คำพูดสอพลอพวกนี้ ทำให้พี่ถังดูภูมิใจอย่างยิ่ง
“คารวะท่านเจ้าสำนัก!”
จู่ๆเจ้าสำนักก็เดินเข้ามา
รัศมีของเธอราวกับราชินี ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน ทุกคนก็ก้มหัวลง
ศิษย์พี่ถังก้าวเข้ามาและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คารวะท่านเจ้าสำนัก ไม่เจอกันหลายปี ท่านเจ้าสำนักยังดูไม่เปลี่ยนเลย ยังคงงดงามเหมือนเดิม”
ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ชอบคำสรรเสริญเยินยอ แต่ดูเหมือนว่าจะต้องยกเว้นเจ้าสำนักไว้คนนึง
คำเยินยอที่ศิษย์พี่ถังพูดเมื่อกี้ท่านเจ้าสำนักได้แต่พยักหน้า แล้วเดินผ่านพี่ถังไป
ศิษย์พี่ถังดูเก้ๆกังๆเล็กน้อย แต่เจ้าสำนักก็เป็นแบบนี้ ทุกคนต่างคุ้นชิน
แต่ศิษย์พี่ถังไม่คิดอย่างนั้น ดวงตาของเขาแฝงความชั่วร้ายไว้ แต่เขารีบกลับมาทำตัวปกติอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เจ้าสำนักเดินไปด้านหน้า ตรงนั้นก็เงียบลงทันที
ผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้อาวุโสคนอื่นๆก็ขึ้นไปบนเวทีและนั่งข้าง ๆท่านเจ้าสำนัก แต่อีกข้างหนึ่งก็มีที่นั่งว่างอยู่
“มีใครมาอีกไหม?” ทุกคนอดไม่ได้ที่จะถามถึง
ทุกย่างก้าวของตำหนักเทพโอสถ ดึงดูดความสนใจของโลกศิลปะการต่อสู้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนตำหนักเทพโอสถจะไม่มีแขกรับเชิญ
เมื่อเผชิญหน้ากับเสียงซุบซิบนินทาท่านเจ้าสำนักก็ไม่ได้มีทีท่าใดๆ
เธอจับหน้าผากของเธอ และนั่งหลับตา
ผู้อาวุโสอีกหลายคนนั่งโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“ผับผับผับ…”
ในเวลานี้ จู่ๆ เฮลิคอปเตอร์ก็บินผ่านไปบนท้องฟ้า ลมทำให้เสื้อผ้าปลิวไสว กระโปรงของเด็กผู้หญิงบางคนเปิดออก
เฮลิคอปเตอร์ลงจอดอย่างช้าๆ บนลานโล่ง จากนั้นฉันก็เห็นชายวัยกลางคนก้าวลงจากเครื่องบิน
“คนนี้ใครกัน” ผู้คนพากันกระซิบ
“ฉันไม่รู้ แต่บอดี้การ์ดสองคนที่อยู่ข้างๆ เขาดูเหมือนจะเป็น… จอมยุทธ์?”
“แม้แต่บอดี้การ์ดก็ยังเป็นจอมยุทธ์? แล้วชายวัยกลางคนคนนี้จะเป็นใครกันนะ…”
“ฉันรู้จักเขา เขาคือคนในตระกูลชู มาจากจิงตู!” ดูเหมือนใครบางคนจะจำเขาได้!
แขกที่มาคือชูชีเชิง ซึ่งมีตำแหน่งสูงในตระกูลชู!
ทุกคนต่างรู้ดีว่า ในโลกรู้ดีว่าตระกูลชู และตระกูลซูไม่ถูกกัน การเชิญชูชีเชิงมา มันจึงทำให้ผู้คนต่างฮือฮา!
ก่อนหน้านี้มีการประกาศให้รู้ว่าฉินเฉิงมีตำแหน่งในฐานะผู้อาวุโส ส่วนตอนนี้มีการเชิญตระกูลชู ซึ่งอยู่ฝ่ายตรงข้ามมา เป็นไปได้ไหมที่ต้องการเชิญมาเพื่อสกัดดาวรุ่งของตระกูลซู
“พี่เจียง เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมประชุมนี้” หลังจากที่ชูชีเชิงขึ้นเวที เขาก็ยื่นมือออกไป และจับมือกับเจ้าสำนัก
“คุณชู เชิญนั่งลงก่อน “ท่านเจ้าสำนักมีสีหน้าเรียบเฉย หันหน้าไปทาง ชูชีเชิง
ชูชีเชิง ยิ้มให้
เขาขอเข้าร่วมงานที่ตำหนักเทพโอสถมาหลายปี แต่ทุกครั้งที่เขาขอไปก็จะถูกเจ้าสำนักปฏิเสธ
แต่ปีนี้พิเศษท่านเจ้าสำนักของตำหนักเทพโอสถได้เชิญเขาเข้าร่วม ชูชีเชิงจะไม่มีความสุขได้อย่างไร!
หลังจากนั่งลงชูชีเชิง ยิ้มและพูดว่า “พี่เจียง ฉันได้ยินมาว่าฉินเฉิงเป็นคนของตำหนักเทพโอสถแล้วเหรอ?”
เจ้าสำนักลูบหน้าผากแล้วกล่าวว่า “ใช่”
“เห้อ” ชูชีเชิงถอนหายใจออกมา “งั้นฉันก็เข้าใจละว่าพี่เจียงเชิญฉันมาทำไม”
“เข้าใจว่า?”ท่านเจ้าสำนักเลิกคิ้ว
ชูชีเชิงยิ้มและพูดว่า “พี่เจียงแค่ต้องการให้ตระกูลชูของเราปกป้องฉินเฉิง แต่เท่าที่ฉันรู้มา ก็คือมันเกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของตระกูลซู ”
เจ้าสำนักจึงตอบกลับไปว่า “คุณชู คงคิดมากเกินไปแล้ว ตำหนักเทพโอสถของฉันปกป้องเขาก็พอแล้ว”
ชูชีเชิงตะลึง เขาพูดพร้อมมีท่าทีงงงวย: “ถ้างั้นมันคือ … ”
“สงสารคุณจริงๆ”ท่านเจ้าสำนักกล่าวอย่างเฉยเมย
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ผู้คนก็พากันฮือฮา
อาจกล่าวได้ว่าชูชีเชิงน่าสงสาร เพราะเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะได้อยู่ที่ตำหนักเทพโอสถ?
ชูชีเชิง อดหัวเราะไม่ได้ เขาส่ายหัว และพูดว่า “พี่สาวไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ”
“นั่นใช่ถังหยิงที่มาจากต่างประเทศไหม?” ชูชีเชิงชี้ไปที่พี่ถังที่ยืนอยู่ไม่ไกล
เจ้าวังพยักหน้าเป็นคำตอบ
“ไม่เลว ดูก็รู้ว่าเป็นคนเก่ง” ฉู่ซีเฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉินเฉิงหล่ะ? ช่วงนี้เขาดังมากเลยนะ”
“ยังไม่มา”ท่านเจ้าสำนักกล่าว
“มาสายเหรอ?” ชูชีเชิงถามต่อ “คนของตำหนักเทพโอสถกล้ามาสายด้วยเหรอ? ”
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน ฉินเฉิงและซูวานก็เดินเข้ามา
เมื่อเห็นซูวานอยู่ข้างๆ ชูชีเชิง ก็ขมวดคิ้วทันที
เขาเคยเจอซูวาน พูดให้ถูกคือชูชีเชิงกับคุณปู่ซูมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
น่าเสียดายที่หลังจากคุณปู่ซูไปจากจิงตู ทั้งสองแทบจะไม่ติดต่อกันเลย
สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือชูชีเชิงเคยให้ลูกชายมาจีบซูวาน
แต่ซูวานปฏิเสธชูหยุนลูกชายของเขา ซึ่งทำให้ชูชีเชิงกับชูหยุนก็ถูกคนรอบข้างเยาะเย้ยมาหลายปี
ดังนั้น ชูชีเชิง จึงไม่ค่อยปลื้มซูวานนัก
ไม่ช้า ฉินเฉิงกับซูวานก็เดินไปหาเจ้าสำนัก
“สวัสดีค่ะ ลุงชู” ซูวานเหลือบมองที่ ชูชีเชิง และกล่าวทักทาย
บรรยากาศแบบนี้ทำให้ ชูชีเชิง ประหม่าเล็กน้อย
เขาพูดอย่างรวดเร็ว “ซูวาน ไม่เจอกันเสียนาน โตเป็นสาวแล้ว”
“นี่ชูชีเชิงจากตระกูลชูจากจิงตู “ท่านเจ้าสำนักแนะนำชูชีเชิง
ฉินเฉิงรีบกล่าวสวัสดี: “คารวะคุณชู”
ชูชีเชิง ยิ้ม “นายคือฉินเฉิงใช่ไหม?”
ฉินเฉิงกล่าวว่า “คุณชูรู้จักฉัน?”
“ฉันไม่รู้จัก แต่ฉันเคยได้ยินชื่อนาย” ชูชีเชิงกล่าวต่อ “คนที่ท้าทายซูหยู่ ทำไมฉันจะไม่รู้จักช”
“คุณชู ก็ทราบหรือครับ” ฉินเฉิงกล่าวอย่างสุภาพ
ชูชีเชิงไม่ได้พูดต่อ เขาคิดกับตัวเองว่า ถ้าฉินเฉิงคนนี้มีความสามารถจริงๆ ตระกูลชูคงเหมือนโดนตบหน้าจริงๆ
“เอาล่ะ เรามาเริ่มการประชุมกันเถอะ”ท่านเจ้าสำนักพูดเบาๆ
หลังจากนั้นผู้อาวุโสใหญ่ก็รีบลุกขึ้นแล้วพูดว่า: “ฉันจะพูดถึงกฎของการประชุมครั้งนี้ ลักษณะของเม็ดยาจะใช้เป็นเกณฑ์สำคัญในการตัดสิน ถ้าคุณภาพใกล้เคียงกันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าสำนักและอาวุโสเป็นผู้ตัดสิน”
หลังจากพูดเช่นนี้ ผู้อาวุโสใหญ่เหลือบมองที่ฉินเฉิง และพูดว่า “ฉินเฉิงเป็นผู้แข่งขัน การลงคะแนนของเขาจึงไม่มีค่า มีข้อโต้แย้งหรือไม่?”
ฉินเฉิงส่ายหัวและกล่าวว่า “ไม่”
“เอาล่ะ เริ่มได้” ผู้อาวุโสใหญ่พยักหน้า จากนั้นก็มีนักปรุงยารุ่นเยาว์สองสามคนก็ถือตะกร้าใบใหญ่สองใบเข้ามา
ทันใดนั้น กลิ่นหอมของยาก็อบอวลไปทั่ว