Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1132 : เปลี่ยนบรรยากาศ

ในตรอกมืดที่ไม่ค่อยมีใครผ่านไปมา บรรยากาศเริ่มมืดมน สายลมหนาวพัดผ่าน แม้จะไม่ได้รุนแรงเหมือนกับใบมีดที่กรีดเฉือนหน้าผู้คน แต่ก็คล้ายกับแฝงไว้ด้วยเวทมนตร์ พวกมันค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไปในเสื้อผ้าทีละนิด

ไคลน์ซึ่งอยู่ในร่างเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ยกมือขึ้นมากดหมวกทรงสูงเหนือศีรษะเมื่อเห็นมิสเมจิกเชี่ยนเดินเข้ามาในตรอกด้วยความระมัดระวัง อีกฝ่ายแต่งกายด้วยผ้าพันคอสีเข้มและเสื้อนอกขนสัตว์หนา ถือกระเป๋าที่ดูท่าจะหนัก

ในอาณาจักรโลเอ็นซึ่งได้รับอิทธิพลจากโบสถ์รัตติกาล เสื้อผ้าจำนวนหนึ่งที่มักสงวนไว้ให้เพศชายใส่ จะมีรูปแบบเฉพาะของสตรีด้วยเช่นกัน แตกต่างจากอินทิสที่สตรีชนชั้นสูงมักนั่งหันข้างห้อยขาด้วยอานม้าแบบพิเศษ แต่โลเอ็นจะมีชุดขี่ม้าสำหรับสตรีโดยเฉพาะ

ไคลน์ดึงมือซ้ายที่สวมยุบพองหิวโหยออกจากกระเป๋ากางเกง เหยียดนิ้วทั้งห้าพร้อมกับพูด

“ต้นฉบับเสร็จหรือยัง?”

ฟอร์สพลันสัมผัสถึงลมหนาวที่พัดปะทะลำคอ กล่าวเสียงสั่น

“เพียงพอสำหรับตีพิมพ์สองสัปดาห์…ส่งผลให้บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไปแล้ว”

โดยไม่รอให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์ถามเพิ่มเติม เธอรีบเสริม

“ฉันนำปากกา หมึก และกระดาษไปด้วย”

ไคลน์พยักหน้าแผ่วเบา เดินไปสองก้าว นำฝ่ามือคว้าไหล่มิสเมจิกเชี่ยน

พร้อมกันนั้น ฟอร์สตั้งสมาธิ สร้างภาพมายาของหนังสือภายในดวงตา

สภาพแวดล้อมรอบตัวเธอเข้มข้นขึ้น ฉูดฉาดขึ้น สีแดงยิ่งแดงก่ำ สีดำยิ่งดำมืด สีน้ำตาลยิ่งคมชัด ซ้อนทับกันหลายชั้น ประหนึ่งกำลังเห็นภาพหลอนจากการเสพยา

ฟอร์สซึ่งเคยชินกับสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เริ่ม ‘บันทึก’ การเดินทางลงไปอย่างไม่ยากเย็น พลางสังเกตวิวทิวทัศน์ระหว่างการท่องเที่ยวอย่างละเอียด จดจำลักษณะของสัตว์วิญญาณที่แปลกประหลาดจนขึ้นใจ

ผ่านไปไม่กี่อึดใจ การมองเห็นของเธอพลันมืดลง ผิวกายสัมผัสถึงความหนาวเย็นที่เธอไม่เคยพบเจอ ร่างกายสั่นระริกอย่างมิอาจหักห้าม

ฟอร์สใช้มายากลเพื่อทำให้สภาพแวดล้อมสว่าง มองไปรอบตัวจนกระทั่งพบว่าเธออยู่ในบ้านไม้ และเกอร์มัน·สแปร์โรว์ได้จากไปแล้ว

ที่นี่ที่ไหน…ฟอร์สมองไปทางหน้าต่าง พบว่ามีบางสิ่งปกคลุมอยู่จนแสงสว่างมิอาจส่องผ่าน

ฉากดังกล่าวทำให้เธองงงวย จึงตัดสินใจเดินไปที่ประตู เหยียดมือขวาออกและดึงประตูกลับ

ท่ามกลางเสียงเสียดสีของไม้ เธอเห็นหิมะกองสูงจนขวางทางออกโดยสมบูรณ์

“…” ฟอร์สตกตะลึง คำเตือนของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ดังก้องภายในใจ

“ทำตัวให้อุ่นเข้าไว้…”

ภายในหนึ่งถึงสองนาทีหลังจากนั้น ไคลน์เดินทางอ้อมทะเลเพื่อทำให้ยุบพองหิวโหยสงบลงด้วยเหยื่อที่คัดเลือกเป็นอย่างดี จากนั้นก็กลับบ้านเช่าในกรุงเบ็คลันด์ รอให้ราชินีเงื่อนงำและชารอนรายงานความผิดปรกติ

อันที่จริง ตามนิสัยของไคลน์ มันมักจะออกไปสืบข่าวด้วยตัวเองอีกทางหนึ่ง เพื่อยืนยันให้แน่ใจว่าทริสซี่ไม่คิดจะช่วยมิสเตอร์ประตูออกมา ทว่า เมื่อพิจารณาเรื่องที่ซาราธยังอยู่ในกรุงเบ็คลันด์ ชายหนุ่มตัดสินใจพับแผนการออกไปเตร็ดเตร่นอกบ้านทิ้ง

ภายใต้อิทธิพลของกฎการดึงดูดระหว่างตะกอนพลัง ไคลน์เชื่อว่าหากตนออกไปเตร็ดเตร่ตามถนนในกรุงเบ็คลันด์ ในไม่ช้าก็เร็วจะได้พบกับซาราธหรือแม้กระทั่งอามุนด์

เฮ้อ…ทั้งที่คิดเราวิธีปลอมตัวอย่างแนบเนียนไว้แล้ว แค่ซื้อจักรยานและเครื่องแบบบุรุษไปรษณีย์ เตรียมขี่ตระเวนไปตามย่านต่าง ๆ ของเมืองหลวง…ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปรกติแน่นอน…ไคลน์จิบ ‘ยางไม้กอลลั่ม’ เหล้าที่ซื้อมาจากทะเล เอนหลังพิงเก้าอี้ สั่งให้หุ่นเชิดเอ็นยูนและโจนาสบีบนวดไหล่และขา

ดินแดนเทพทอดทิ้ง ในค่ายหมู่บ้านยามบ่าย

ทันทีที่เดอร์ริค·เบเกอร์ลืมตา มันลุกขึ้นยืน เปิดประตู เดินอ้อมกองไฟตรงไปยังห้องพักของเจ้าเมือง

เด็กหนุ่มระงับความตื่นเต้น สูดลมหายใจยาว ยกมือขึ้นเคาะประตูไม้แผ่นหนา

“เชิญเข้ามา” เสียงทุ้มลึกของโคลิน·อีเลียดดังขึ้น

เดอร์ริคบิดที่จับ ผลักประตูเข้าไปและเดินตาม เมื่อเห็นนักล่าปีศาจเจ้าของผมสีเทายุ่งเหยิงและรอยแผลเป็นเก่า เด็กหนุ่มโพล่งขึ้น

“ท่านเจ้าเมือง ผมพบเห็ดแปลก ๆ ที่กินได้!”

โคลิน·อีเลียดเงียบไปสักพัก กล่าวเชื่องช้า

“เห็ด?”

เมื่อเห็นความฉงนจากสีหน้าเจ้าเมือง เดอร์ริคหวนนึกถึงเห็ดที่เคยพบเจอในอดีต

เห็ดภายในวิหารร้างของพระผู้สร้างเสื่อมทราม สีของมันทั้งสดใสและชวนให้เจริญอาหาร แต่อัดแน่นไปด้วยอันตรายอย่างไร้ข้อกังขา

เด็กหนุ่มสงบสติลง พยักหน้าพลางอืมในลำคอ

“ครับ…เห็ด…เห็ดหลากหลายสายพันธุ์ สามารถกินเลือดเนื้อของสัตว์ประหลาดเพื่อเจริญเติบโตและขยายพันธุ์…”

เดอร์ริคอธิบายรายละเอียดของเห็ดอย่างตั้งใจ รวมถึงเล่าว่านม เนื้อวัว ปลา และแป้งคืออะไร

ในตอนสุดท้าย เด็กหนุ่มเน้นย้ำว่าต้องทำให้เห็ดสุกก่อนกินเท่านั้น และต้องระวังประเภทที่มีพิษ

โคลิน·อีเลียดฟังอย่างเงียบงันโดยปราศจากอารมณ์ ไตร่ตรองสักพักและพูด

“พวกมันมีอันตรายยังไงบ้าง…หรือต้องใส่ใจเรื่องใดเป็นพิเศษ?”

“อึก…” ใบหน้าเดอร์ริคแดงระเรื่อ “ผมขอกลับไปศึกษาดูใหม่”

กล่าวจบ โดยไม่รอให้เจ้าเมืองตอบสนอง มันหันหลังเปิดประตูและวิ่งออกไป

กลับถึงห้อง เด็กหนุ่มสูดลมหายใจยาว นั่งลงและสวดวิงวอนถึงเดอะฟูล ฝากคำถามไปถึงเดอะเวิร์ล

เหนือหมอกสีเทา ไคลน์นั่งบนเก้าอี้พนักสูงของเดอะฟูล เคาะนิ้วบนที่วางแขนพลางพึมพำ

“ยังมีอันตรายใดอีกบ้าง…”

แม้ว่าจินตนาการ ความกระฉับกระเฉง และความคิดสร้างสรรค์ของแฟรงค์จะทำให้เรากลัวนิดหน่อย…แต่ถึงยังไงหมอนั่นก็เป็นแค่ผู้วิเศษลำดับห้า เห็ดของแฟรงค์จะอันตรายสักแค่ไหนเชียว? เมืองเงินพิสุทธิ์ที่ดิ้นรนท่ามกลางความมืดมานานหลายปี น่าจะจัดการกับอันตรายที่เกิดจากเห็นได้ไม่ยาก…

การกลายพันธุ์อันน่าสยดสยองบนอนาคตกาลขณะแล่นไปบนน่านน้ำซากสมรภูมิแห่งเทพ ทั้งการมีน้ำนมไหลออกมาจากเรือและโจรสลัดหัวแตงโม นั่นเกิดจากอิทธิพลของออร่าพระแม่ธรณีที่ยังหลงเหลือ คนร้ายตัวจริงคือเทพ ใช่แฟรงค์สักหน่อย…

เดี๋ยวนะ…ถ้าดินแดนเทพทอดทิ้งเกี่ยวพันกับการล่มสลายของเทพสุริยันบรรพกาลและกุหลาบไถ่บาป ออร่าที่ยังหลงเหลือจากสงครามอาจไม่ได้มีเพียง ‘รัตติกาล’ ‘ปกปิด’ ‘เสื่อมทราม’ และ ‘วายุ’ แต่ยังรวมถึง ‘สุริยัน’ และ ‘ธรณี’ …

นี่มัน…

ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก เสกเดอะเวิร์ลขึ้นมาสวดวิงวอน:

“…หากสัมผัสกับออร่าของทวยเทพในขอบเขตธรณี เห็ดเหล่านั้นอาจเกิดการกลายพันธุ์ที่ยากจะคาดเดา…”

หลังจากได้รับคำตอบ เดอร์ริครีบร้อนออกจากห้อง วิ่งไปจนถึงประตูห้องเจ้าเมือง

ในคราวนี้ ประตูเปิดออกโดยไม่ต้องเคาะ

เดอร์ริคหันกลับไปมองพวกพ้องที่ยืนข้างกองไฟเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าห้องและปิดประตูไม้

“ออร่าของทวยเทพในขอบเขตธรณี อาจทำให้เห็ดเกิดการกลายพันธุ์ที่ยากจะคาดเดา” เด็กหนุ่มเล่าในสิ่งที่รู้ออกไป โดยไม่อธิบายว่าตนได้รับข้อมูลมายังไง

นักล่าปีศาจโคลินยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า ทวนคำด้วยเสียงต่ำ

“พลังทวยเทพในขอบเขตธรณี…”

หลังจากสิ้นเสียง มันเงียบไปนานกว่าสิบวินาทีก่อนจะพูด

“เมื่อกลับถึงเมือง พวกเราจะวางแผนเพาะปลูกมันและวิจัย…ราคาเท่าไร?”

เดอร์ริครีบตอบ

“สูตรโอสถนักถลุงโลหะโบราณ”

โคลินพยักหน้าเชื่องช้า

“สิ่งนี้ต้องผ่านความยินยอมจากหกสภาอาวุโส ไว้กลับถึงเมืองเมื่อไร ผมจะรีบประชุมเรื่องนี้ทันที”

ทีมสำรวจของพวกมันมีแผนจะกลับเมืองเงินพิสุทธิ์ในอีกสองวันข้างหน้า เนื่องจากต้องให้เวลาผู้ที่รอดชีวิตจากการสำรวจ หรือผู้ที่สูญเสียคนสำคัญ ปรับสภาพจิตใจให้กลับเป็นปรกติ นอกจากนั้นอาหารก็ยังมีจำกัด พื้นที่รอบค่ายมิอาจปลูกหญ้าผิวดำ แหล่งอาหารเสริมหาสามารถได้จากการฆ่าสัตว์ประหลาดเท่านั้น ทีมสำรวจจึงมีอีกหนึ่งหน้าที่สำคัญก็คือ คอยหมุนเวียนกันขนส่งอาหาร

“ครับ ท่านเจ้าเมือง” เดอร์ริคไม่รีบร้อน

มันคุ้นเคยกับขั้นตอนเหล่านี้เป็นอย่างดี

เมื่อเด็กหนุ่มเดินออกจากห้อง โคลินเดินมาที่หน้าต่างและมองไปยังกองไฟกลางค่าย

เปลวไฟกำลังลุกไหม้อย่างเงียบงัน ท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันมืดมิด แสงสลัวซึ่งช่วยมอบความสว่างไปทั่วค่าย กำลังย่างแวมไพร์ซึ่งร่างกายปกคลุมไปด้วยหนองจนดูน่าขยะแขยง

ไม่กี่วันถัดมา ไคลน์ได้รับจดหมายตอบกลับจากราชินีเงื่อนงำ แบร์นาแดต แพทริค·เบรนแห่งนิกายวิญญาณ และชารอน ยืนยันว่าในกรุงเบ็คลันด์ไม่มีการกว้านซื้อวัตถุดิบในลักษณะผิดปรกติในช่วงที่ผ่านมา

พิจารณาจากสิ่งที่เห็น สำหรับคราวนี้ แม่มดทริสซี่ตั้งใจจะแค่คุยกับมิสเตอร์ประตูเฉย ๆ …อาจเป็นการติดต่อกันครั้งแรกของพวกเขา…แต่ไม่ว่ายังไง เราก็ต้องตักเตือนเธอล่วงหน้า แต่ต้องกระชับที่สุด เพราะยิ่งพูดมากเท่าไรก็ยิ่งมีโอกาสผิดพลาด และเราไม่สามารถเผยไพ่ตายของตัวเอง…ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก ควานหาเส้นผมของคนตายที่มิสเมจิกเชี่ยนรวบรวมมาให้ คลี่กระดาษออกและเขียน

“…นี่คือสิ่งที่คุณต้องการ เส้นผมจากลูกหลานของตระกูลอับราฮัม…ผู้จัดหามีคำถามฝากมาด้วย…พวกเขาอยากทราบว่า ตระกูลอับราฮัมต้องทำอย่างไรจึงจะขจัดคำสาปได้…”

“…สุดท้ายนี้ ผมขอเตือนว่าคุณห้ามประมาทมิสเตอร์ประตู”

ไคลน์พับกระดาษจดหมาย สอดมัดเส้นผมเข้าไป หยิบฮาร์โมนิก้านักผจญภัยขึ้นมาเป่า

ท่ามกลางความเงียบงัน ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์เดินออกจากความว่างเปล่าพร้อมกับสี่หัวที่ดูงดงาม

“ส่งให้กับไอ้งั่งที่ถูกล่อลวง…” ไคลน์กล่าวขณะยื่นจดหมาย

เมื่อสิ้นเสียง มันชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะรีบถาม

“คุณยังระบุตำแหน่งของเขาได้ไหม”

“ได้…” หนึ่งในสี่หัวตอบคำถาม ตามด้วยงับจดหมาย

ไคลน์หรี่ตาลงทันที

…………………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset