ตอนที่ 329 ความโมโหและสงครามเย็น
ปากซอยของที่นี่แคบมาก เหยียนเค่อจึงไม่ได้ขับรถเข้ามาแต่จอดไว้ด้านนอก ดังนั้นการเดินออกไปเปลี่ยนชุดจึงค่อนข้างกินเวลา เมื่อกลับมาก็เห็นบางคนที่นั่งคอตกอยู่ตรงนั้น
ซย่าเสี่ยวมั่วก้มหน้าบิดเสื้อโค้ตของตนแล้วพึมพำ “ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันสักหน่อย ทำไมต้องโมโหด้วย โมโหมากเดี๋ยวก็หัวล้านหรอก ถ้าหัวล้านคงจะขี้เหร่น่าดู”
เธอนึกไปถึงภาพนั้นแล้วก็หัวเราะออกมา
หัวล้าน? ดีจริง ดีสุดๆ ไปเลย เหยียนเค่อค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ๆ “ฉันหัวล้านงั้นเหรอ”
“ฮะ?” ซย่าเสี่ยวมั่วเงยหน้าอย่างงุนงง น้ำเสียงขึ้นสูงของประโยคคำถามเจือความระรื่นเอาไว้
รู้สึกเหมือนตัวเองหาเรื่องเลย เหยียนเค่อวางถุงกระดาษลงบนเก้าอี้ไม้ใกล้ๆ เธอ แล้วมองจ้องตาเธอนิ่งๆ ในแววตาบริสุทธิ์นั้น นอกจากร่างของเขาแล้วก็ยังมีทิวทัศน์โดยรอบ
ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่พาดผ่านดวงตาของเขา มันเหมือนกับความเศร้าเสียใจ และยังมี…ความลังเล?
ยังไม่ทันที่เธอจะรู้สึกตัว ใครบางคนก็หยัดตัวลุกขึ้นทิ้งเธอไว้ตรงนั้นคนเดียว
“มันเกิดอะไรขึ้นกันน่ะ” สวีอันหรานมองไปทางด้านนั้นอย่างอยากรู้อยากเห็น เมื่อเห็นว่า
เหยียนเค่อเดินเข้ามาแล้วก็รีบหันหน้ากลับไปหาภรรยาของตนอย่างรวดเร็ว
เหยียนเค่อไม่สนใจเขาเลยสักนิด เดินหน้านิ่งออกมา
“เอ๊ะ” เมื่อกี้ไม่ได้จูจุ๊บกันก็ว่าแปลกแล้ว แต่ทำไมถึงกลับไปทั้งอย่างนี้เลยล่ะ
“ไปกินข้าว” อารมณ์ของสวีรั่วชีในตอนนี้ไม่ต่างกับเหยียนเค่อนัก
สวีอันหรานพยักหน้าก่อนจะไปจัดการ
ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกไร้ทางเลือกกับกองเสื้อผ้าอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าจะไปเปลี่ยนชุดที่ไหนได้
สวีรั่วชีขี้เกียจเดินเข้าไป จึงกวักมือเรียกเธอ “รีบมากินข้าวได้แล้ว”
เธอตอบกลับอย่างอิดออด ก่อนจะคว้าถุงแล้วเดินไปทางด้านนั้น
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วเป็นคนยิ้มง่าย ต่อให้อารมณ์ไม่ดีก็จะไม่ปรากฏอารมณ์นั้นบนใบหน้า แต่สีหน้าในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ
“เหยียนเค่อทำให้เธอโมโหเหรอ” สวีรั่วชีฉงนใจ เขาใจน้อยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ
ซย่าเสี่ยวมั่วส่ายหัว “ฉันทำให้เขาโมโหน่ะสิ”
สวีรั่วชีกลอกตา ไม่ต้องบอกก็รู้ เธอเพิ่งจะรู้ตัวหรือไง
“เหมือนว่าเขาจะโกรธแล้วอะ” ซย่าเสี่ยวมั่วพันสายเชือกของถุงกระดาษเล่น
“ถ้าเธอสาดน้ำใส่ฉัน ฉันจะตัดเพื่อนกับเธอ” สวีรั่วชีบอกเธออย่างจริงจัง แถมเหยียนเค่อยังอดทนแล้วไปหยิบเสื้อผ้ามาให้เธออีก
ซย่าเสี่ยวมั่วส่ายหน้า “น่าจะไม่ได้โกรธเรื่องนี้นะ”
“เรื่องนี้ยังไม่โกรธเนี่ยนะ!” สวีรั่วชีถลึงตามองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ เหยียนเค่อเป็นบ้าหรือไง ถึงไม่โกรธเรื่องนี้น่ะ
“เหมือนเขาจะได้ยินว่าฉันบ่นถึงเขาน่ะ…” ซย่าเสี่ยวมั่วบีบน้ำตาออกมาสองหยด
สวีรั่วชีสะบัดมือของเธอที่จับแขนเสื้อตนไว้อยู่ เขาทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว คราวนี้ตนยืนอยู่ข้าง
เหยียนเค่อเต็มๆ
“ไม่เอาสิ!” ซย่าเสี่ยวมั่วเดินซอยเท้าตามหลังเธอไป “เสี่ยวชีที่รัก ฉันมีแค่เธอนะ ฉันจะทำยังไงดี”
“ไปฆ่าตัวตายไป” นี่ยังไม่มีความก้าวหน้าอะไรเลยนี่นา เหยียนเค่อตามใจเธอขนาดนี้ ถ้าสองคนนี้มีซัมติงกันจริงละก็ ซย่าเสี่ยวมั่วไม่โดนตามใจจนเคยตัวเลยเหรอ…
“ไม่เอาสิ เธอจะปล่อยให้เด็กน้อยน่ารักบริสุทธิ์อย่างฉันไปตายเหรอ” ซย่าเสี่ยวมั่วดึงตัวเขาไว้แน่น “บอกฉันทีว่าฉันควรทำยังไง”
สวีรั่วชีหยุดเดินแล้วหันไปถามเธอ “ทุกครั้งที่เธอทำให้เหยียนเค่อไม่พอใจก็หน้าระรื่นเลยไม่ใช่หรือไง”
“ยังไงตอนนี้ฉันก็เป็นคนมีชื่อเสียงเล็กๆ คนหนึ่งเหมือนกันนะ ถ้าเกิดเหยียนเค่อแบนฉันขึ้นมาจะทำยังไง แล้วชื่อเสียงฉันล่ะ”
สวีรั่วชีกระอักเลือดในใจ ถ้าเหยียนเค่อได้ยินละก็คงวิ่งไปกระโดดทะเลตายแล้ว จึงพูดตัดบทซย่าเสี่ยวมั่ว “เธอหุบปากไปเลย ถ้าฉันเป็นเหยียนเค่อตอนนี้คงโยนเธอลงทะเลสาบไปเป็นอาหารปลาแล้ว”
ตอนที่ 330 เปลี่ยนเสื้อผ้า
“ทำไมเธอใจร้ายจัง” ซย่าเสี่ยวมั่วพึมพำ เมื่อสายตาของสวีรั่วชีตวัดมามองก็หุบปากฉับอย่างรู้ตัว
“ถ้าเธอทำให้เหยียนเค่อโมโหจนกลับไปก่อนละก็ เธอก็เดินกลับไปเองแล้วกัน”
สวีรั่วชีไม่ได้ขู่ให้เธอตกใจนะ สถานที่ห่างไกลขนาดนี้ นอกเสียจากว่าซย่าเสี่ยวมั่วจะมีกำลังกายและความจำที่สุดยอด ไม่อย่างนั้นแม้แต่บ้านชาวบ้านแถวนี้ก็คงเดินออกไปไม่ได้แน่นอน
ซย่าเสี่ยวมั่วเบะปากอย่างไม่พอใจ เธอเป็นน้องสาวของเสิ่นจิ้งเฉินนะ …
เมื่อถึงห้องโถงด้านหน้า ซย่าเสี่ยวมั่วจึงเห็นว่านอกจากพวกเขาสี่คนแล้วก็ยังมีคนอื่นอยู่อีก
“ที่นี่มีคนด้วยเหรอ”
“ก็บอกว่าพาเธอมากินข้าว จะไม่มีคนทำอาหารได้ยังไง” สวีรั่วชีก้าวเข้าไปด้านในก่อน ส่วน
ซย่าเสี่ยวมั่วก็เดินตามมาติดๆ
“ฉันนึกว่าเธอจะให้ฉันทำอาหารให้น่ะสิ”
“…” สวีรั่วชีกำลังจะบอกว่า ‘งั้นเธอเข้าครัวไปทำกับข้าวมาอีกสองสามอย่างไป’ ก็ถูกซย่าเสี่ยวมั่วพูดขัดขึ้นเสียก่อน
ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นเหยียนเค่อนั่งอยู่บนม้านั่งตัวยาวก็ยังเริงร่าได้อยู่ เธอไม่ต้องเดินกลับบ้านแล้ว
เหยียนเค่อนั่งยึดพื้นที่บนม้านั่งตัวยาวจนหมด จ้องมองถ้วยชาตรงหน้าด้วยสีหน้าที่ยากจะคาดเดา
ไม่รู้ว่าสวีอันหรานไปพูดอะไรที่ข้างหูเขา แต่ดูจากสีหน้าแล้วก็ตัดสินได้ว่าดูอารมณ์ดี
“ยังไม่ไปอีกเหรอ” แม้แต่สวีรั่วชียังอดพึมพำขึ้นไม่ได้ จากนิสัยของเหยียนเค่อที่เป็นคนดึงหน้าได้ตลอดเวลานั้น ทำไมยังอยู่ที่นี่อยู่?
สวีอันหรานพูดจนเหนื่อยแล้ว แต่อีกฝ่ายยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรให้เขาเลย รอยยิ้มยังไม่แม้แต่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ได้ยินเสียงพวกเขาเดินเข้ามาเหมือนกับเห็นคนที่จะมาช่วยตนอย่างไรอย่างนั้น
“ทำหน้าอย่างนี้หมายความว่าไง”
ใบหน้าอ่อนโยนของสวีอันหรานปรากฏสีหน้าเหมือนจะตายอย่างที่ยากจะได้พบเห็น
“ในที่สุดพวกเธอก็มา” สวีอันหรานดึงสวีรั่วชีไปยืนข้างตน ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เราทำอาหารกันเถอะ”
สวีรั่วชีมองเหยียนเค่อที่ใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แล้วลูบศีรษะแฟนของตนด้วยความสงสาร “งั้นเรากินข้าวกันเถอะ ซย่าเสี่ยวมั่วเธอไปช่วยงานในครัว แล้วทำอาหารมาด้วยสองจาน”
ซย่าเสี่ยวมั่วกอดถุงไว้แล้วจ้องไปที่เธอเขม็ง เธอไม่ได้ทายผิดจริงๆ ด้วย ถึงมีคนครัวก็ต้องเรียกใช้เขาเยอะหน่อย
“ก็ได้”
เหยียนเค่อโดนความวุ่นวายกระโหมใส่จนไม่ง่วงแล้ว คิดว่ากินข้าวเสร็จแล้วจะกลับไปนอนกลางวัน เขาตัดสินใจแล้วว่าจะเมินซย่าเสี่ยวมั่วไปสักพักหนึ่งให้ตัวเองได้ใจเย็นลงหน่อย ไม่อย่างนั้นถ้าเขาไม่โมโหซย่าเสี่ยวมั่วตายเสียก่อนก็คงบีบคอซย่าเสี่ยวมั่วตายไปเสียก่อน
ซย่าเสี่ยวมั่วที่ถูกเดินนำไปที่ห้องปีกทางด้านหลังเพื่อเปลี่ยนชุดหยิบเสื้อผ้าในถุงแล้วมุมปากก็กระตุก
เธอเปิดดูเสื้อเชิ้ตและกางเกงลำลองของผู้ชายที่ถูกพับเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วยมืออันสั่นเทาแล้วก็รู้สึกปวดใจ เหยียนเค่อต้องแก้แค้นเธออยู่แน่ๆ
โชคดีที่กางเกงลำลองนั้นมีเชือกผูกเอว ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องเดินจับกางเกงออกไป
ตอนที่ซย่าเสี่ยวมั่วสวมเสื้อเชิ้ตสีดำตัวโคร่ง จับขากางเกงแล้วยกจานอาหารออกมานั้น สวีรั่วชีส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างดัง
“มีอะไรน่าหัวเราะกัน!” ซย่าเสี่ยวมั่ววางจานลงบนโต๊ะแล้วเลื่อนไปไว้ตรงกลางแล้วดึงกางเกงขึ้น ตอนอยู่ในครัวเธอเกือบจะสะดุดเหยียบชายกางเกงตัวเองล้มหัวคะมำไปแล้ว
เหยียนเค่อเงยหน้าขึ้นมองเธอปราดหนึ่ง รอยยิ้มวาดผ่านไปอย่างรวดเร็ว ความอึมครึมจางหายไปไม่น้อย
“เอ่อ” มีเพียงสวีอันหรานที่รู้สึกว่ามันไม่เหมาะ จึงเข้าไปกู้หน้าให้ซย่าเสี่ยวมั่ว “บนรถฉันมีเสื้อผ้าของเสี่ยวชีอยู่ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วจะไปหยิบมาให้นะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้าอย่างซาบซึ้งใจ “ขอบคุณนะ!”
เหยียนเค่อแสยะยิ้ม ปริปากพูดคำแรกขึ้นมาหลังจากที่มานั่งลงตรงนี้ “ในรถนายมีของเยอะแยะดีเนอะ”
สวีอันหรานเสียวสันหลังวูบ ก่อนจะยิ้มอย่างเขินอาย “เหมือนว่าฉันจะเอาออกไปแล้วนะ บนรถไม่มีชุดของเสี่ยวชีหรอก ปัญหานี้เดี๋ยวค่อยว่ากันแล้วกันนะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วมองดูสถานการณ์ที่กลับตาลปัตรด้วยความมึนงง ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมสวีอันหรานถึงกลับคำทีหลัง แต่ต้องเป็นเพราะเหยียนเค่อเล่นสกปรกแน่นอน เธอดึงชายเสื้อเชิ้ตที่โผล่พ้นออกมาด้านนอก ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาวโดยไม่พูดอะไรสักคำ