หลายปีก่อนเคยมีรายงานข่าวว่าชายหนุ่มอายุไม่ถึง 20 ปี มีอาการคลุ้มคลั่งที่บ้าน ไล่เอามีดแทงคน พลั้งมือแทงแม่ตัวเองจนตาย และแทงตาพ่อจนทำให้พ่อตาบอดข้างหนึ่ง
ในตอนนั้นเรื่องนี้ได้รับความสนใจเป็นวงกว้าง ต่อมาชายหนุ่มถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชและไม่นานมานี้เพิ่งอาการดีขึ้น
ทุกคนตกใจทันที
เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงให้ผู้ป่วยทางจิตมาที่นี่?
ถ้าเกิดเขามาไล่แทงคนที่นี่จะทำยังไง?
ผู้ชมข้างล่างเวทีเริ่มตื่นตระหนกแล้ว และทำให้เกิดความโกลาหลเล็กน้อย
พ่อของซูเหรินหลงรีบพูดขึ้น “ทุกคนอย่าตกใจครับ ลูกชายผมไม่ได้ป่วยทางจิต เขาเข้ารับการตรวจในโรงพยาบาลจิตเวชมาหนึ่งปีแล้ว แต่ไม่ว่าจะตรวจยังไงก็ไม่พบปัญหา”
ทุกคนขมวดคิ้ว “ถ้าไม่มีปัญหาทำไมแทงแม่จนตาย นี่ไม่ใช่ฆาตกรเหรอ?”
“ใช่ ฆาตกร!”
ผู้ชมที่อยู่ข้างล่างตื่นตระหนกขึ้นมาทันที ไม่ได้ป่วยทางจิตแต่แทงคนในครอบครัวจนตายได้ ใครจะเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ?
ทันทีที่ผู้ป่วยคนนี้ออกมา ก็เริ่มควบคุมสถานการณ์ไม่ได้แล้ว โปรดิวเซอร์หลายคนกังวล พวกเขารีบเรียกตำรวจติดอาวุธและหน่วยรักษาความปลอดภัยเพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์ ห้ามให้มีความรุนแรงเกิดขึ้นเด็ดขาด
“ผู้กำกับเอายังไงดีครับ เราควรหยุดไหม?”
“อย่าเพิ่งกังวล” ผู้กำกับเกานิ่งมาก “รอให้ศาสตราจารย์ฉินจัดการ”
ใบหน้าของพ่อซูเหรินหลงเต็มไปด้วยน้ำตา “ไม่ใช่แบบนี้ๆ ลูกชายของฉันป่วย เขาป่วยจริงๆ!”
ฉินจุนลุกขึ้นยืนทันที และเดินไปหาเขา สีหน้าของข่งฝานหลินที่อยู่ด้านหลังก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“คุณฉินระวังนะครับ!”
ฉินจุนพยักหน้า แต่ไม่ได้สนใจ
อย่าว่าแต่ผู้ป่วยเลย แม้แต่ทหารหน่วยรบพิเศษก็ไม่สามารถทำร้ายฉินจุนได้
“ตรวจชีพจรก่อน”
อารมณ์ของซูเหรินหลงนี้ค่อนข้างคงที่ มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ไม่เหมือนคนที่มีอาการป่วยทางจิตจริงๆ
“ถอดกุญแจมือออกเถอะ”
ซูเหรินหลงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “คุณครับ ผมกลัวว่าถ้าผมจะควบคุมตัวเองไม่ได้ผมจะทำร้ายคุณนะครับ”
ฉินจุนพูด “ไม่ต้องกังวลหรอก คุณไม่สามารถทำร้ายผมได้”
ซูเหรินหลงลังเลอยู่นาน จากนั้นก็พยักหน้า และขอให้พ่อของเขานำกุญแจออกมาไขกุญแจมือให้เขา
ฉินจุนตรวจชีพจรของเขา จากนั้นไม่กี่นาทีต่อมาคิ้วของเขาก็ขมวดแน่นขึ้น
โรคนี้หายากมาก
“ปวดหูหรือเปล่า?”
ซูเหรินหลงพยักหน้า “ปวดครับ ปวดจนผมนอนไม่หลับเลย”
ฉินจุนบีบที่หลังใบหูของเขา ซูเหรินหลงก็รู้สึกปวดจนต้องเม้มปากทันที หลังหูของเขาบวม และเห็นว่าเหงือกของเขาก็แดงด้วย
“นอกจากหู ใต้วงแขน เอว หัวเข่า ฝ่าเท้า และต้นขาด้านนอก ปวดหรือเปล่า?”
ซูเหรินหลงประหลาดใจเล็กน้อย
“ใช่ครับหมอ ที่คุณพูดมาผมปวดหมดเลย”
ผู้ชมต่างก็มองหน้ากัน นี่คือความเจ็บปวดทั่วร่างกายนี่ ชายหนุ่มอายุยังน้อยแต่กลับต้องมาพบเจอความเจ็บปวดอย่างนี้
ฉินจุนพูด “อาการของคุณไม่ใช่อาการป่วยทางจิตจริงๆ”
“คุณเป็นโรคถุงน้ำดี”
“ภาวะหดหู่หลังจากความร้อนในร่างกายกลายเป็นไอ เมื่อปล่อยไว้นานไม่รักษา ทำให้ไปทำลายตับและถุงน้ำดี การเจ็บป่วยประเภทนี้เมื่อถึงขีดสุดก็จะทำให้รู้สึกไม่สบายทั่วทั้งตัว”
“ถุงน้ำดีในร่างกายจะเชื่อมต่อกันทั้งสิบสองจุด ความสำคัญของมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว เมื่อทั้งสิบสองจุดไม่สามารถระบายของเสียออกมาได้ ไฟที่ค้างอยู่ในตับทำให้เกิดอารมณ์หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย ไม่สามารถควบคุมสติ และสูญเสียการรับรู้ไปได้”
“ดังนั้นตอนคุณอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชจึงตรวจไม่พบโรคใดๆ คุณเป็นโรคถุงน้ำดี”
ผู้ชมต่างก็อึ้งกับสิ่งที่ฉินจุนพูด และผู้เชี่ยวชาญต่างก็ตั้งใจฟังกันอย่างสนอกสนใจ ที่จริงโรคนี้พบได้ยากมากในศตวรรษนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอในรายการนี้
ขณะที่ฉินจุนกำลังทำการตรวจชีพจรนั้น จู่ๆ ซูเหรินหลงก็รู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย เริ่มอ้าปากเพื่อหายใจ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ
สีหน้าของพ่อซูเหรินหลงเปลี่ยนไปอย่างมาก “แย่แล้ว รีบใส่กุญแจมือเขา!”
พ่อของซูเหรินหลงเพิ่งพูดว่าให้ใส่กุญแจมือเขา แต่มันก็สายไปเสียแล้ว ซูเหรินหลงสติหลุดในทันที ราวกับเป็นบ้าไปแล้ว
ตอนแรกซูเหรินหลงยังดีๆ อยู่เลย เพราะว่าเขาหายใจเข้าไม่ได้ รู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมา จากนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนร่างกายของเขากำลังจะระเบิด เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ และยืนขึ้นทันที!
แม้ว่าเขาจะเสียสติไป แต่การตัดสินใจขั้นพื้นฐานของซูเหรินหลงก็ยังมีอยู่ เมื่อเห็นฉินจุนก็รู้ว่าเป็นผู้ชายเป็นคนที่รับมือได้ด้วยยาก ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนเป้าหมาย ไปคว้าเสี่ยวหลานที่อยู่ข้างๆ เขา
ทุกคนตกใจจนหน้าถอดสี คิดไม่ถึงว่าผู้ป่วยรายนี้จะแปลกจนถึงขั้นสูญเสียการควบคุมตรงนี้
เมื่อดูจากท่าทางของเขาแล้ว มันไม่เหมือนกับอาการทางจิตเลยจริงๆ แต่มันอันตรายกว่าอาการป่วยทางจิตมาก
แม้ว่าจะป่วยทางจิตก็จะไม่ฉุนเฉียวง่าย และในหัวเต็มไปด้วยความรุนแรงอย่างนี้
เสี่ยวหลานก็หน้าซีดเช่นกัน เธออยู่ใกล้กับผู้ป่วยมาก และเธอก็ไม่ได้เตรียมตัวป้องกันอะไรเลย เธอก้าวถอยหลังด้วยรองเท้าส้นสูงสองสามก้าว แล้วจึงเอนหลังลงไปทันที
ฉินจุนก้าวไปข้างหน้าและดันเอวของเสี่ยวหลานไว้ และกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา และในขณะเดียวกันซูเหรินหลงก็รีบพุ่งเข้ามา ฉินจุนก็คว้าข้อมือของเขาไว้และใช้แรงเล็กน้อย
ซูเหรินหลงปวดข้อมือจนคุกเข่าลงบนพื้น ฉินจุนรีบดันมือซ้ายของเขาให้เสี่ยวหลานยืนได้อย่างมั่นคง
หลังจากนั้นฉินจุนก็เหยียดนิ้วสองนิ้วของเขาออก และจิ้มไปที่กึ่งกลางหน้าอกของซูเหรินหลงซึ่งเป็นจุดฝังเข็มถานจง!
“จี้จุด!”
ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสหลายคนอุทานออกมาทันที คิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะจี้จุดฝังเข็มได้ด้วย!
การจี้จุดเป็นวิชาความรู้ขั้นสูง เช่นเดียวกับการฝังเข็ม เป็นวิชาระดับเดียวกัน แต่ด้วยเทคนิคและจุดแข็งที่แตกต่างกันจึงให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน
การเรียนจุดฝังเข็มถานจงนี้ เป็นจุดฝังเข็มขนาดใหญ่ของร่างกายมนุษย์ ซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์กลางการคมนาคมของทั้งร่างกาย ซึ่งสำคัญมาก
มักจะมีนิยายศิลปะการต่อสู้ที่เขียนบอกว่าถ้าจี้ที่จุดถานจงนี้จะทำให้ตายได้ จริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงอะไร หากใช้พลังมาก จุดฝังเข็มถานจงก็อาจทำให้ถึงตายได้
แต่อย่างไรก็ตามพลังของฉินจุนนั้นแม่นยำมาก หลังจากการกระตุ้นนี้ ซูเหรินหลงก็หายใจออกมา และเริ่มอ้าปากหายใจเข้าออก ราวกับว่าลมหายใจที่ถูกกักไว้นานในที่สุดก็สามารถหายใจได้สะดวกเสียที
จากนั้นฉินจุนให้ซูเหรินหลงนอนราบกับพื้น ตอนนี้เขาไม่ได้ดิ้นแล้ว เขาปลดกระดุมเสื้อของเขาออก และหยิบเข็มเงินออกมา เข็มเงินสองอันถูกปักเข้าไปที่หน้าอกด้านซ้ายและด้านขวา ปักไปที่ไฟความร้อนในตับและถุงน้ำดีของเขา
ในมือเขามีเข็มเงินแปดเล่ม แล้วแทงไปที่รอบสะดือของเขาจนเป็นรูปยันต์แปดทิศ
“ยันต์แปดทิศปิดสะดือ!”
ผู้อาวุโสเหยียนตบต้นขาของเขา และผู้เชี่ยวชาญอาวุโสทุกคนต่างก็ยืนขึ้น ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจ
คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะยังได้เห็นวิธีการฝังเข็มขั้นสูงยันต์แปดทิศปิดสะดือ ไม่เสียชาติเกิดเลยจริงๆ !
หลังจากฝังลงไปหลายเข็ม ซูเหรินหลงก็ลงไปนอนสงบนิ่งทันที หลับตา ขบฟันแน่น และท่าทางดูเจ็บปวดมาก
ฉินจุนเริ่มนวดบริเวณคอของเขา จากนั้นมือของฉินจุนก็ไล่ไปเรื่อยๆ รอยแดงปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขา ตั้งแต่คอลงไปที่หน้าอก ไปจนถึงกระเพาะ และลามไปจนถึงท้อง
เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงสะดือ โรคที่ซ่อนเร้นด้วยรอยสีแดงก็หายไปทันที
สะดือคือเป็นเป็นรากฐานแห่งชีวิต ในครรภ์ก็อาศัยสะดือสำหรับการรับสารอาหารต่างๆ ดังนั้นจะต้องปกป้องส่วนนี้อย่างดี
ฉินจุนปิดผนึกรูขนาดใหญ่แปดรูรอบๆ สะดือ เพื่อให้ไฟลุกลามไปรอบๆตรงนี้ ไม่ให้เข้าไปในบริเวณสะดือ ไม่เช่นนั้นจะเป็นอันตรายถึงชีวิต
รอยแดงค่อยๆ หายไป และมีรอยบางๆ ปรากฏขึ้นที่ท้อง
หลังจากนั้นฉินจุนก็หยิบไม้ไผ่ชิ้นเล็กๆ ออกมาซึ่งสิ่งนี้คือแผ่นใช้สำหรับขูดไล่ความร้อน