ฉันก็สงสัยเรื่องนี้เหมือนกัน…เดอะฟูล ไคลน์ บนเก้าอี้ในตำแหน่งประธาน ทวนคำถามของมิสเตอร์แฮงแมนในใจ
เดอะสตาร์ เลียวนาร์ด ไตร่ตรองสักพักก่อนจะพยายามหาเหตุผล
“แม้ว่าพระผู้สร้างแท้จริงจะถือกำเนิดจากกุหลาบไถ่บาป แต่ก็ไม่ได้แปลว่าท่านจะรู้จักทุกซอกมุมของกุหลาบไถ่บาป…บางที ท่านเองก็คงอยากทราบความจริงไม่ต่างกัน”
ทันทีที่สิ้นเสียง จัสติส ออเดรย์ คัดค้านทันที
“เทวทูตโชคชะตา โอโรเลอุส ซึ่งเป็นผู้วาดจิตรกรรมฝาผนัง ยังคงเป็นหนึ่งในสมาชิกของกุหลาบไถ่บาปรุ่นปัจจุบัน และคอยติดตามรับใช้พระผู้สร้างแท้จริงอยู่ไม่ห่าง หากท่านต้องการทราบสิ่งใด แค่ถามไปตรง ๆ พอแล้ว”
“บางที เป้าหมายของพระผู้สร้างแท้จริงคงเป็นการยืนยันสถานะของเทวทูตมืด ซาสเรีย ซึ่งหลับใหลอยู่ภายใน…เรื่องนี้เดาได้จากท่าทีที่ต้องการเข้าไปสำรวจอย่างแรงกล้าของคนเลี้ยงแกะโลเฟียร์” แคทลียาแสดงความเห็นของตน
“ผมก็คิดแบบนี้” แฮงแมน อัลเจอร์ หันไปทางเดอะซัน เดอร์ริค และกล่าว “แต่แน่นอน อย่าเพิ่งตัดความเป็นไปได้ของมิสเตอร์สตาร์ออกไป บางที เทวทูตโชคชะตาอาจอยู่ในสภาวะไม่ปรกติ เช่นการสูญเสียความทรงจำ และจำเป็นต้องพึ่งพาภาพจิตรกรรมเพื่อค้นหาอดีต…แม้จะมีความเป็นไปได้ต่ำ แต่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส…เราไม่มีข้อมูลหรือปัญหาของเทวทูตตนดังกล่าว”
ขณะพูด อัลเจอร์ชำเลืองมาทางมิสเตอร์ฟูล ราวกับต้องการคำยืนยันหรือคำใบ้ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีการตอบสนอง
ใช่ว่าไคลน์จะไม่มีแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มีมากเกินไปจนกลั่นกรองไม่หมด
ผู้กลืนหาง โอโรเลอุสจะเติบโตขึ้นเคียงข้างพระผู้สร้างแท้จริงทุกครั้งที่ ‘เริ่มต้นใหม่’ เราไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของอีกฝ่าย…หลังจากพึมพำในใจ ไคลน์ยืนยันว่าไม่มีใครกล่าวคำใดต่อ จึงบังคับเดอะเวิร์ลมองไปทางเดอะซันและพูด
“เมื่อไม่นานมานี้ ผมทำการรวบรวมเห็นจำนวนหนึ่งซึ่งสามารถเติบโตและขยายพันธุ์ได้ในความมืดด้วยการกินเลือดเนื้อของสัตว์ประหลาด ไม่แน่ใจว่าเมืองเงินพิสุทธิ์สนใจไหม?”
เห็ดที่กินเลือดเนื้อของสัตว์ประหลาด? จัดจ์เมนต์ ซิล และคนที่เหลือต่างพากันประหลาดใจ พวกมันสงสัยว่ามีเห็ดแบบนั้นอยู่จริงหรือ
อย่างที่คิด ยังมีอีกหลายสิ่งในโลกที่เราไม่รู้…เป็นสิ่งที่นักบันทึกต้องจดลงไป…เมจิกเชี่ยน ฟอร์ส ถอนหายใจด้วยสีหน้าซับซ้อน
ดวงตาของเฮอร์มิท แคทลียา มืดลงกะทันหัน เธอเอาแต่นั่งนิ่ง ไม่พูดไม่จา ไม่ขยับเขยื้อนร่างกายประหนึ่งรูปปั้นหิน
เดอะซัน เดอร์ริค เผยอาการตื่นเต้น ความคิดมากมายแล่นผ่านสมอง ก่อนจะโพล่งถาม
“เห็ดพวกนั้นโจมตีสัตว์ประหลาดได้ไหม?”
หากทำได้ พวกมันจะเป็นได้ทั้งอาหารและแนวป้องกันชั้นนอกของเมืองเงินพิสุทธิ์
เราเคยคิดว่าเดอะซันน้อยจะกลัวเห็ด…กลับกลายเป็นว่า เขายิ่งเรียกร้องมากกว่าเดิม…มุมปากของเดอะเวิร์ลกระตุกเล็กน้อย
“ไม่ได้…ถ้าเห็ดสามารถโจมตีสัตว์ประหลาด พวกคุณก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น”
เดอะซัน เดอร์ริค เขินอายเล็กน้อย รีบพยักหน้ารับ
“เข้าใจแล้วครับมิสเตอร์เวิร์ล”
ไคลน์บังคับให้ภาพจำลองของเดอะเวิร์ลอธิบายเพิ่มเติม
“เห็ดบางชนิดสามารถนำไปขูดเป็นแป้ง บางชนิดสามารถผลิตนมสด บางชนิดมีไขมันเทียบเท่าเนื้อวัว และบางชนิดมีรสคล้ายปลา แต่ไม่มีก้าง…ยกเว้นเห็ดนมที่สามารถดื่มได้โดยตรง เห็นชนิดอื่นต้องผ่านความร้อนเช่นการนึ่ง ต้ม ทอด หรือคั่ว ไม่อย่างนั้นเห็ดจะดูดซับเลือดเนื้อของคนที่กินเข้าไป เปลี่ยนคนเป็นให้กลายเป็นสวนเพาะเห็ด…”
สมาชิกของชุมนุมทาโรต์อย่างจัสติส ออเดรย์ แฮงแมน อัลเจอร์ ที่เคยตั้งใจฟังประหนึ่งนั่งฟังนิยาย ยิ่งเดอะเวิร์ลพรั่งพรูข้อมูลมากเข้า แต่ละคนก็ยิ่งปิดปากเงียบไปโดยไม่รู้ตัว
มีเพียงเฮอร์มิท แคทลียา เท่านั้นที่เปลือกตากระตุก เธอตัดสินใจว่าจะไป ‘คุย’ กับแฟรงค์เมื่อกลับสู่โลกความจริง
เธอกังวลเป็นอย่างยิ่งว่า ในอนาคต หากกลุ่มโจรสลัดดวงดาวมีการลงคะแนนในเรื่องใด ผู้ที่ลงคะแนนจะไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นเห็ด
ขณะเดียวกัน เดอะซัน เดอร์ริค ที่ตั้งใจฟัง มิอาจเก็บซ่อนความคาดหวังและสงสัย
“มิสเตอร์เวิร์ล แป้งคืออะไร? เหมือนกับผงหญ้าผิวดำไหม? แล้วนมคืออะไร? เนื้อ? ปลา?”
อันที่จริง เด็กหนุ่มเคยเห็นปลามาแล้ว แต่ไม่รู้ว่านั่นคือปลา ในเขตบึงทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเงินพิสุทธิ์ มีสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายปลาประหลาดเป็นจำนวนมาก บางตัวมีก้อนเนื้อเกาะตามผิวหนัง บางตัวมีฟันงอกตามดวงตาและอวัยวะอื่น บางตัวศีรษะแยกออกจากกัน เผยให้เห็นเนื้อสมองสีขาวด้านใน ใช้สำหรับล่อสัตว์ชนิดอื่น
…ไม่ว่าเห็ดจะพิสดารมากเพียงใด แต่ก็ฟังดูน่าสนใจสำหรับชาวเมืองเงินพิสุทธิ์…ก่อนจะคิดถึงปัญหาที่เกิดจากเห็ด ให้มีเห็ดจริง ๆ เสียก่อนค่อยมาถกเถียงกัน…หลังจากได้ยินคำถาม เดอะฟูล ไคลน์ ถอนหายใจยาว บังคับเดอะเวิร์ลหันหน้าไปหาจัสติส ออเดรย์
การต้องอธิบายอย่างละเอียดว่าแป้ง นม เนื้อวัว และปลาคืออะไร ไม่สอดคล้องกับบุคลิกของเดอะเวิร์ลแม้แต่น้อย
ในฐานะผู้ชมมากประสบการณ์และจิตแพทย์ส่วนตัวของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ จัสติส ออเดรย์ เข้าใจทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการให้เธอทำอะไร
“นมคือของเหลวที่วัวใช้ในการเลี้ยงลูกหลานของมัน…”
เธอเชื่อว่าเดอะซันน้อยคงเข้าใจได้ไม่ยาก เพราะอย่างไรก็ดี เมืองเงินพิสุทธิ์ย่อมต้องมีหญิงตั้งครรภ์และทารก
เมื่อเห็นเดอะซัน เดอร์ริค พยักหน้ารับเป็นนัยว่าเข้าใจ เธอกล่าวต่อ
“นมคือเครื่องดื่มที่เต็มไปด้วยสารอาหาร ช่วยให้คุณตัวสูงและมีสุขภาพแข็งแรง…”
ออเดรย์พูดไม่จบ เนื่องจากชำเลืองไปเห็นร่างกายที่แข็งแกร่งบึกบึนของเดอะซันน้อย
หลังจากฟังมิสจัสติสอธิบายนิยามเบื้องต้นจบ เดอร์ริคมองไปทางเดอะเวิร์ลด้วยสายตาขอบคุณ
“ขอบคุณมากครับ มิสเตอร์เวิร์ล นี่คือสิ่งที่เมืองเงินพิสุทธิ์กำลังต้องการ…หลังจากกลับไป ผมจะรีบแจ้งให้ท่านเจ้าเมืองทราบ รับประกันได้เลยว่าเขาต้องดีใจแน่…คุณต้องการแลกเปลี่ยนกับสิ่งใด?”
เดอะฟูล ไคลน์ ลังเลสักพักก่อนจะบังคับให้เดอะเวิร์ลพูด
“สูตรโอสถของนักถลุงโลหะโบราณ”
ไม่ได้! เฮอร์มิท แคทลียา ต้องการคัดค้านสุดกำลัง แต่ท้ายที่สุดก็ต้องข่มสติ
เธอแอบชำเลืองไปทางมิสเตอร์ฟูล เมื่อเห็นว่าตัวตนผู้ยิ่งใหญ่รายนี้ไม่มีการตอบสนอง หญิงสาวผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย
“ครับ” เดอร์ริคขานรับอย่างมีความสุข
หลังจากบทสนทนาจบลง เดอะสตาร์ เลียวนาร์ด ขอพูดคุยส่วนตัวกับเดอะมูน เอ็มลิน
“ข้าจะถูกปล่อยตัวตอนไหน” เอ็มลินถามทันทีที่ประสาทสัมผัสของสมาชิกคนอื่นถูกปิดกั้น
เดอะสตาร์ เลียวนาร์ด ยังคงรักษามาดขรึม
“นั่นอยู่นอกเหนืออำนาจการตัดสินใจของผม…ข้อเสนอแนะก็คือ วานให้ใครสักคนไปแจ้งกับเบื้องบนของผีดูดเลือด กำชับให้พวกเขาวางแผนช่วยคุณออกไป”
พ่อหนุ่มสองคนนี้เกิดอุบัติเหตุระหว่างดำเนินแผน ‘คุมขังเชิงคุ้มครอง’ ที่น่าจะไม่มีอะไรซับซ้อน? เดอะฟูล ไคลน์ ซึ่งกำลังทำหน้าที่ผู้ชม พยายามกลั้นขำอย่างสุดความสามารถ
สีหน้าเอ็มลินเริ่มหม่นหมอง ผ่านไปสองสามวินาที มันพูดขึ้น
“เบื้องบนของผีดูดเลือดจะช่วยอะไรได้จริงหรือ?”
“เทพธิดาคือสตรีสีชาด พระองค์รักและเอ็นดูพวกคุณที่อยู่ในขอบเขต ‘จันทรา’ อย่างมาก แม้ว่าจะไม่ได้รับศรัทธากลับคืนมาก็ตาม” เดอะสตาร์ เลียวนาร์ด กล่าวอย่างเป็นกันเอง
คำอธิบายที่แท้จริงในใจของมันก็คือ: ตระกูลผีดูดเลือดเป็นเผ่าพันธุ์โบราณ ดำรงตนมานานหลายพันปี ย่อมมีสายสัมพันธ์กับโบสถ์หลักไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมัยที่ราชินีผีดูดเลือดยังเป็นภรรยาของ ‘จักรพรรดิรัตติกาล’ ในช่วงเวลาดังกล่าว หนึ่งในขั้วอำนาจที่สนับสนุนจักรพรรดิรัตติกาลคือโบสถ์รัตติกาล
เดอะมูน เอ็มลิน ไตร่ตรองสักพักก่อนจะพยักหน้า
“ข้าจะฝากฝังให้เดอะเวิร์ลช่วยจัดการ…”
นี่คือบุคคลที่ไว้ใจได้ที่สุดเท่าที่มันนึกออก
ยังไม่ทันจะสิ้นเสียง เอ็มลินกับเลียวนาร์ดโพล่งขึ้นมาพร้อมกัน
“ไม่ได้!”
“เจ้าเองก็คิดเช่นนั้น?” เดอะมูน เอ็มลิน ชำเลืองด้วยหางตา
เดอะสตาร์ เลียวนาร์ดถอนหายใจ
“มันแน่นอนอยู่แล้ว…งานแบบนี้เล็กน้อยเกินไปสำหรับเขา”
เดอะมูน เอ็มลิน ยิ้มเยาะ
“ข้ามีคำถาม ทำไมเจ้าถึงแนะนำให้ข้าหาทางแจ้งข่าวกับเบื้องบน? ข้าถูกคุมขังในวิหารของรัตติกาลมาหลายวัน เบื้องบนของผีดูดเลือดน่าจะพบความผิดปรกติแล้ว เพียงแต่พวกเขายังไม่อยากลงมือช่วย รอดูว่าจะมีใครพยายามช่วยข้าไหม และใครบ้างที่เป็นพวกพ้องของข้า”
เดอะสตาร์ เลียวนาร์ด มองไปทางอื่น
“ก็อาจจะเป็นแบบนั้น…คุณถึงควรถูกขังอยู่หลังประตูยานิสไปอีกสักสองสามวัน บางทีเมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาอาจหมดความอดทนและตัดสินใจลงมือช่วย”
“…” เดอะมูน เอ็มลิน ตอบสนองไม่ถูกไปสักพัก
หลังจากการสื่อสารส่วนตัวระหว่างหนึ่งมนุษย์หนึ่งผีดูดเลือดจบลง เดอะเวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์มองไปทางเมจิกเชี่ยน ฟอร์ส และกล่าว
“อย่าลืมแจ้งสถานที่และเวลานัดพบให้ผมทราบ เมื่อชุมนุมจบลง ผมจะไปหาคุณและพาไปยังสถานที่ใหม่”
“ตกลง” ฟอร์สรีบขออนุญาตมิสเตอร์ฟูลเพื่อเขียนสถานที่และเวลานัดพบลงบนกระดาษหนัง
หลังจากส่งกระดาษ หญิงสาวลังเลสักพัก
“มิสเตอร์เวิร์ล มีอะไรที่ฉันต้องเตรียมตัวเป็นพิเศษไหม?”
“ทำตัวให้อุ่น” เดอะเวิร์ลตอบห้วน
ทำตัวให้อุ่น… เมจิกเชี่ยน ฟอร์ส มึนงงไปสักพัก ไม่เข้าใจความนัยของอีกฝ่าย
หลังจากอ่านกระดาษหนัง เดอะเวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์มองไปรอบตัวและพูด
“ทุกคนที่อยู่ในเบ็คลันด์ กรุณาสำรวจความผิดปรกติที่เกิดขึ้นรอบตัวให้ดี”
ประการแรก ซาราธมีแนวโน้มที่จะ ‘ล่อ’ อามุนด์ออกมาสำเร็จ ประการที่สอง แม่มดทริสซี่อาจประกอบพิธีกรรมช่วยเหลือมิสเตอร์ประตู และประการที่สาม ไม่มีใครรู้ว่าจอร์จที่สามจะเถลิงบัลลังก์จักรพรรดิมืดตอนไหน
“ตกลง” จัสติส ออเดรย์ และสมาชิกที่เหลือในเบ็คลันด์ทยอยพยักหน้ารับ พลางไตร่ตรองถึงชีวิตประจำวันในระยะหลัง แต่ก็ไม่มีใครพบความผิดปรกติ
หลังจากสนทนาไปได้สักพัก สมาชิกคนอื่นขอให้มิสจัสติสช่วยสะกดจิตเพื่อให้ลืมความทรงจำบางส่วน จากนั้น ชุมนุมทาโรต์ประจำสัปดาห์ถึงคราวยุติลง ร่างมายาของผู้คนทยอยเลือนหายไป เหลือเพียงไคลน์ในตำแหน่งของเดอะฟูล
นั่งเงียบงันอยู่ราวสิบนาที เมื่อไตร่ตรองบางปัญหาเสร็จ ไคลน์ส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริงและเทเลพอร์ตไปยังจุดนัดพบ รอพามิสเมจิกเชี่ยนออกไปท่องเที่ยวโลกกว้าง
ย่างเข้าฤดูหนาว ท้องฟ้าในยามบ่ายสี่โมงของกรุงเบ็คลันด์ค่อนข้างมืดครึ้ม ก้อนเมฆสีเทาจับกลุ่ม และเนื่องจากมีการควบคุมทรัพยากรในภาวะสงคราม โคมไฟถนนที่ใช้พลังงานแก๊สจึงยังไม่ถูกเปิด
………………………..