“เร็วเข้า! ใครก็ได้มาช่วยพยุงประธานฟ่านที” หลินเหว่ยเซินตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย “ส่งตัวเขาไปถึงบ้านอย่างปลอดภัยด้วย”
ประธานฟ่านได้สติขึ้นมาหลังจากสะดุ้งกับน้ำเย็นเฉียบก่อนลุกขึ้นยืนโดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยพยุงเอาไว้ เขาชี้ไปทางซย่าหันโม่ทั้งร่างที่สั่นเทา “เธอ… เธอต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไปวันนี้แน่!”
ซย่าหันโม่ไม่ได้สะทกสะท้าน “แล้วฉันจะรอนะคะ”
ถังหนิงมองทั้งสองฝ่ายก่อนส่ายหน้า หลังจากประธานฟ่านถูกส่งตัวออกไป เธอก็หันมาพูดกับซย่าหันโม่ “นี่เป็นปัญหาของฉัน ไม่อยากให้เธอเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน”
ซย่าหันโม่ถึงกับอึ้งไป
“เธอไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับจู้ซิงมีเดียอีกแล้ว เลิกเข้ามายุ่งเรื่องของฉันกับหลินเฉี่ยนสักที
“ไอ้สารเลวนั่นไม่ใช่คนที่เธอจะมีปัญญารับมือได้หรอกนะ จำเอาไว้ว่าถ้าเจอเขาอีก อยู่ให้ห่างจากเขาเท่าที่จะทำได้ซะ… มันไม่ใช่เรื่องของเธอ
“ดูเหมือนว่าเธอจะสะใจที่ได้แก้แค้นคืนแล้วนะ ถ้างั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่เธอจะนั่งข้างฉันอีกแล้วล่ะ”
ซย่าหันโม่ได้แต่เงียบขณะที่หันกลับไปนั่งที่เดิม
เธอรู้ว่าไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่ว่าเธอจะพูดหรือทำอะไร เธอก็ถูกไล่ออกจากจู้ซิงมีเดียแล้ว
“ถิงคะ คุณต้องจับตาดูประธานฟ่านเอาไว้เผื่อว่าเขาจะหาทางแก้แค้นซย่าหันโม่นะคะ”
โม่ถิงพยักหน้าขณะที่ยืนด้านหลังถังหนิง “ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะบอกให้ลู่เช่อจัดการให้ทันทีที่เรากลับถึงบ้าน”
“แม้ว่าเธอจะไม่ได้เป็นคนของจู้ซิงมีเดียแล้ว ฉันเองก็ไม่ได้อยากให้เกิดเรื่องขึ้นกับเธอน่ะค่ะ”
โม่ถิงเข้าใจว่าถังหนิงคิดอะไรอยู่ ถึงอย่างไรพวกเขาก็แต่งงานกันมานาน เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อยากให้
ซย่าหันโม่มาติดร่างแหด้วย
“วันนี้ฉันแค่ทำให้เขาอับอาย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ยอมรามือนะคะ”
โม่ถิงไม่ได้พูดสิ่งใดเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมา เพราะเขาได้แอบวางแผนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว หากแต่เรื่องบางอย่างย่อมต้องใช้เวลา
ไม่นานงานแต่งงานก็กลับมาเป็นปกติสุข หลังจากมื้อเที่ยง ถึงเวลาสำหรับงานเลี้ยงต้อนรับ
ด้วยตอนนี้เธอท้องอยู่ ไม่อาจเข้าร่วมในการเต้นได้อยู่แล้ว จึงได้แต่นั่งอยู่ข้างๆ โม่ถิง
เพราะเป็นการรวมตัวของศิลปิน แขกหลายคนจึงสามารถร้องเพลงและเต้นได้
โดยเฉพาะภรรยาของหลินเหว่ยเซินที่มีความสามารถในการเต้นหลายแบบ อย่างที่เขาว่าไว้ก่อนหน้านี้ว่าเธอมีฝีมือไม่น้อย
“คุณวางแผนจะให้ผู้หญิงคนนี้เซ็นสัญญาเข้าจู้ซิงมีเดียจริงๆ เหรอครับ”
“คุณก็ได้ยินไม่ใช่เหรอคะ หลินเหว่ยเซินมาขอร้องฉันด้วยตัวเอง ฉันจะปฏิเสธเขาได้ยังไงล่ะ” ถังหนิงตอบ “คุณเองก็เห็นการแสดงที่น่าประทับใจของเธอเมื่อกี้แล้วนี่คะ พวกเขาตั้งใจทำให้ฉันเห็นว่าสามารถปั้นเธอให้โด่งดังได้”
“ผมเข้าใจว่าคุณต้องตอบแทนความช่วยเหลือของเขานะครับ แต่ผมก็รู้ว่าคุณไม่ชอบผู้หญิงคนนั้นเหมือนกัน”
“คุณโม่ บางทีคุณอาจเป็นพยาธิในท้องฉันก็ได้นะคะเนี่ย” ถังหนิงหัวเราะคิกคัก “คุณรู้ทุกอย่างที่ฉันคิดได้ยังไงกัน”
โม่ถิงบีบปลายจมูกถังหนิง บางอย่างก็เห็นกันอยู่ชัดๆ
ในตอนนี้เอง ถังหนิงมองสำรวจไปรอบตัว พบว่าซย่าหันโม่หายตัวไปแล้ว เดิมทีเธอนึกว่าอีกฝ่ายกลับไปเพราะติดงาน แต่เธอไม่รู้ว่าซย่าหันโม่ได้ถูกล่อลวงไปที่อื่นเสียแล้ว
บรรยากาศด้านนอกงานแต่งงานชื่นมื่นท่ามกลางเสียงเพลงและการเต้นรำ ทว่าในขณะที่ทุกคนกำลังมีความสุขและสนุกสนาน ความน่าขนลุกพลันแผ่ซ่านมาจากที่ไหนสักแห่ง
เสียงแก้วแตกลั่นดังขึ้นหลังจากนั้นพร้อมกับคนคนหนึ่งที่ตกลงมาบนพื้นหญ้า ใครบางคนรู้ว่าเป็นใครทันที
“นั่นซย่าหันโม่นี่… ซย่าหันโม่!”
เมื่อได้ยินชื่อซย่าหันโม่ ถังหนิงก็ลุกขึ้นยืนโดยมีโม่ถิงคอยประคองและพาเธอเดินฝ่าฝูงชน ภาพของซย่าหันโม่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นสู่สายตา เธอนอนอยู่บนพื้นพร้อมเลือดที่ไหลทะลักออกมาทางปากและจมูก ถังหนิงทรุดลงข้างๆ เธอในทันใด
“หันโม่…”
ซย่าหันโม่ตัวสั่นระริกพลางชี้นิ้วไปด้านบน “ชั้นห้า…ชั้นห้า…”
ถังหนิงเข้าใจว่าเธอคงตกลงมาจากชั้นห้า
โม่ถิงที่อยู่ด้านหลังเธอได้โทรเรียกตำรวจและรถพยาบาล
“ถังหนิง…ประธานฟ่าน…อยู่บนชั้นห้าเขา…ผลัก…ฉัน!”
ประธานฟ่านไม่ได้ถูกส่งตัวกลับบ้านไปแล้วหรือ อีกอย่างซย่าหันโม่ขึ้นไปชั้นห้าของโรงแรมตั้งแต่ตอนไหนกัน
“หนิง…ทุกคนมีจุดจบของตัวเอง ฉันว่า…นี่อาจเป็นจุดจบที่ดีที่สุดของฉัน..” หลังจากพูดเช่นนี้ ซย่าหันโม่ก็จับมือถังหนิงไว้แน่น “คุณจะให้อภัยฉันไหม. คุณ…จะ…ยกโทษ…”
“เลิกพูดได้แล้ว ถ้าเธอมีชีวิตรอดฉันจะอภัยให้เธอ” ถังหนิงว่าขึ้นพลางปิดปากซย่าหันโม่ไว้ “แค่เธอรอดตายก็พอ”
ซย่าหันโม่จมอยู่ในกองเลือดพร้อมสายตาที่สบมองถังหนิง เมื่อได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย เธอก็หลุดหัวเราะออกมา
หากแต่ถังหนิงกลับสะเทือนใจอย่างรุนแรง
เมื่อซย่าหันโม่หมดสติไป ถังหนิงกำหมัดแน่น เธอปรานีกับประธานฟ่านเกินไป เขาเลยได้ใจจนถึงขั้นทำร้ายคนที่เธอรักครั้งแล้วครั้งเล่า
โม่ถิงรู้ว่าถังหนิงโกรธ เขากุมมือเธอเอาไว้ “ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมวางแผนทุกอย่างไว้แล้ว”
“ไม่ค่ะ ฉันต้องการทำให้เขาใช้ชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น”
ไม่นานตำรวจก็เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ตามมาด้วยรถพยาบาล ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซย่าหันโม่ก็ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล
ถังหนิงและโม่ถิงเดินทางไปยังโรงพยาบาลเช่นกัน พลันรู้สึกในตอนนั้นว่าความขัดแย้งทุกอย่างก่อนหน้านี้ได้เลือนหายไป
ซย่าหันโม่ผิด แล้วถังหนิงล่ะ
ถังหนิงเริ่มโทษตัวเอง ยิ่งเมื่อมาถึงโรงพยาบาลและเห็นคำว่า ฉุกเฉิน เขียนไว้บนห้องรักษาพยาบาล เธอได้แต่นั่งรออยู่ด้านนอกด้วยท่าทีนิ่งสงบจนน่าหวั่นใจ
อย่างไรก็ตามไม่นานโม่ถิงก็สังเกตเห็นรอยเลือดที่ชายกระโปรงของเธอ…
เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เลือดของซย่าหันโม่เพราะมันไหลมาจากทางต้นขาของเธอ
“หมอครับ…หมอ!”
ด้วยเหตุนี้ถังหนิงจึงถูกส่งตัวเข้ารักษาที่แผนกสูตินรีเวชก่อนที่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จะรีบมาดูอาการของเธอและลูกในท้อง หมอส่ายหน้าในขณะตรวจดูอาการของถังหนิง “ผู้หญิงท้องควรรักษาอารมณ์ให้คงที่เอาไว้ค่ะ อารมณ์ที่แปรปรวนแบบนี้จะส่งผลอันตรายต่อลูกในท้องได้
“คุณแม่และเด็กควรพักผ่อนบนเตียงอย่างน้อยสักครึ่งเดือนนะคะ แล้วก็จะให้อารมณ์ของคุณแม่แปรปรวนมากไม่ได้ด้วยค่ะ”
ถังหนิงฟื้นขึ้นมาและได้ยินคำสั่งของหมอ เธอหันไปมองโม่ถิงและถามทันที “ซย่าหันโม่เป็นยังไงบ้างคะ”
“เธอพ้นขีดอันตรายแล้วครับ” โม่ถิงตอบพลางนั่งลงข้างเตียงของเธอ “ต่อไปนี้คุณไม่ต้องห่วงอะไรแล้วนะ ให้ผมรับผิดชอบเรื่องที่เหลือเอง”
“ถิงคะ…”
“ฟังผมนะ ไม่อย่างนั้นผมจะรู้สึกผิดที่ทำให้คุณเป็นอย่างนี้มากนะครับ”
ถังหนิงเข้าใจว่าเขาจริงจังขนาดไหน จึงพยักหน้ารับ
“นับจากนี้ไป กลับบ้านแล้วพักผ่อนซะนะครับ ผมจะจัดการเรื่องทุกอย่างเอง”
เธอดูออกว่าประธานโม่กำลังโกรธ…
อันที่จริงเขากำลังโกรธอย่างถึงที่สุด…
“ถิงคะ…อย่าปล่อยไอ้สารเลวนั่นรอดไปได้นะคะ” ถังหนิงขอร้องขณะกุมมือเขาไว้
“ตามใจคุณเลยครับ” โม่ถิงตอบรับ