สมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตู เป็นวิหารรวบรวมโลกของการต่อสู้
มีคนที่อยากจะเข้าสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตูสูงมาก การเข้าร่วมจะต้องมีอายุน้อยกว่า 25 ปี จึงจะได้รับเชิญจากที่นั่น
นอกจากนี้ สมาชิกของสมาคมศิลปะการต่อสู้จิงตู มีชื่อเสียงมาก มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับ เย่อชิงยุนที่อยู่สำนักความมั่นคงจิงตู
ฉินเฉิงกระวนกระวายอยู่บนเตียงเมื่อเขาอ่านข่าวจากสมาคมศิลปะการต่อสู้
ใและมีอีกข่าวหนึ่งที่ถูกพาดหัว ฉินเฉิงกลายเป็นผู้อาวุโสที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักเทพโอสถ
ข่าวนี้เผยแพร่โดยบัญชีทางการของตำหนักเทพโอสถ โดยมีผู้สนใจมากกว่าข่าวของซูหยู่ !
สถานะของตำหนักเทพโอสถนั้นยิ่งใหญ่มากในวงการการต่อสู้ ยกเว้นคนอย่างเซี่ยฝูซาน ที่กล้ากับตำหนักเทพโอสถ
“ฉินเฉิงคนนี้เป็นตำนานจริงๆ นอกจากจะมีพลังวิเศษแล้ว เขายังรู้จักศาสตร์แห่งการแพทย์อีกด้วย”
“ใช่ ปีนี้เขาอายุแค่ยี่สิบหกปี มีอนาคตแน่ๆ!”
“ฉันคาดว่าอีกหลายตระกูลคงจะซูฮกให้ฉินเฉิงในไม่ช้า”
หลังจากได้ยินข่าวนี้ หลายตระกูลเริ่มหวาดหวั่น
แค่เป็นจอมยุทธ์ก็สู้ไม่ได้แล้ว นี่มาเป็นผู้อาวุโสอีกยากเกินกว่าจะไปแตะต้อง
เวลาที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าออกมือ เพราะพวกเขากำลังชั่งน้ำหนักถึงผลได้ผลเสีย ตราบใดที่ไปยุ่มย่ามกับฉินเฉิน ก็หมายความว่าพวกเขายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามตระกูลซู
“รอไปก่อน รอดูว่าฉินเฉิงจะมีค่าสำหรับเราหรือไม่” เกือบทุกตระกูลใหญ่มีความคิดนี้
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ท่านเจ้าสำนักก็มาพบฉินเฉิงที่ลานตำหนักเทพโอสถ
เมื่อเห็นท่านเจ้าสำนักแล้ว ฉินเฉิงก็รีบลุกขึ้นและกล่าวสวัสดี “คารวะท่านท่านเจ้าสำนัก”
ท่านเจ้าสำนักมองไปที่ ฉินเฉิง และกล่าวว่า “เซี่ยฝูชานยังอยู่ในเมืองเถาหยวน ถ้านายออกไปจากตำหนักเทพโอสถ เขาก็จะลงมือกับนายทันที ”
ฉินเฉิงขมวดคิ้วและพูดว่า “เซี่ยฝูชานยังตามอาฆาตอยู่อีกเหรอเนี่ย?”
“คุณฆ่าหลานชายของเขา เขาไม่มีทางปล่อยคุณไป” ท่านเจ้าสำนักพูดเบา ๆ “แต่ถ้านายอยู่ในตำหนักเทพโอสถ ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาที่นี่เพื่อลงมือแน่นอน”
ฉินเฉิงโค้งคำนับอีกครั้งและกล่าวว่า “ขอบคุณ ท่านเจ้าสำนัก”
หลังจากพูดจบท่านเจ้าสำนักก็หันหลังเดินออกไป
ในขณะนั้น ท่านเจ้าสำนักก็หยุดกะทันหันและพูดว่า: “อีกไม่กี่วันจะมีการประชุมการกลั่นยาของตำหนักเทพโอสถ ในฐานะผู้อาวุโสคนใหม่ นายต้องเข้าร่วม ไม่งั้นคนเขาจะมองเอา ”
ฉินเฉิง ตกลง: “ครับ ไม่มีปัญหา”
“ยังมีนักกลั่นยาที่มาจากต่างประเทศซึ่งอาจจะมาคอยคว้าตำแหน่งผู้อาวุโสจากนาย” ท่านเจ้าสำนักกล่าวต่อ “ถ้านายแพ้พวกเข้า ตำแหน่งผู้อาวุโสก็ต้องถูกปลดออก อย่าทำให้ฉันผิดหวัง เพราะไม่ใช่แค่นายที่เสียหน้า ”
ฉินเฉิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ท่านเจ้าสำนัก โปรดวางใจ”
ปัจจุบันเขารู้จักนักกลั่นยาไม่มากนัก และถ้าเขาไม่ตั้งใจเพียงพอที่จะทำให้ตำหนักเทพโอสถทั้งหมดล่มสลายได้
เซี่ยฝูชานตั้งรกรากชั่วคราวในเมืองเถาหยวน
ที่นี่หอมตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นยา ถือว่าเหมาะสำหรับการฝึกฝน แต่ไม่ใช่สำหรับเซี่ยฝูชาน
วิธีที่เขาฝึกฝนนั้นแปลกมาก นอกจากจะอาศัยความแข็งแกร่งภายในของเขาแล้ว เขายังอาศัยพลังหยินของผู้หญิง
กลิ่นของยานี้มันต้องกันข้ามกับสิ่งที่เขาต้องการ
“ผู้อาวุโส พวกเราจะรอกันอยู่ที่นี่หรือ?” เซี่ยฝูไห่ขมวดคิ้ว
เซี่ยฝูชานพูดอย่างเย็นชา “ถ้าฆ่าฉินเฉิงไม่ได้ ฉันก็จะไม่ยอมแพ้”
“แต่… มันจะใช้เวลานานเกินไปที่จะทำแบบนี้ต่อไป” เซี่ยฝูชานไม่สนใจเรื่องนี้ แม้ว่าพี่น้องตระกูลเซี่ยองเขาจะพึ่งไม่ได้
“ผู้อาวุโส หรือว่าเราจะกลับกันก่อน แล้วค่อยมาจัดการกับฉินเฉิงก็ได้ ” เซี่ยฝูหยุนถามด้วยความลังเล
เซี่ยฝูชานถอนหายใจเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน เขาก็พยักหน้า และกล่าวว่า “โอเค ตระกูลเซี่ยก็ต้องการคนดูแล พวกนายสองคนกลับไปก่อนแล้วกัน ”
“ครับ” เมื่อได้ยินดังนั้นทั้งสองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรีบจากไป
หลังจากที่พวกเขาจากไป เซี่ยฝูชานก็หลับตาลงอีกครั้ง
กลิ่นของยาที่ปกคลุมทำให้เซี่ยฝูชานที่ต้องการฝึกนั้นกว่าจะผ่านไปแต่ขั้นตอนมันดูเหมือนจะยากลำบาก
…
สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันนี่มีการประชุมการกลั่นยาของตำหนักเทพโอสถ
ในการประชุมการกลั่นยาประจำปีของตำหนักเทพโอสถนั้น นักกลั่นยาจากที่ต่างๆก็มาเข้าร่วม ดังนั้นในวันนี้จึงมีผู้คนเกือบหมื่นชีวิตในตำหนักเทพโอสถ
โชคดีที่พื้นที่ตำหนักเทพโอสถมีขนาดใหญ่เพียงพอ เป็นเพียงสถานที่กลั่นยาแต่มีพื้นที่เพียงพอที่จะรองรับทุกคน
“นายพร้อมหรือยัง” ซูวานถามฉินเฉิงที่เพิ่งจะตื่นนอน
ฉินเฉิงบิดขี้เกียจและพูดว่า “น่าจะไม่มีปัญหา”
เขาเตรียมยาเม็ดที่มีชื่อว่าฉี่ซุ้ย ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนกระดูกและกล้ามเนื้อให้สมบูรณ์
เม็ดยาฉี่ซุ้ย เป็นยาศักดิ์สิทธิ์ที่หายากบนโลกใบนี้
ยานี้เป็นยาที่มีมูลค่าอยู่ในแปดอันดำ และเทียบได้กับยาเม็ดทองคำจิ่วจิ้งที่ฉินเฉิงปรุงในวันนั้น
อย่างไรก็ตาม การกลั่นยาชนิดนี้เป็นเรื่องยากมาก และฉินเฉิงไม่สามารถรับประกันความสำเร็จได้ 100%
ในขณะนั้น ก็มีคนมาหา
คนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก หลินชิงซืออดีตน้องสะใภ้ของฉินเฉิง
เธอเหลือบมองที่ซูวาน แล้วพูดว่า: “ฉินเฉิง นายรู้หรือไม่ว่าใครคือคู่ต่อสู้ของนายในวันนี้?”
“ฉันไม่รู้” ฉินเฉิงพูดพร้อมกับหาวออกมา
หลินชิงซือรีบพูดต่อว่า “ฉันตรวจสอบข้อมูลของเขาแล้ว เขาเรียนกับปรมาจารย์อยู่ระยะหนึ่งแล้วจึงไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ว่ากันว่าเขาได้รับตำแหน่งนักกลั่นยาชั้นนำในต่างประเทศ!”
“หา?” ฉินเฉิงประหลาดใจเล็กน้อย “ในต่างประเทศมีนักกลั่นยาด้วยหรือนี่?”
“ใช่” หลินชิงซือพยักหน้า “นายต้องระวัง พวกเขากำลังไล่บี้นาย จุดประสงค์ของเขาที่จะกลับมาในครั้งนี้ชัดเจนมาก นั่นคือเพื่อให้ได้ตำแหน่งใน ตำหนักเทพโอสถ”
“ฉันรู้ ฉันรู้” ฉินเฉิงโบกมือ “เธอกลับไปก่อนเถอะ”
หลังจากขับหลินชิงซือหกลับไป ซูวานก็พูดด้วยความประหลาดใจ “ฉันจำได้ว่าหลินชิงซือเกลียดขี้หน้านาย?”
ฉินเฉิงกางมือออกแล้วพูดว่า “ใครจะไปรู้ จู่ๆเธอก็เปลี่ยนไป ไม่ต้องสนใจหรอก ที่เธอพูดมันเ้ป็นเรื่่องของอนาคต ”
หลังจากนั้นฉินเฉิงกับซูวานก็เดินออกมาจากบ้านพักของผู้อาวุโส และรีบไปสถานที่ประชุม
ในตอนนี้ นักกลั่นยานับไม่ถ้วนรายล้อมชายหนุ่มคนหนึ่ง
ชายหนุ่มคนนี้ค่อนข้างมีออร่า พูดจาฉะฉาน คล้ายกับของเซี่ยเจียง
“ศิษย์พี่ถัง กลับมาคราวนี่ไม่กลับไปแล้วใช่ไหม?” มีนักกลั่นยาคนหนึ่งถาม
ชายคนที่ถูกเรียกว่าศิษย์พี่ถังพยักหน้าแล้วตอบว่า “ไม่ไปไหนแล้ว ฉันเรียนรู้ทุกอย่างมาจากต่างประเทศแล้ว และตั้งใจจะมาทำงานตอบแทนที่ตำหนักเทพโอสถ”
“สุดยอกเลยศิษย์พี่ถัง!” กลุ่มคนยกนิ้วโป้งขึ้น “คนอื่นๆมีแต่คิดจะเอายาไปจากที่นี่ และพี่ถังกลับคิดเพื่อที่จะอุทิศชีวิตให้กับตำหนักเทพโอสถ ! ช่างแตกต่างกันจริงๆ!”
ศิษย์พี่ถังยิ้ม “ฉันได้ยินมาว่ามีผู้อาวุโสคนหนึ่งชื่อฉินเฉิงอยู่ในตำหนักเทพโอสถ พวกนายเคยเห็นเขาไหม?”
“ฉันเคยเห็นแล้ว ฉันเคยเห็นแล้ว!” นักกลั่นยาคนหนึ่งยืนขึ้นและพูด
ศิษย์พี่ถังมองมาที่เขาและโบกมือให้เขาพูดต่อ
นักกลั่นยาคนนั้นกล่าวต่อว่า “ฉินเฉิงเป็นคนมีทักษะที่ดี เขาฆ่าสองพี่น้องตระกูลหง แต่สำหรับเรื่องการกลั่นยา … เราไม่รู้อะไรมาก”
“ดูเหมือนว่าเขากลั่นยาได้ดี แต่ก็แค่ลือๆกัน ไม่มีใครเห็นมัน”
“ศิษย์พี่ถังกลับมาแล้ว ฉันเกรงว่าฉินเฉิงคงต้องออกจากตำแหน่งผู้อาวุโสได้แล้วแหละ ใช่ไหม?”
“ใช่ ใช่!”
กลุ่มคนที่ล้อมรอบศิษย์พี่ถังเริ่มประจบสอพลอ