War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3324

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3,324 : รอไม่ไหว
 
‘ถึงแม้จะเป็นนักโทษบนชั้น 3 ของคุกหมื่นพันธนาการที่ล้วนเก่งกาจในเรื่องป้องกัน จนทําให้วังเทียนฉือหมดปัญญาจะฆ่า…แต่อาศัยกระบีฮุ่นหยวนเมื่อครู่ของจักรพรรดิอมตะหยกกุ้ง ก็สามารถฆ่าพวกมันได้!
 
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
 
“เจ้าสามารถควบคุมมังกรชั่วร้ายได้งั้นหรือ?”
 
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนเก็บมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 เข้าโลกใบเล็ก สีหน้าเมิ่งชวนก็เผยความประหลาดใจอยู่บ้าง เดิมที่ตอนต้วนหลิงเทียนใช้เคลื่อนมิติวูบร่างไปโผล่ด้านหลังตึกหรู เมิ่งชวนถึงงุนงงว่าต้วนหลิงเทียนทําไปเพื่ออะไร เพราะต่อให้จะลงมือ แต่อาศัยระดับพลังเท่านั้นจะไปทําอะไรตู๋กูหวู่ได้?
 
มันไม่รู้ว่าตัวเองดูเบาต้วนหลิงเทียนมากเกินไป จนกระทั่งเห็นต้วนหลิงเทียนนํามังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ออกมา จากนั้นก็สั่งให้พวกมันโจมตีด้ววยพลังที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าการล งมือเต็มกําลังของจักรพรรดิอมตะสมญานามทั่วๆไปเลย!
 
“ดูเหมือนว่าผู้สืบบทอดของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ที่ระนาบโลกียะจักมิใช่ชั่วเลยจริง”
 
เมิ่งชวนลอบกล่าวในใจอย่างยิ่งๆ สมแล้วที่เป็นผู้โดดเด่นจนได้รับสืบทอดมรดกของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ในระนาบโลกียะได้”
 
ที่สําคัญเจ้ามังกรชั่วร้ายทั้งคู่นั่น กลับสามารถผสานพลังกันได้อย่างอัศจรรย์..
 
สายตาที่เมิ่งชวนใช้มองต้วนหลิงเทียนตอนนี้ เต็มไปด้วความประหาดใจมากขึ้นทุกที
 
“แต่จะว่าไป…เจ้านี้ที่มีร่างที่แท้จริงเป็นไผ่สวรรค์แกร่งนับว่าร้ายกาจไม่เบาเลยทีเดียว…หากไม่ใช่เพราะข้าสําเร็จเคล็ดกระบี่ฮุ่นหยวนที่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ชี้แนะเอาไว้ ต่อให้เจ้าจะใช้มังกรชั่วร้ายคู่นั้นร่วมมือกันเล่นงานมันกับข้า แต่เกรงว่าคงยากจะฆ่ามันได้”
 
เมิ่งชวนหันไปมองต้วนหลิงเทียน กล่าวออกมาด้วยยสองตาเป็นประกาย “สหายน้อยต้วน แล้วมิทราบท่านไปมีเรื่องบาดหมางกับจักรพรรดิอมตะสมญานามเช่นนี้ได้อย่างไรเล่า? เท่าที่ข้าดู…เจ้านั่นต่อให้เป็นอู๋หยาเทียนแห่งนี้ แต่พลังฝีมือของมันเกรงว่าจะเหนือกว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามทั่วไปพอตัวเลยทีเดียว ระดับของมันอยู่ในช่วงกลางค่อนไปทางสูง”
 
ในระนาบเทวโลก เหล่าจักรพรรดิอมตะสมญานามก็มีแบ่งแยกสูงต่ำเช่นกัน
 
ตัวอย่างเช่นเมิ่งชวนนั้น จัดว่าเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามที่มีพลังฝีมือระดับกลางๆค่อนไปทางสูงเหมือนกัน สําหรับจักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่าง เมิ่งหลัว พี่ชายของมันนั้น ถือว่าเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามระดับสูง เรียกว่าเบียดตัวไปยืนอยู่ในบรรดาจักรพรรดิอมตะสมญานามระดับแนวหน้าได้
 
“เจ้านั่นมันเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามที่รับจ้างฆ่าคนนะ…”
 
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “เดิมที่ข้ากับมันก็ไม่มีเรื่องมีราวอะไรกันหรอก…แต่ในวังเทียนฉือมีคนที่คิดฆ่าข้าให้พ้นทาง”
 
“พวกมันก็เลยรวมหัวกันจ้างพี่น้องมือสังหาร คนที่ท่านพึ่งฆ่าไปก็คือมือสังหารคนพี่…ส่วนเจ้าคนน้องนั้นถูกข้าฆ่าตายไปแล้ว”
 
“มันน่าจะได้รับแจ้งจากคนที่คิดเล่นงานข้าว่าข้าได้ออกจากวังเทียนฉือมา เช่นนั้นมันก็เลยมาดักรอข้าขากลับ”
 
“ยังรอจนได้เจอข้าที่พึ่งกลับมาวันนี้อีกด้วย”
 
กล่าวจบคํา สองตาต้วนหลิงเทียนก็เผยประกายเย็นชาวูบวาบ
 
เหลยจวิ้น!
 
หากไม่ใช่เพราะตอนนี้เรื่องที่สําคัญที่สุดก็คือช่วยบิดามารดาของฮ่วนเอ๋อออกจากคุกล่ะก็เขาก็แทบรอไปคิดบัญชีเหลยจวิ้นถึงหน้าประตูไม่ไหวแล้ว!
 
“คนเช่นนี้หากฆ่าได้ก็รีบๆฆ่าไปให้เร็วที่สุด”
 
เมิ่งชวนกล่าว “ผู้ที่เล่นงานเจ้าอย่างเปิดเผยไม่ได้น่ากลัวอะไร…แต่กับผู้คนที่ซุ่มซ่อนตัวราวอสรพิษและสามารถลอบกัดเจ้าได้ทุกเวลาเช่นนี้ นับว่าน่ากลัวที่สุด”
 
“อ่า”
 
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า สองตาเย็นลงราวจะแช่แข็งผู้คน “มันอยู่ได้อีกไม่นานหรอก”
 
“ผู้อาวุโสเมิ่งชวน ถ้าอย่างไรข้าขอตัวกลับก่อน…รบกวนท่านทําตามขั้นตอนปกติ และ ไปพบจ้าววังเทียนฉือเพื่อหารือเรื่องปล่อยคนดู”
 
หลังจากกล่าวลาเมิ่งชวนแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เดินทางกลับวังเทียนฉือด้วยตัวเอง ไม่ นานก็กลับถึงเขตที่พักในด่านของฉือหล่าง
 
หลังกลับมาถึงที่พักแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
 
เพราะเท่าที่ดูจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไม่ต้องเหนื่อยแรงลงมืออะไรต่อก็เป็นได้ “จ้าววังเทียนฉือไม่ว่าจะอาฆาตแค้นเพียงไร อย่างน้อยๆก็น่าจะไว้หน้าอาวุโสเมิ่งชวนกระมัง?
 
“พลังฝีมือของอาวุโสเมิ่งชวนก็ไม่ใช่เล่นๆเลย แถมยังเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนเทียน….และในปัจจุบัน 9 ใน 10 ส่วนผู้อาวุโสฟงชิงหยางก็สมควรมีพลังสูงส่งสุดที่จักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนจะกล้าตอแย”
 
ต่อให้จ้าววังเทียนฉือจะมีสัมพันธ์กับจักรพรดริสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน แต่ก็คงไม่กล้าไม่ไว้หน้าอาวุโสเมิ่งชวนส่งเดช
 
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ในใจต้วนหลิงเทียนก็คาดหวังว่าเรื่องราวจะเป็นไปได้ด้วยดี
 
เพราะหากเรื่องมันจบลงง่ายๆเพียงเท่านี้ เขาก็ไม่ต้องเผชิญหน้ากับฉือหล่างและศิษย์พี่คนอื่นๆในฐานะคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวังเทียนฉือ เพราะเขาเห็นทุกคนเป็นดั่งครอบครัวแล้วจริงๆ
 
“คิดมากไปก็เท่านั้น ตอนนี้ก็ได้แต่รอข่าวจากอาวุโสเมิ่งชวน
 
ต้วนหลิงเทียนเดิมทีก็คิดจะบ่มเพาะพลังฆ่าเวลาไปพลางๆ แต่เขากลับไม่อาจสงบใจลงได้ เช่นนั้นจึงเลือกที่จะรอเฉยๆ
 
ราวๆ 1 ชั่วยามต่อมา
 
ในที่สุดเมิ่งชวนก็ส่งข้อความติดต่อมาถึงเขา “ข้าได้คุยกับจ้าววังเทียนฉือแล้ว กระทั่งใช้ท่าที่แข็งกร้าวยืนกรานจะให้มันปล่อยคน…แต่เจ้าบ้านั้นมันเลือกที่จะปฏิเสธเสียงแข็งไม่ได้ไว้หน้าข้าเลย!”
 
“มันยังบอกข้าอีกว่า เรื่องนี้เว้นเสียแต่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์จะมาด้วยตัวเอง หาไม่แล้วต่อให้เป็นพี่ชายของข้าเมิ่งหลัวมาเอง มันก็ไม่คิดจะปล่อยคน”
 
ข้อความที่เมิ่งชวนส่งมานั้น เพียงฟังดูต้วนหลิงเทียนก็สมผัสได้ถึงความไม่สบอารมณ์และความโกรธชัดเจน
 
เนื่องจากต้วนหลิงเทียนบอกเมิ่งชวนไว้ว่าอย่าได้พูดถึงเขา เมิ่งชวนก็ไม่ได้พูดถึงเขาออกมา
 
นอกจากนั้นต้วนหลิงเทียนในปัจจุบันก็เป็นแค่ผู้สืบทอดมรดกที่ ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนเหลือทิ้งไว้ในระนาบโลกียะเท่านั้น ยังไม่ได้รับการยอมรับจากฟงชิงหยางเลยด้วยซ้ำ จึงไม่ถือว่าเป็นศิษย์ของฟงชิงหยาง
 
เช่นนั้นต่อให้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดก็ไม่มีประโยชน์
 
อย่างน้อยๆก็ไม่มีประโยชน์เท่าเมิ่งชวนออกหน้า
 
แต่บัดนี้กระทั่งเมิ่งชวนออกหน้าที่แล้ว แต่ยังโดนปฏิเสธกลับมา
 
“ต้วนหลิงเทียน…ดูจากสถานการณ์ตอนนี้เท่าที่ห่วง ข้าว่าท่านทําได้แค่รอให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ติดต่อกลับมาเท่านั้น จากนั้นท่านก็แค่ไปขอพบใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ และขอให้ใต้เท้าออกหน้าสักครั้ง”
 
เมิ่งชวนส่งข้อความให้ต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง เป็นการเสนอความคิด
 
ในสายตาของมัน ด้วยลักษณะนิสัยของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ เนื่องจากต้วนหลิงเทียนได้รับสืบทอดมรดกที่เหลือทิ้งไว้ในระนาบโลกียะ แม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ใช่ผู้สืบทอดที่อีกฝ่ายห่วงใย แต่กับอีแค่เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ย่อมเต็มใจช่วยเหลือแน่นอน
 
เนื่องจากใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ของมันให้ค่ากับคําว่า “โชคชะตา” มากที่สุด และเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต ล้วนเป็นเพราะโชคชะตานําพา
 
“รออาวุโสฟงชิงหยางงั้นหรือ…”
 
ได้ยินข้อเสนอของเมิ่งชวน ใจต้วนหลิงเทียนก็จมลงทันที
 
คราวนี้ได้เมิ่งชวนมาออกหน้าช่วยเหลือ ก็ทําให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกยินดีอย่างเหนือคาด แต่กับอาวุโสฟงชิงหยางที่เป็นถึงจักรพรรดิสวรรค์แล้ว ไปขอความช่วยเหลือเช่นนี้ อีกฝ่ายจะเต็มใจมาจริงๆหรือ?
 
เรื่องของเรื่องก็คือตอนนี้อาวุโสฟงชิงหยางไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ กระทั่งเมิ่งชวนยังไม่อาจติดต่อได้
 
แล้วต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะปรากฏตัว สิบวัน ร้อยเดือน หรือพันปี?
 
“ผู้อาวุโสเมิ่งชวนท่านว่าเมื่อไหรถึงจะมีข่าวจากอาวุโสฟงชิงหยางหรือ?”
 
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม
 
“เรื่องนี้ข้าเองก็ตอบยาก…”
 
เมิ่งชวนกล่าว “อาจเป็นไม่กี่ปี ไม่แน่ก็อาจจะ 20-30 ปี หรือหลายร้อยปี…กระทั่งพันปีก็อาจเป็นได้”
 
การออกไปของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ครั้งนี้โดยมีพี่ชายของมันติดตามไปด้วย หากว่ามันเดาไม่ผิด ทั้งคู่สมควรไปยังนรกอสุราซึ่งเป็น 1 ใน 7 แดนต้องห้ามของระนาบเทวโลก
 
และในนรกอสุรานั้น ไม่มีหนทางติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกเลย กระทั่งไม่ใช่สถานที่ๆบุคคลภายนอกคิดจะเข้าไปส่งข่าวก็เข้าไปส่งข่าวกันได้ง่ายๆ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องเข้าไปแล้วะจะไปหาตัวคนที่ไหนด้วยซ้ำ!
 
“มันนานเกินไป..ข้ารอถึงตอนนั้นไม่ไหว”
 
ต้วนหลิงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มเหยเก
 
“ท่านอาวุโสเมิ่ง”
 
ทันใดนั้น ต้วนหลิงเทียนคล้ายจะฉุกคิดอะไรบางอย่าง สองตายังเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา “หากข้าคิดใช้วิธีเอากําลังเข้าว่า ช่วยคนแล้วบุกฝ่าออกมาอย่างอุกอาจ…ท่านพอจะสกัดจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือให้ข้าได้สักคนไหม?”
 
“เพราะทางข้านั้น จะมีจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 6 คนที่เก่งกาจในเรื่องการป้องกันเพราะเข้าใจกฎแห่งดิน สามารถรบเร้าพัวพันกับจักรพรรดิอมตะสมญานาม 6 คนของวังเทียนฉือได้”
 
“และในวังเทียนฉือก็มีจักรพรรดิอมตะสมญานามแค่ 9 คนเท่านั้น”
 
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
 
ส่วนอีกด้าน เมิ่งชวนพอได้ยินข้อความดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนก็นิ่งคิดไปพักหนึ่ง ค่อยส่งข้อความตอบกลับตอบว่า “จ้าววังเทียนฉือโหยวเฟิงอวี้นั้นถึงมันจะร้ายกาจกว่าข้า ข้าก็ยังพอจะรับมือมันได้อยู่ แต่ข้าทําได้แค่หยุดมันเอาไว้สักระยะเท่านั้น”
 
“สําหรับจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 8 คนที่เหลือ…ทางเจ้าที่มีแค่ 6 คน ไม่น่าจะเอาอยู่กระมัง?”
 
เมิ่งชวนกล่าว
 
“และถึงข้าจะมีสหายที่ที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์หลายคน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มันเสี่ยงไม่น้อย ข้าเองก็ไม่อาจไปร้องขอให้พวกมันเอาชีวิตมาเสี่ยงได้”
 
เมิ่งชวนยังกล่าวสืบต่อว่า “เดิมที่อาศัยพลังฝีมือระดับข้า ต่อให้ข้าเป็นคนของพระ ราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน กังไม่ได้สลักสําคัญมากพอให้จ้าววังเทียนฉือไม่กล้าฆ่าข้าหรอก…”
 
“แต่ทั้งหมดเป็นเพราะพี่ชายของข้าคือเมิ่งหลัว ที่เป็นดั่งแขนขวาของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนเรา…เจ้าโหยวเฟิงอวี้นั่น มันก็เลยไม่กล้าฆ่าข้าแน่นอน”
 
ฟังจากข้อความนี้ของเมิ่งชวนแล้ว ยังบอกต้วนหลิงเทียนเป็นนัยว่า….
 
มันสามารถช่วยเหลือตัวนหลิงเทียนรับมือคนของวังเทียนฉือได้ เพราะมันรู้ดีว่าโหยวเฟิงอวี้ ไม่กล้าเล่นงานมันถึงชีวิตแน่นอน และด้วยพลังฝีมือของมันอย่างดีก็ทําได้แค่ถ่วงรั้งโหยวเฟิงอวี้เอาไว้
 
สําหรับจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 8 คนของวังเทียนฉือ ตัวมันก็จนปัญญา
 
ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้มันจะสามารถติดต่อพวกพ้องที่เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมียเทียนมาช่วยได้ แต่คนพวกนั้นไหนเลยจะยอมมา? เพราะสิ่งนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากเอาชีวิตมาเสี่ยงกับโทสะของจ้าวเทียนฉือเลย….
 
ที่สําคัญที่สุดก็คือ คนอื่นๆอย่างไรก็ต้องกริ่งเกรงบารมีของจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนที่อยู่เบื้องหลังวังเทียนฉือ
 
เจ้าวังเทียนฉือกับจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนนั้น เป็นหลานชายกับตา เรียกว่าเป็ญาติ แท้ๆกัน
 
ด้วยเพราะเมิ่งชวนมีพี่ชายประเสริฐ เช่นนั้นก็เสมือนพกยันต์กันตายยี่ห้อจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน! เพราะถ้าหากมันถูกฆ่าตายขึ้นมาด้วยเห็นแก่เมิ่งหลัว จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนก็สามารถหันคมดาบใส่จ้าววังเทียนฉือได้ทันที!
 
ทําให้เมิ่งชวนนั้นกล้าที่จะลุยไถสักครา แต่คนอื่นๆไหนเลยจะกล้าลุยไถไปกับมัน?
 
“หากเจ้ายืนยันจะใช้กําลังช่วยคนจริงๆ อย่างน้อยๆก็ต้องหาจักรพรรดิอมตะสมญานาม มาเพิ่มอีกสักคนสองคน…นอกจากนั้นแล้ว เว้นเสียแต่เจ้าจะยืนยันได้ว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือ ไม่ได้อยู่ในวังเทียนฉือกันครบทั้ง 9 คน”
 
เมิ่งชวนกล่าว
 
ถึงแม้เมิ่งชวนจะสามารถหาคนมาช่วยได้ แต่ก็คงมีแค่ไม่กี่คนที่เต็มใจจะมา
 
อย่างไรก็ตาม คนที่มันจะขอแรงให้มาช่วยล้วนแล้วแต่เป็นสหายสนิทของมันทั้งสิ้น ทุกคนอาจมาเพราะเห็นแก่หน้าของมัน ทว่าหากคนที่มันชวนมาเกิดพลาดท่าตกตายเล่า? ถึงตอนนั้นจะยังฟ้องร้องกับใครได้ จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนก็คงไม่ออกหน้าล้างแค้นให้สหายของมันแน่นอน
 
“ประเด็นสําคัญก็คือ….ตอนนี้ไม่อาจยืนยันได้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นทายาทที่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์กําลังตามหาตัวหลังออกมาจากนรกอสุราคนนั้นจริงๆ”
 
เมิ่งชวนลอบกล่าวในใจ หากข้าสามารถยืนยันเรื่องนี้ได้ล่ะก็ แค่ข้าบอกพรรคพวกไปโดยตรงรับรองว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งหมดของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมียเทียนต้องยกขโยงกันมาเอาหน้าหมดแน่!”
 
ถึงตอนนั้นต่อให้รู้ว่าต้องไปฉะกับจักรพรรดิสวรรค์ของอู๋หยาเทียนสักคราก็คงไม่มีใครขัดข้อง!”
 
ทั้งหมดเป็นแค่ความคิดของเมิ่งชวนเท่านั้น
 
เนื่องเพราะตอนนี้มันไม่อาจยืนยันได้เลย ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นอะไรในสายตาของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์มัน และฐานะในใจสําคัญมากพอหรือไม่ เช่นนั้นมันย่อมไม่กล้าเสียงทุ่มทุนอะไรมากนัก
 
“หาจักรพรรดิอมตะสมญานามมาช่วยเพิ่มสักคนสองคน?”
 
หลังได้รับข้อความของเมิ่งชวน ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วหน้านิ่ว
 
จักรพรรดิอมตะสมญานามคนสองคนที่ว่า…เอาแค่รู้จักต้วนหลิงเทียนยังไม่รู้จักใครเลยเขาจะไปขุดมาจากไหนได้?
 
“จูเก่อฟง กับจูเก่ออวิ๋นล่ะ?”
 
“ไม่! ไม่อาจรบกวนทั้ง 2 คนนั้นได้! ถึงพลังฝีมือของทั้งคู่จะดี แต่คิดจะฆ่าจักรพรรดิอมตะสมญานามยังต้องอาศัยการร่วมมือกัน และเผลอๆต่อให้ร่วมมือกันยังจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดิอมตะสมญานามวังเทียนฉือด้วยซ้ำ
 
พอคิดถึงผู้นําสายก้านเจี้ยงกับม่อเหยีย ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหัวทันที และล้มเลิกความคิดจะขอความช่วยเหลือจากทั้งคู่
 
“ด้วยอาศัยมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ผสานกําลังกัน รวมถึงร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิว หากเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามระดับล่างๆของวังเทียนฉือ ข้าเองก็พอต้านรับพวกมันได้อยู่
 
“ส่วนครู หากไม่ลงมือกับจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 ที่จะแหกคุกหมื่นพันธนาการ และมาเผชิญหน้ากับข้า…ไม่แน่ด้วยเห็นแก่ความรู้สึกที่ผ่านมาก็อาจจะปล่อยข้าไป แต่ก็ไม่อาจหวังอะไรขนาดนั้นได้
 
สุดท้ายแล้ว การที่ข้าปล่อยนักโทษทั้ง 6 ของวังเทียนฉือออกมาก็เสมือนตั้งตัวเป็นศัตรูกับวังเทียนฉือชัดเจน

War Sovereign Soaring The Heavens

War Sovereign Soaring The Heavens

Type: Author:
จิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธในโลกปัจจุบัน ได้ทะลุข้ามไปยังโลกอื่นรวมเข้ากับความทรงจำของของเด็กหนุ่ม ที่ถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา จนกระทั้งขาดใจตาย การฝึกฝนเทคนิค เก้ามังกรเทพสงคราม จะสามารถกวาดล้างศัตรูได้โดยไม่มีวันแพ้! ขณะที่เขา มีความสามารถในการปรุงยา การสร้างอาวุธ และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ … ทักษะทั้งหมดนี้ คือวิถีทางแห่งราชันย์!

Options

not work with dark mode
Reset