ฝ่ามือนั้นทำให้ทุกคนตกใจ
หยูฉงชือล้มลงไปกับพื้นด้วยใบหน้าที่เหลือเชื่อ ท่านเจ้าสำนักทำร้ายเธอ?
“ท่านเจ้าสำนัก เขาทำร้ายลูกสาวของฉัน….” หยูฉงชือยังคงพูดออกมาเพื่อขอความเป็นธรรม
“รายงานท่านเจ้าสำนัก หยูฉงชือคนนี้สมรู้ร่วมคิดกับคนนอกเพื่อจ้างคนมาสังหารฉินเฉิง” อันฮุยลุกขึ้นและพูดออกมา
“เธอพูดอะไรของเธอ!” หยูฉงชือด่าออกไปด้วยความไม่พอใจ
“ทำไม เรื่องที่ทำลงไปด้วยตัวเอง ทำไมถึงไม่กล้ายอมรับมันหละ?” อันฮุยหัวเราะและพูดออกมา
ในตอนนั้นท่านเจ้าสำนักค่อยๆยกมือขึ้น ทุกคนก็เงียบในทันที
ท่านเจ้าสำนักจ้องมองมาที่หยูฉงชือด้วยสายตาที่เยือกเย็น จากนั้นก็พูดออกมาว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตำแหน่งผู้อาวุโสของเธอจะถูกปลด เธอจะเป็นแค่หมอยาธรรมดา และเอาตำแหน่งนี้ของเธอไปมอบให้กับฉินเฉิง”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ก็เกิดความโกลาหลขึ้นทันที!
ท่านเจ้าสำนักเป็นอะไรไป? เธอยังไม่เคยเจอหน้าฉินเฉิงด้วยซ้ำ แต่ทำไมถึงแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้อาวุโสหละ?
ขนาดฉินเฉิงเองก็ยังตกใจ! หรือว่าตนเองจะรู้จักกับท่านเจ้าสำนักคนนี้? เป็นไปไม่ได้ ก็เห็นกันอยู่ว่าไม่เคยเจอกันมาก่อน!
“ฉินเฉิง ยังจะตะลึงอะไรอยู่หละ รีบขอบคุณท่านเจ้าสำนักเร็วเข้า!” ในตอนนั้นผู้อาวุโสใหญ่ที่อยู่ข้างๆก็พูดออกมา
“ไม่จำเป็น” ท่านเจ้าสำนักหันมามองที่ฉินเฉิง จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่
หยูฉงชือยังคงตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่หาย เธอคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าเรื่องราวมันจะกลายมาเป็นแบบนี้!
“วันนี้ท่านเจ้าสำนักเป็นอะไรไป?”
“หรือว่าฉินเฉิงจะมีความสัมพันธ์อะไรกับท่านเจ้าสำนัก? คงไม่ได้เป็นญาติกันใช่ไหม?”
“เอ๋ ผู้อาวุโสหยู วันนี้คุณโชคร้ายหน่อยนะ!”
มีการถกเถียงกันมากมาย แต่ไม่มีใครกล้าขัดต่อความประสงค์ของท่านเจ้าสำนัก
“ฉินเฉิง ยินดีด้วย!” ผู้อาวุโสใหญ่เดินเข้ามาและพูด “ดูแล้วท่านเจ้าสำนักน่าจะเห็นอะไรในตัวคุณ!”
ฉินเฉิงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “เห็นอะไรในตัวผม? เธอไม่เคยเจอผมมาก่อนเลยสักครั้ง และก็ไม่เข้าใจผมด้วย เธอจะมาเห็นอะไรในตัวผมได้อย่างไง? หรือว่าเป็นเพราะความหล่อของผม?”
สีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่มืดมนทันที เขาอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า “ฉินเฉิงนายยังอายุน้อยแต่ทำไมหน้าหนาขนาดนี้ ฉันนี่เคารพคุณจริงๆ!”
ฉินเฉิงกระแอมออกมาสองสามครั้ง จากนั้นก็เรียบเปลี่ยนหัวเรื่อง “เป็นผู้อาวุโสต้องทำอะไรบ้าง? ผมคงไม่ต้องอยู่ที่นี่ใช่ไหม? ถ้าหากจะต้องอยู่ที่นี่ ผมขอไม่รับตำแหน่ง!”
ล้อเล่นอะไรกันอยู่ สำนักงานความมั่นคงของปินโจวขอร้องให้ฉินเฉิงเข้าร่วมกับพวกเขามาตั้งหลายครั้งแต่ก็ถูกปฏิเสธกลับไปทุกครั้ง แล้วนับประสาอะไรกับ ตำหนักเทพโอสถ
“ฉินเฉิง เข้ามา”
ในตอนนั้น คำพูดที่ไร้ตัวตนแต่สง่างามก็ดังมาจากห้องโถง
“ท่านเจ้าสำนักเรียกคุณ รีบเข้าไปสิ” ผู้อาวุโสใหญ่ยิ้มและพูดออกมา
ฉินเฉิงพยักหน้า รีบวิ่งเข้าไปและยืนอยู่ตรงหน้าของท่านเจ้าสำนัก
สีหน้าของท่านเจ้าสำนักดูไม่ออกจริงๆว่าเธอกำลังรู้สึกอย่างไร
เธอถือถ้วยชาร้อนอยู่ในมือ เหล่าลูกศิษย์ของเธอไม่กล้ามองขึ้นไป
“จอมยุทธ์ แต่ไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา” ฉินเฉิงมองท่านเจ้าสำนักแค่แวบเดียวก็แอบคิดออกมาในใจ
“คนอื่นออกไปก่อน” ในตอนนั้นท่านเจ้าสำนักก็พูดออกมาอีกครั้ง
“ครับ!”
ทุกคนต่างลุกขึ้นมาแล้วโค้งตัว จากนั้นก็เดินออกไป
ไม่นานห้องโถงที่กว้างใหญ่ก็เหลือไว้เพียงฉินเฉิงกับท่านเจ้าสำนักเพียงสองคน
“นายกำลังแปลกใจอยู่ใช่ไหม?” หลังจากเงียบไปนาน ท่านเจ้าสำนักก็พูดออกมาเพื่อทำลายความเงียบนั้น
ฉินเฉิงพยักหน้า “ครับ”
ท่านเจ้าสำนักวางแก้วชาที่อยู่ในมือและพูดออกมาว่า “ไม่ต้องคิดอะไรให้มากมาย ฉันแค่มองเห็นศักยภาพในตัวของนายเท่านั้นเอง”
ศักยภาพ?
นี่เห็นได้ชัดเลยว่ากำลังโกหกอยู่ ในโลกนี้ยังมีคนที่มีพรสวรรค์อีกมากมาย! ลำพังแค่สำนักงานความมั่นคงของจิงตูอย่างเดียวก็มีคนที่แข็งแกร่งกว่าฉินเฉิงอยู่ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่!
ส่วนในเรื่องของการปรุงยา ฉินเฉิงก็ทำเป็นแค่ไม่กี่อย่าง เมื่อเทียบกับทาง ตำหนักเทพโอสถแล้วก็ยังไม่มีค่ามากพอ
แต่เหตุผลที่แท้จริงมันคืออะไรกันแน่ ท่านเจ้าสำนักไม่ได้พูดออกมา ฉินเฉิงก็ไม่กล้าที่จะถามออกไป
“ผมต้องทำอะไรบ้าง?” ฉินเฉิงเงยหน้าขึ้นและถามออกไป
ท่านเจ้าสำนักส่ายหน้า “ถ้าฉันต้องการนาย ฉันจะไปหานายเอง เงินเดือนของนายเหมือนกับผู้อาวุโสคนอื่นๆ คือเดือนละ 1 แสนหยวน รวมกับสมุนไพรที่มีอายุมากกว่าร้อยปีอีกสาม 3 ชิ้น”
ฉินเฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่ใช่ว่าแต่ละเดือนสามารถเลือกได้ครั้งเดียวเหรอครับ?”
“นั่นมันแค่หมอยาธรรมดา” ท่านเจ้าสำนักขมวดคิ้วขึ้นมา “ผู้อาวุโสไม่จำเป็นต้องเลือก”
“แต่….ผมอยากจะเลือกด้วยตัวเอง ได้ไหมครับ?” ฉินเฉิงถาม
ท่านเจ้าสำนักขมวดคิ้ว สัมผัสที่น่าประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เย็นชาของเธอ
“มันมีอะไรที่จำเป็นขนาดนั้น?” ท่านเจ้าสำนักถาม
ฉินเฉิงยิ้มออกไปอย่างขมขื่นและพูดออกมาว่า “ผมต้องการสมุนไพรที่มีอายุมากกว่าพันปี ไม่จำเป็นต้องถึงสาม แต่หนึ่งอย่างก็พอ”
สีหน้าของท่านเจ้าสำนักเปลี่ยนไปเล็กน้อย และเธอก็พูดออกมาว่า “ความโลภที่ไม่รู้จักพอไม่ใช่เรื่องดี นายคิดว่ายารักษาโรคที่มีอายุมากกว่าหนึ่งพันปีเป็นผักกาดขาวตามท้องถนนหรือไง”
ฉินเฉิงรู้สึกว่านี้มันเป็นคำพูดที่กะทันหันเล็กน้อย เขาจึงโบกมือและพูดออกไปว่า “ขอโทษครับ ถือว่าผมไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน”
“หึ” ท่านเจ้าสำนักส่งเสียงออกมา จากนั้นก็ยกชาขึ้นมาดื่ม แต่จู่ๆเธอก็พูดออกมาว่า “นายมีโอกาสได้เลือกปีละสองครั้ง แต่ว่านายจะเลือกอะไรนั้น มันก็ขึ้นอยู่กับนาย!”
ฉินเฉิงตะลึง และพูดออกมาด้วยความดีใจว่า “ขอบคุณมากครับท่านเจ้าสำนัก!”
ท่านเจ้าสำนักโบกมือและพูดออกไปว่า “ฉันเหนื่อยแล้ว นายออกไปได้ละ”
ฉินเฉิงพยักหน้าและรีบวิ่งออกไปทันที
ต้องบอกเลยว่าออร่าที่ปกคลุมร่างกายของท่านเจ้าสำนักนั้นแข็งแกร่งมากทำให้ผู้คนที่อยู่รอบข้างรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย ขนาดในตอนที่ฉินเฉิงยืนอยู่ด้านหน้าของเธอ เขายังรู้สึกกดดันไม่น้อย
“เป็นไงบ้าง?” ผู้อาวุโสใหญ่ถามออกมา
ฉินเฉิงหัวเราะและพูดว่า “ท่านเจ้าสำนักแห่ง ตำหนักเทพโอสถของพวกคุณ เป็นคนที่พูดง่ายมากๆ!”
“เป็นคนที่พูดง่าย?” ผู้อาวุโสใหญ่กระแอมออกมา “นายกำลังล้อเล่นอยู่ใช่ไหม? ท่านเจ้าสำนักของพวกเรามักเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว ใครที่กล้าโต้เถียงกับเธอ…ฉันจำได้ว่าเมื่อสามปีก่อนหน้านี้มีหนุ่มคนหนึ่งมาต่อรองกับท่านเจ้าสำนัก หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เสียชีวิตไป”
“จริงเหรอ?” ฉินเฉิงถามออกมาด้วยความสงสัย “ทำไมถึงไม่รู้สึกแบบนั้นเลย”
นี่ยิ่งทำให้ผู้อาวุโสใหญ่รู้สึกสงสัยในตัวตนของฉินเฉิงมากขึ้น
คืนวันนั้น ฉินเฉิงก็ยังคงนั่งอยู่ที่ลานเพื่อทำการฝึกวิชาของเขา
หลังจากนั้นไม่นาน เด็กใน ตำหนักเทพโอสถสองคนก็เดินเข้ามาและยื่นป้ายที่เป็นสัญลักษณ์ของผู้อาวุโสมาให้จากนั้นก็พูดกับฉินเฉิงว่า “ป้ายสัญลักษณ์นี้เมื่อเอาไปใช้ในโรงพยาบาลก็เทียบได้กับตำแหน่งผู้อำนวยการของโรงพยาบาลนั้นๆ”
ฉินเฉิงลูบไปที่ป้ายสัญลักษณ์และถามออกมาด้วยความสงสัยอีกว่า “ยังมีข้อดีอื่นๆอีกไหม?”
เด็กคนนั้นยิ้มและตอบกลับมาว่า “ผู้อาวุโสฉิน นี่คุณไม่รู้จริงๆเหรอ? ป้ายสัญลักษณ์นี้ต่อให้มีเงินทองมากแค่ไหนก็เอามาไม่ได้ ขอแค่มีมัน สถานะของคุณก็จะสูงส่งอย่างมากในสังคม”
ฉินเฉิงพยักหน้า สำหรับพวกคนรวยแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือชีวิต ดังนั้นแพทย์ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากจึงมีความสำคัญและมีสถานนะที่โดดเด่นในสังคม
หลังจากที่เด็กสองคนนั้นเดินออกไป จู่ๆหลินชิงชือก็วิ่งเข้ามา
ในตอนที่เธอกำลังจะเรียกชื่อของฉินเฉิง เธอก็ต้องเปลี่ยนไปทันที “ผู้อาวุโสฉิน ยินดีกัยคุณด้วย”
ฉินเฉิงเหลือบมองไปที่เธอและพูดออกมาว่า “ฉันทำลายขาทั้งสองข้างของพี่สาวเธอ ทำไมเธอไม่เกลียดฉันเหรอ?”
“ขาของพี่สาวของฉันเดี๋ยวก็รักษาหายแล้ว” หลินชิงชือกลอกตาและพูดออกมา “บอกหน่อยได้ไหมว่าตอนนี้นายอยู่ขั้นไหน ทำไมถึงเก่งขนาดนั้น?”
“ฉันไม่บอกเธอหรอก” ฉินเฉิงพูดออกไป
“ไม่บอกก็ไม่เป็นไร!” หลินชิงชือกลอกตา
หลินชิงชือยังอยากที่จะพูดอะไรออกมา แต่ฉินเฉิงก็เรียกคนเฝ้าประตูมาลากเธอออกไปก่อน
เช้าวันรุ่งขึ้นฉินเฉิงวางแผนที่จะไปบ้านของตระกูลตงเพื่อหาตงเทียนหนาน แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา
เมื่อเห็นผู้โทร รูม่านตาของฉินเฉิงก็หดตัวลงทันที
เนื่องจากคนคนนั้นไม่ใช่ใคร เธอคือซูวาน!