจวินชิงเหยียนอยู่สักพักหนึ่ง เห็นจวินชิงเหยียนไม่มีทีท่าจะเอ่ยปากปล่อยนางเลย ก็มองไปทางหลิงลั่วที่อยู่ตรงกันข้ามกับจวินชิงเหยียน
หลิงลั่วได้รับรู้สายตาของจวินรุ่ยซีแล้ว กำลังจะเอ่ยปากกล่าวอะไรบางอย่าง ก็เห็นจวินชิงเหยียนเงยหน้าขึ้นมา รินชาถ้วยหนึ่งให้หลิงลั่ว และกล่าวว่า “บัดนี้รุ่ยเอ๋อร์ชักจะใช้ไม่ได้ขึ้นทุกที หากว่าไม่ควบคุมกันสักหน่อย ต่อไปจะคุมไม่อยู่แล้วจริงๆ”
หลิงลั่วหยุดชะงัก สายตามองที่จวินรุ่ยซีแวบหนึ่ง
อันที่จริงจวินชิงเหยียนก็กล่าวถูก แต่ก่อนไม่ว่าจะอย่างไร เมื่อเจ้าเด็กจวินรุ่ยซีคนนี้จะออกจากจวนไป ก็ยังบอกกับนางบ้าง แล้วคราวนี้เป็นอย่างไรเล่า? ออกจากจวนไปเลยไม่มีแม้แต่จะบอกกล่าว ซึ่งก็ควบคุมได้ยากเสียแล้วจริงๆ
ว่าแล้วหลิงลั่วก็เบือนหน้าไปเลย ปล่อยให้จวินชิงเหยียนมากำกับอบรมจวินรุ่ยซี อย่างไรเสียเมื่อไม่เห็นไม่เจอก็ยังจะเป็นสุขใจได้อยู่!