ตอนที่ 144 วิญญาณชั่วร้าย
เซี่ยวเฉินหยิบเอาระฆังทองแดงอันเล็กออกมาและมองไปที่ความเสียหายบนพื้นผิวของมัน เขายิ้มบางๆและพูดขึ้น “ด้วยสิ่งนี้ มันอาจจะสามารถซ่อมแซมกลับมาได้สําหรับสัญลักษณ์ค่ายกลที่กําลังปั่นป่วน,ข้าสามารถค่อยๆ จัดเรียงมันขึ้นใหม่ในอนาคต”
TLเปลี่ยนจากกระดิ่งเป็นระฆังนะครับ eng ใช้คําว่า belt แล้วมันชิ้นเล็กตอนแรกเลยนึกว่ากระดิ่งครับ ไปดูจีนมาแล้วเป็นระฆังจริงๆครับ
เขาวางระฆังทองแดงไว้บนฝ่ามือและห่อหุ้มเหล็กดวงดาราด้วยสัมผัสวิญญาณของเขา เหล็กดวงดาราค่อยๆลอยขึ้น และเปลวเพลิงสีม่วงอันไร้ขอบเขตในดวงตาข้างขวาของเขาเริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็ว
“ซูว!”
เปลวเพลิงสีม่วงกระโดดออกมาจากตาขวาของเขาและเผาไหม้เหล็กดวงดารา เหล็กดวงดารามีความต้านทานเปลวไฟสูงมาก;เปลวไฟธรรมดาไม่สามารถหลอมละลายมันได้
เวลาไหลผ่านไปช้าๆ สี่ชั่วโมงผ่านไปโดยที่เซี่ยวเฉินไม่รู้ตัว เหล็กดวงดาราภายในเปลวเพลิงสีม่วงไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนแปลง เม็ดเหงื่อผุดเต็มหน้าผากของเซี่ยวเฉิน;มันไหลลงจากใบหน้าของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน เปลวเพลิงที่น่ากลัวทําให้ใบหน้าของเขาเรื่องแดง
“ปัง!”
เซี่ยวเฉินโยนหินวิญญาณอีกก้อนที่หมดซึ่งพลังทิ้งไป นี้เป็นหินวิญญาณก้อนที่สามแล้วที่เขาโยนทิ้งไป
ด้วยการที่ใช้เพลิงแท้อัสนีม่วงเป็นเวลานานเกินไป เขาผลาญพลังปราณไปเป็นจํานวนมาก ความจริง,ด้วยระดับขอบเขตพลังในปัจจุบันของเซี่ยวเฉิน,เขารีบร้อนเกินไปที่พยายามจะหลอมละลายเหล็กดวงดารา
แม้แต่ผู้บ่มเพาะพลังบรรพกาลบนโลก พวกเขายังสามารถละลายเหล็กดวงดาราหลังจากที่พวกเขาขึ้นสู่ระยะหยวนหยิงแล้วเท่านั้น เป็นเช่นนั้น,ของที่มาจากต่างดาว,ไม่ใช่สมบัติธรรมชาติทั่วไป,มันหลอมละลายลงไม่ได้ง่ายๆ
เซี่ยวเฉินปาดเหงื่อบนหน้าผากของเขาออกเบาๆ อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้เป็นกังวลเกินไปนัก เขามองอย่างเฉียบคมไปที่เหล็กดวงดาราที่กําลังร้อนขึ้นเรื่อยๆโดยเปลวเพลิงสีม่วง
“จี่!”
หลังจากเซี่ยวเฉินโยนหินวิญญาณก้อนที่สิบทิ้งไป ก็มีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นกับเหล็กดวงดารา ของเหลวสีแดงเพลิงค่อยๆหยดลงลงไปในขวดหยกที่เซี่ยวเฉินเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้
ในจังหวะนั้นเอง,มีบางอย่างแปลกประหลาดเกิดขึ้นวิญญาณชั่วร้ายที่มองเห็นได้บางเบาพุ่งออกมาจากเหล็กดวงดาราเข้าใส่เซี่ยวเฉินและส่งเสียงร้องกดขี่อันน่ากลัวออกมา
นี้มันคือวิญญาณชั่วร้ายลึกลับแห่งห้วงอวกาศ เหล็กดวงดาราทุกชิ้นจะมีมันติดมา วิญญาณชั่วร้ายนี้จะไม่มีรูปร่างกายหยาบ,มันเป็นเพียงวิญญาณที่กลืนกินจิตวิญญาณของมนุษย์ ทักษะต่อสู้ไม่มีผลกับมัน
ไม่มีใครรู้ว่าวิญญาณชั่วร้ายก่อตัวขึ้นมาได้เช่นไร เหมือนกับผลแปลกประหลาดของเหล็กดวงดารา,มันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ตรรกะทั่วไปมาทําความเข้าใจมัน
เซี่ยวเฉินตกใจแต่ก็ไม่ได้ตื่นกลัว เขาคาดการณ์ถึงวิญญาณชั่วร้ายเอาไว้แล้ว
ขณะที่วิญญาณชั่วร้ายออกมาจากโถและมุ่งตรงไปที่หัวเซี่ยวเฉิน,แสงสีม่วงสองสายก็ยิ่งออกมาจากดวงตาของเขา แสงสีม่วงเจาะทะลุวิญญาณชั่วร้าย ทันทีที่มันถูกเจาะทะลุ,มันปลดปล่อยควันสีดําออกมา วิญญาณชั่วร้ายกรีดร้องออกมาอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะจางหายไป
นี้เป็นลําแสงสีม่วงที่จะลุกออกมาทุกครั้งที่เซี่ยวเฉินเลื่อนระดับขอบเขตพลัง เซี่ยวเฉินไม่เคยรู้ว่ามันเอาไว้ใช้ทําอะไร
อย่างไรก็ตาม,ความปราดเปรื่องของเซี่ยวเฉินบอกกับเขาว่ามันน่าจะสามารถทําลายจิตกลืนวิญญาณนี้ได้ มันราวกับว่าเขาเคยเห็นของบางสิ่งคล้ายคลึงเช่นนี้มาก่อน
ขณะที่กําลังวางแผนหลอมละลายเหล็กดวงดารา,เซี่ยวเฉินตัดสินใจว่าเขาจะใช้โอกาสนี้ทะลวงระดับพลังและก้าวไปสู่ระดับขอบเขตปรมจารย์ยุทธเพื่อที่จะพึ่งลําแสงสีม่วงในการสังหารวิญญาณชั่วร้าย
แม้ว่าตอนนี้จะไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเลื่อนระดับพลัง,แต่เพื่อลบล้างวิญญาณชั่วร้ายจากต่างดาว,เขาจึงไม่มีทางเลือกมากนัก
ทันทีที่วิญญาณชั่วร้ายถูกลบล้างออกไป,เหล็กดวงดาราก็หลอมละลายอย่างสมบูรณ์พอดิบพอดี เซี่ยวเฉินยืนขึ้นและยึดร่างกาย;เขาไม่ได้เร่งรีบตรวจสอบระดับขอบเขตพลังของเขาหลังจากเลื่อนระดับขึ้นมา
เขารีบหยิบขวดขึ้นมาตรวจดู เหล็กดวงดาราที่ยืดขยายขนาดได้เท่าภูเขากลับเหลือเพียงของเหลวสิบหยดเมื่อมันหลอมละลาย
“แหมะ!”
เซี่ยวเฉินค่อยๆหยดของเหลวลงบนระฆังทองแดง ทันทีที่ของเหลวสีแดงหยดลงบนระฆังทองแดง,มันก็แทรกซึมลงไป…ช่างดูแปลกประหลาด
หลังจากที่ของเหลวสีแดงลงไปผสม,ระฆังทองแดงโบราณส่งแสงเรืองสีแดงออกมา พร้อมกับเสียง “ซุ่มม มันลอยขึ้นไปในอากาศทันที
สัญลักษณ์ปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของระฆังทองแดง,ราวกับมีมือล่องหนกําลังบรรจงแกะสลักลงไป รูและรอยแตกเล็กน้อยบนตัวระฆังค่อยๆฟื้นคืนตัวเอง
ระฆังทองแดงปลดปล่อยพลังฉีคุณธรรมออกมา ผู้ใดที่ยืนอยู่ข้างมัน,ผู้นั้นสัมผัสได้ถึงความสงบ เซี่ยวเฉินเผยสีหน้าเป็นสุขขณะที่เขาจ้องมองระฆังทองแดงในอากาศเขาพูดขึ้น “มันเป็นสมบัติลับที่นักปราชญ์โบราณเคยเป็นเจ้าของอย่างแน่นอน มันคุ้มค่ากับหินวิญญาณสิบก้อนที่เสียไป”
“แคร้ง!”
เมื่อเมื่อค่ายกลรูปแบบสุดท้ายบนระฆังทองแดงเสร็จสิ้น,ระฆังโบราณที่สมบูรณ์ปรากฏต่อหน้าของเซี่ยวเฉิน พร้อมกับเสียง “ซุ่มม ,ระฆังยืดขยายไปเป็นขนาดเท่าตัวคนและส่งเสียงสั่นดังออกมา
เสียงนี้ช่างสงบสุข เซี่ยวเฉินยืนอยู่ใต้ระฆัง เขารู้สึกว่าระดับขอบเขตปรมจารย์ยุทธที่เขาได้รับมาใหม่นิ่งเสถียรราวกับเสียงอันไพเราะนี้
เซี่ยวเฉินเงยหัวขึ้นและมองไปข้างในของระฆังทองแดงเป็นหลุมมืด มันลึกลงไปไร้ที่สิ้นสุด เขาอดที่จะคิดไม่ได้ มันดูเหมือนจะมีดินแดนเล็กอยู่ในนั้น
“สมบัติลับที่สามารถสร้างดินแดนเล็กขึ้นมาได้…หรือว่ามันอาจจะเป็นสมบัติลับระดับกษัตริย์ที่เสียหาย?” เซี่ยวเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขามองไปที่ช่องลึกและความสงสัย เติมเต็มไปในหัว
ธงสีดําลอยออกมาจากดวงตาของเซี่ยวเฉิน ธงสีดํานําพาสัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินและเข้าไปในพื้นที่สีดํา
“บูม”
โลกที่เซี่ยวเฉินมองเห็นทันใดนั้นก็แปรเปลี่ยนไป พื้นที่ว่างเปล่าปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของเขา ธงสีดําใต้เท้าของเขามุ่งหน้าลงไปอย่างต่อเนื่อง
“ปัง!” หลังจากดิ่งลงมาไม่รู้ระยะ
ธงสีดําก็ไปติดเข้ากับพื้นเส้นทาง,ที่ปรากฏขึ้นมาในพื้นที่ว่างเปล่า ดินแดนเล็กเริ่มขยายออกไป,เริ่มจากจุดที่ธงอยู่
สายลมกรรโชกรุนแรง,และฝุ่นดินเติมเต็มในอากาศ มีเสียงโห่ร้องคําราม ฉากเบื้องหน้าที่สร้างขึ้นมาโดยดินแดนเล็กคือหนึ่งในสนามรบบรรพกาล
เหนือพื้นที่ว่างเปล่า, สิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์นับไม่ถ้วนยืนนิ่งในท่าทางหนักแน่น สิ่งมีชีวิตพวกนี้มีสามหัวหกแขน;พวกเขาถืออาวุธหลากชนิดอยู่ในมือ,พลังฉีสีดําปกคลุมร่างของพวกเขา
ยังมีบางคนที่มีปีกเหมือนนก พวกเขาลอยอยู่บนท้องฟ้า,ทําประทับมือไปอย่างต่อเนื่อง สายธารแห่งพลังงานอันสูงส่งร่วงหล่นลงมาจากฟ้า
แม้แต่จุดที่ไกลออกไป,ยังมีร่างเจ็ดร่างที่สูงมากกว่า 300 เมตรมันดูราวกับว่าหัวของพวกเขาได้ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของท้องฟ้า เมฆสีดําอันไร้ขอบเขตรวมกลุ่มก้อนรอบหัวของพวกเขา,ทอดยาวไปหลายพันกิโลเมตรเป็นพื้นที่ยาวไกลไปสุดที่ดวงตาจะมองถึงได้เรียงเป็นชั้นไปมองดูยิ่งใหญ่และทรงพลัง
ท่ามกลางพวกเขา,มีมนุษย์ผู้หนึ่งหัวเราะขึ้นเสียงดัง เสียงหัวเราะของเขาเต็มไปด้วยความอาจหาญและจิตวิญญาณ,มันทําให้เลือดของผู้ที่ได้ยินเดือดระอุ
ระฆังทองแดงขนาดยักษ์ลอยอยู่เหนือหัวของเขา เสียงของระฆังช่างฟังดูศักดิ์สิทธิ์ กระจายไปทั่วทุกหนแห่ง รอยแยกที่มองเห็นได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า,เปิดเส้นทางแห่งท้อง ฟ้า
มันเหมือนกับกิ่งไม้ตายกําลังร่วงหล่นออกจากต้นไม้ ร่างคล้ายมนุษย์นับไม่ถ้วยบนท้องฟ้ากลายเป็นเถ้าถ่าน เขากระโดดออกจากพื้นด้วยเท้าของเขา และพื้นเกิดสันสะเทือน,ท้องฟ้าไหวขยับ:ภูเขาแตกแยก,และแม่น้ำพลุ่งพล่าน
เขายื่นมือจะออกไปคว้าจับทันใดนั้นนิ้วมือของเขากลายเป็นใหญ่โตขึ้นมา เขาขี้ร่างคล้ายมนุษย์ทั้งหมดตกตายไปอย่างง่ายดายราวกับมดปลวก
เซี่ยวเฉินยืนอยู่ตรงนั้นไม่เคลื่อนไหว เขาครุ่นคิดอย่างหนักพร้อมกับพูดขึ้นอย่างตกตะลึง “นั้นคือหัตถ์จับมังกร หรือคนผู้นี้จะเป็นบรรพบุรุษของตระกูลเอี้ยน? ช่างแข็งแกร่งอะไรเช่นนี้ เขาสามารถทําลายกฏของพื้นที่แห่งนี้ด้วยฝ่ามือเดียว
เซี่ยวเฉินราวกับเป็นผู้ชมยืนอยู่ท่ามกลางสนามรบนี้ เมื่อกองทัพปีศาจล้อมเข้ามาพลังฉีสีดําเดินผ่าน,ราวกับว่ามันสังเกตเห็นเซี่ยวเฉิน พวกมันมุ่งหน้าตรงไปที่บรรพบุรุษตระกูลเอี้ยนผู้นั้น
อย่างไรก็ตาม,บรรพบุรุษตระกูลเอี้ยนเคยไร้ซึ่งผู้เทียบเคียง ระฆังทองแดงเหนือหัวของเขายิงสายพลังฉีสีเหลืองดําออกมาและปิดกั้นการโจมตีทั้งหมด ไม่มีหน้าไหนเข้าไปใกล้ได้
ในที่สุด,ไกลออกไป,เสียงเย็นชาออกมาจากระหว่างร่างใหญ่ยักษ์ทั้งเจ็ด “สมบัติลับป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์,ระฆังจักรพรรดิตะวันตก?”
ขณะที่เสียงนั้นดังออกมา,ร่างใหญ่ยักษ์ทั้งเจ็ดได้พุ่งออกไป พวกมันก้าวยาวไปและมาถึงตัวบรรพบุรุษตระกูลเอี้ยนผู้นั้น คนที่ล้อมรอบอยู่ถอยออกไปทันที
เกิดเป็นเสียงดังสนั่น.และเกิดหลมใหญ่ขึ้นในพื้นที่ ระฆังจักรพรรดิตะวันตกสั่นเสียงออกมาไม่หยุด บรรพบุรุษตระกูลเอี้ยนผู้นั้นกําลังต่อสู้หนึ่งต่อเจ็ด,แต่เขาไม่ได้เสียเปรียบแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม ขณะที่การต่อสู้ยืดเยื้อออกไป,รอยแตกปรากฏขึ้นบนระฆังจักรพรรดิตะวันตก ในจังหวะสุดท้าย,มันไม่สามารถทนได้อีกต่อไป และสัญลักษณ์ค่ายกลของมันก็พังลงโดยสมบูรณ์
ด้วยเสียงอันดัง,มันเปลี่ยนไปเป็นชิ้นเล็ก,ระฆังประณีตสวยงามร่วงหล่นไปที่พื้น,ตกลงข้างเท้าของเซี่ยวเฉิน บรรพบุรุษตระกูลเอี้ยนผู้นั้นกระอักเลือดออกมาพร้อมกับหัวเราะเสียงดังและทันใดนั้นร่างของเขาก็ระเบิดเขาได้ระเบิดตัวเอง
ทันทีที่เกิดระเบิดขึ้น,สนามรบบรรพกาลถูกลบหายไปไม่เหลือร่องรอย พื้นที่อันไร้ขอบเขตเหลือเพียงเล็กน้อย,ระฆังอันงดงาม,กําลังพิสูจน์ว่าทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นจริง
เซี่ยวเฉินหยิบเอาระฆังทองแดงขึ้นมาและปัดฝุ่นออก เขาส่งสายสัมผัสวิญญาณเข้าไปข้างในมันและพบว่าไม่มีร่องรอยว่าบรรพบุรุษตระกูลเอียนผู้นั้นทิ้งสัญลักษณ์เอาไว้
นี้มันจัดการได้ง่ายกว่ามาก เซี่ยวเฉินทิ้งสัมผัสวิญญาณไว้ข้างในมัน,แปรเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์พร้อมกับผสานเข้ากับระฆังจักรพรรดิตะวันตกอย่างช้าๆ จากนั้นเขาควบคุมธงสีดําเพื่อทะลวงช่องว่างและกลับออกมา
เมื่อธงสีดํากลับเข้าไปในดวงตาของเซี่ยวเฉิน,สัมผัสวิญญาณของเซี่ยวเฉินก็กลับเข้าไปในร่าง เมื่อเขามองไปที่ระฆังจักรพรรดิตะวันตกบนท้องฟ้าอีกครั้ง เซี่ยวเฉินมีสายเชื่อมโยงลึกลับกับมัน
สะบัดมือของเขา,ระฆังทองแดงหดลงไปเหลือขนาดเท่านิ้วมือวางอยู่บนฝ่ามือของเซี่ยวเฉิน เขาพึมพําขึ้น “ระฆังจักรพรรดิตะวันตก..สมบัติลับป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ข้าสงสัยว่าพลังของมันในตอนนี้จะเหลืออยู่เพียงกี่ส่วน?”
เซี่ยวเฉินเก็บระฆังทองแดงเข้าไปในแหวนห้วงจักรวาลและออกจากค่ายกลลวงตาไป หากมีใครบางคนอยู่แถวนี้ หากพวกเขามาเจอเข้าพวกเขาจะต้องประหลาดใจที่ร่างของเซี่ยวเฉินปรากฏตัวออกมาในอากาศ
“หือ?!”
มีเสียงหายใจบางเบาลอยมาเข้าหูของเซี่ยวเฉิน สีหน้าของเซี่ยวเฉินกลายเป็นซีดเทา,และเขาขยายสัมผัสวิญญาณออกไปทันที ตั้งแต่ที่เขาออกจากบ้านท่านเจ้าเมืองมา,เขารู้สึกได้ว่ามีบางคนกําลังสะกดรอยตามเขาอยู่
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกนั้นก็ไม่ได้ชัดเจน ในตอนนี้เขาก้าวขึ้นสู่ระดับขอบเขตปรมจารย์ยุทธ,การรับรู้ของเขาพัฒนาขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกในตอนนี้ชัดเจนขึ้น
เขาตรวจสอบพื้นที่ด้วยสัมผัสวิญญาณของเขาอย่างละเอียดสองสามครั้ง แต่เขาก็ไม่พบใคร เซี่ยวเฉินพูดขึ้นอย่างงุนงง “หรือว่าข้าจะคิดไปเอง? หากมีใครสักคนอยู่จริงๆ สัมผัสวิญญาณของข้าต้องตรวจพบนานแล้ว”
ส่ายหัวไปมา,เซี่ยวเฉินหยุดไปคิดเกี่ยวกับมัน เขามองไปข้างหน้าเดินมุ่งหน้าต่อไป
ในจังหวะนั้นเอง เสี่ยวไปวิ่งมาแต่ไกล มีกิ่งก้านสมุนไพรคาบอยู่ในปากของมัน มันกระโดดลงตรงหน้าของเซี่ยวเฉิน,อวดโอ้สมบัติที่มันหาเจอ
เซี่ยวเฉินรับพวกมันมามองดู เขาอดยิ้มขึ้นไม่ได้:พวกมันเป็นสมุนไพรระดับ 5 หญ้าเรืองแสง เซี่ยวเฉินเดิมที่ไม่ได้สนใจจะไปเก็บพวกมัน ใครจะรู้ว่าเสี่ยวไป๋จะวิ่งไปวิ่งมาคาบมันกลับมาหาเขา?