ความแข็งแกร่งของหยูเหม่ยเหรินนั้น เธอก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมาก แต่พลังเสน่ห์ที่เธอฝึกฝนมา มันก็ทำให้เธอมีพลังชีพที่แข็งแกร่งมาก
ในตอนที่ฉินเฉิงนั่งอยู่บนรถ เค้าก็กดเบอร์โทรหาหยูเหม่ยเหริน
โทรศัพท์ดังขึ้นมากกว่าสิบครั้งก่อนที่จะเธอรับสาย ทันทีที่รับสาย ฉินเฉิงก็ได้ยินเสียงที่เย้ายวนของหยูเหม่ยเหริน
“คุณฉิน ฉันกำลังว่าจะแสดงความยินดีกับคุณอยู่เลย คิดไม่ถึงเลยนะว่าคุณจะโทรมาหาฉันเอง” หยูเหม่ยเหรินหัวเราะขึ้นมาเล็กน้อย
“ยินดี? ฉันมีเรื่องอะไรน่ายินดีอย่างงั้นเหรอ” ฉินเฉิงหัวเราะขึ้นมาอย่างขมขื่น
“นายพึ่งจะฆ่าคนๆหนึ่งไป แถมเค้ายังเป็นเสมือนกับดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าที่หลายคนเอื้อมไม่ถึง ตระกูลใหญ่ๆมากมายในจิงตูต่างก็กำลังให้ความสนใจกับคนที่ชื่อฉินเฉิง” หยูเหม่ยเหรินหัวเราะ
นี่คือสิ่งที่ฉินเฉิงคิดไม่ถึงมาก่อนเลยว่าชื่อของเค้าจะแพร่หลายในเมืองจิงตูไปแล้ว
“ฉันไม่รู้เลยว่าควรจะยินดีหรือกังวลดี” ฉินเฉิงพูดอย่างไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี “เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน ฉันมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากเธอ”
“คุณฉิน บอกฉันมาเถอะ” หยูเหม่ยเหรินก็พูดขึ้นมา
ฉินเฉิงเล่าเรื่องของนายท่านซูให้กับหยูเหม่ยเหรินฟังในทันที
แต่เห็นได้ชัดว่าหยูเหม่ยเหริยไม่รู้เรื่องนี้เลย นี่มันก็มากพอที่จะบอกได้ว่าตระกูลซูทำเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างลับๆ
“คุณฉินต้องการให้ฉันทำอะไรอย่างงั้นเหรอ?” เสียงของหยูเหม่ยเหรินมันก็เฉียบคมมาก มันมากจนทำให้คนรู้สึกมึนงง
ต้องยอมรับว่ามีเพียงไม่กี่คนในโลกนี้เท่านั้นที่สามารถต้านทานเสน่ห์ของหยูเหม่ยเหรินได้แล้วฉินเฉิงก็เป็นหนึ่งในนั้น
“นายคงจะไม่ได้ให้ฉันไปเป็นเหยื่อล่อปลาใช่ไหม? ฉันไม่มีความสามารถอะไรมากขนาดนั้นหรอกนะ” หยูเหม่ยเหรินก็รีบพูดขึ้นมาก่อน
ฉินเฉิงส่ายหัวแล้วพูดว่า: “ฉันไม่เคยคิดที่จะให้เธอไปเป็นเยื่อล่อเลยนะ ฉันแค่หวังว่าคุณหยูจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อความปลอดภัยของนายท่านซูแล้วทำให้เค้ากินดีอยู่ดีเท่าที่จะพอทำได้ก็เท่านั้น หากเธอทำได้ ฉันจะจ่ายเงินให้เธอ ”
หยูเหม่ยเหรินเงียบไปนาน หลังจากนั้นเธอก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า: “คุณฉิน คุณคงไม่รู้พลังของตระกูลซู ก็เลยไปเป็นคู่ต่อสู้กับตระกูลซูสินะ…”
การที่เธอพูดออกมาแบบนี้มันก็เหมือนกับว่าเธอกำลังปฎิเสธ แต่อันที่จริงแล้วเธอกำลังพูดเงื่อนไขของเธอต่างหาก
ฉินเฉิงไม่ได้พูดอะไรกับเธอมาก เค้าถามขึ้นมาว่า: “ฉันจะไม่ใช้เธอฟรีหรอก เธอต้องการให้ฉันทำอะไรก็พูดมาได้เลย”
หยูเหม่ยเหรินก็ถามด้วยความประหลาดใจ: “ทำได้ทุกอย่างเลยอย่างงั้นเหรอ?”
“อืม ถ้าเธอทำมัน ฉันก็จะยอมตกลงทำได้ทุกอย่างเลย” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง
หยูเหม่ยเหรินก็ยิ้มขึ้นมา จากนั้นเธอก็พูดกึ่งตลกกึ่งจริงจังขึ้นมาว่า: “แล้วถ้าหากว่าฉันต้องการตัวนายหละ?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินเฉิงก็แทบจะสำลักออกมา
ซูวานก็นั่งอยู่ข้างๆ…
ฉินเฉิงมองไปที่ซูวานโดยไม่รู้ตัว มันเป็นไปอย่างที่คิดเอาไว้เลย สีหน้าของซูวานดูไม่ได้เลย
“คุณหยู เลิกพูดเล่นได้แล้ว” ฉินเฉิงก็รีบพูดขึ้นมา
หยูเหม่ยเหรินก็ถอนหายใจออกมา: “เฮ้ คุณฉินนี่นะ ไม่มีความอ่อนโยนเอาซะเลย ในหัวในของนายก็คงจะมีแค่ซูวานคนเดียวเท่านั้นสินะ?”
“ใช่” ฉินเฉิงตอบอย่างเรียบง่าย
คำพูดเหล่านี้ถือได้ว่าช่วย “ชีวิต” ของฉินเฉิงเอาไว้ มันทำให้สีหน้าของซูวานดูผ่อนคลายลงไปเป็นอย่างมาก
“พูดมาเถอะ ฉันพอจะทำอะไรให้เธอได้บ้าง” ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมา “ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าคน หรือการจัดหาของผิดกฎหมาย ฉันทำได้หมด”
หยูเหม่ยเหรินที่อยู่อีกด้านหนึ่งเธอเงียบไปซักพัก จากนั้นเธอก็พูดว่า: “ฉันอยากให้นายทำอะไรบางอย่างให้ฉันสามอย่าง”
“ตกลง” ฉินเฉิงตอบกลับอย่างเรียบง่าย
หยูเหม่ยเหรินก็พูดต่อว่า: “อย่างแรก ฉันต้องการให้นายปรุงยาให้ฉัน มันคือยาปลุกเสน่ห์กำหนัด”
“ยาปลุกเสน่ห์กำหนัด?” ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมา เค้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
หยูเหม่ยเหรินก็พูดว่า: “ผู้อาวุโสของตำหนักเทพโอสถทุกคนสามารถปรุงมันได้ ฉันต้องการเพียงแค่เม็ดเดียวเท่านั้น”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉินเฉิงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกในทันที
เนื่องจากตำหนักเทพโอสถสามารถสอนได้ มันก็เลยไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ดังนั้นเค้าจึงตอบตกลงในทันที
“แล้วเรื่องที่สองหละ?” ฉินเฉิงพูดต่อ
“เรื่องที่สอง ฉันต้องการให้นายช่วยฉันฆ่าใครคนหนึ่ง” เสียงของหยูเหม่ยเหรินก็เย็นชาลงในทันที
สิ่งนี้ทำให้ฉินเฉิงประหลาดใจ คนอย่างเธอไม่น่าจะมีอารมณ์แปรปรวนมากขนาดนี้!
“เธอพูดมาเถอะ” ฉินเฉิงพูด
หยูเหม่ยเหรินก็พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า: “ลูกชายตระกูลเซี่ยแห่งเมิงเจียงตู เซี่ยเจียง”
ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมา ในตอนที่เค้ากำลังจะพูดนี้เอง ซูวานที่อยู่ข้างๆก็ส่ายหัวขึ้นมา มันเป็นการแสดงให้ฉินเฉิงรู้ว่าไม่ควรตอบตกลง
“ตระกูลเซี่ยเป็นตระกูลใหญ่ พวกเค้าเป็นใหญ่ในเมืองเจียงตู ฉันเตือนนายก่อนนะว่าถ้านายฆ่าเซี่ยเจียงแล้ว มันอาจจะทำให้นายมีปัญหา” หยูเหม่ยเหรินก็พูดว่า “แต่ฉันจะบอกนายด้วยว่า ถ้านายฆ่าเซี่ยเจียงได้ เรื่องที่นายขอให้ฉันทำ ฉันทำได้อย่างแน่นอน”
“เอาหละ! การที่คุณหยู่พูดมาแบบนี้ ฉันก็รู้สึกโล่งใจ” ฉินเฉิงตอบตกลงในทันที “แล้วเรื่องที่สามล่ะ?”
หยูเหม่ยเหรินครุ่นคิดอยู่ซักพักแล้วพูดว่า: “ฉันยังไม่ได้คิดเรื่องที่สามเลย เมื่อฉันคิดเรื่องนี้ได้แล้ว ฉันจะบอกนายเอง คุณฉิน นายจะทำตามข้อตกลงนี้ได้ใช่ไหม?”
ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า: “ถ้าฉันตอบตกลงแล้ว ฉันจะทำมันอย่างแน่นอน”
“ดี อย่างงั้นฉันจะรอข่าวจากนายนะ” หลังจากที่หยูเหม่ยเหรินหัวเราะแล้วเธอก็ตัดสายไป
หลังจากวางสายแล้ว ซูวานก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า: “นายรู้จักตระกูลเซี่ยไหม? พวกเค้าไม่ใช้ตระกูลธรรมดานะ!”
“ฉันไม่สน” ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า “แต่ถ้ามันสามารถที่จะรับประกันความปลอดภัยของนายท่านซูได้ มันก็คุ้ม อย่างน้อยฉันก็หนีไปได้ทุกเมื่อ แต่นายท่านซูอายุมากแล้ว เค้าหนีไม่ได้หรอกนะ”
จู่ๆซูวานก็เงียบไป เธอรู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อย
“ทำไมเหรอ? เธอรู้สึกประทับใจในตัวฉันสินะ?” ฉินเฉิงพูดติดตลก
“ไอ่บ้า!” ซูวานยื่นมือของเธอออกมาแล้วหยิกแขนของฉินเฉิง จากนั้นเธอก็ทุกเค้าราวกับเป็นลูกบอล
หลังจากนั้น ซูวานก็คุยกับฉินเฉิงเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลเซี่ย
หลังจากทำความเข้าใจคร่าวๆแล้ว ตระกูลเซี่ยก็เก่งกาจมากพวกเค้าไม่เพียงแต่มีความมั่งคั่งในประเทศของศัตรูเท่านั้น แต่ยังเป็นตระกูลที่มีศิลปะการต่อสู้อีกด้วย ว่ากันว่าตระกูลเซี่ยมีจอมยุทธ์ถึงสามคน
แล้วเซี่ยเจียงก็เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลเซี่ย
เพราะความสามารถของเค้า เค้าเลยเป็นคนที่หาตัวได้ยากมาก
“ถ้านายฆ่าเซี่ยเจียง มันก็เท่ากับว่านายทำลายของที่มีค่ามากที่สุดของตระกูลเซี่ย” ซูวานพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ตระกูลเซี่ยไม่มีทางปล่อยนายไปอย่างแน่นอน”
ฉินเฉิงพูดว่า: “ก็ไม่มีอะไรมาก อย่ากลัวไปเลย เรื่องพวกนี้มันไม่จำเป็นต้องบอกฉันหรอก เธอแค่บอกฉันว่าตระกูลเซี่ยมีระดับขั้นแบบไหนก็พอแล้ว”
ซูวานคิดอยู่ซักพักจากนั้นเธอก็พูดว่า: “ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสาม”
“ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นที่สาม…ไม่ต้องพูดถึง” ฉินเฉิงส่ายหัว
คนในระดับนี้ไม่มีพลังมากพอที่จะมาต่อสู้กับฉินเฉิงอย่างแน่นอน
“นายจะฆ่าเซี่ยเจียงจริงๆเหรอ?” ซูวานก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
ฉินเฉิงพยักหน้าแล้วพูดอย่างจริงจัง: “แน่นอน”
“ก็ได้” ซูวานเห็นสิ่งนี้แล้วเธอก็ล้มเลิกที่จะห้ามเค้า
ในเวลาเดียวกันนี้เอง กายที่แท้จริงของเธอในทุ่งขั้วโลกเหนือก็ตื่นขึ้นมา
ที่น่าตกใจก็คือบรรดาโจรสลัดรอบๆเกาะที่โดดเดี่ยวแห่งนี้ก็ก้มหัวลงต่อหน้าของซูวาน!
“ฉาวหว่า” ซูวานเรียกชื่อของเค้าด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ชายที่ชื่อฉาวหว่าก็ก้าวไปข้างหน้าในทันที ชายคนนี้เป็นคนที่แข็งแกร่ง หน้าตาดุร้าย ที่หน้าอกของเค้าก็เต็มไปด้วยขน
แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่มองหน้าเค้าเลย ฉาวหว่าก็จอมยุทธ์ที่แข็งแกร่ง มันเป็นเรื่องยากมากที่จะจับตัวเค้า
“ฉันต้องการให้นายไปที่เมืองปีนัง เพื่อปกป้องใครบางคน” ซูวานก็พูดขึ้นมาอย่างเฉยเมย