เสียงของเซินอี้เมิ้งสั่นเล็กน้อย มันดูราวกับว่าเธอกำลังเกร็งเป็นอย่างมาก
ฉินเฉิงยืนอยู่หน้าประตูแล้วพูดว่า “คุณเซิน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
เซินอี้เมิ้งก็พูดว่า “ฉัน…ฉันเอาชามซุปมาให้ มันจะได้ช่วยบำรุงร่างกายของคุณ…”
“ไม่ต้องหรอก ฉันไม่อยากกิน” ฉินเฉิงยังคงไม่เปิดประตู
เซินอี้เมิ้งกัดฟันแล้วกำลังจะเดินจากไป ในตอนนี้เอง ประตูก็เปิดออก
“เข้ามาสิ” ฉินเฉิงเหลือบมองเซินอี้เมิ้ง จากนั้นเค้าก็พบว่าเธอแต่งตัวเป็นพิเศษเพื่อโชว์เรือนร่างของเธออย่างเต็มที่
เซินอี้เมิ้งเดินเข้ามา เธอวางซุปลงบนโต๊ะ จากนั้นก็นั่งบนโซฟาแล้วเงียบไป
ฉินเฉิงหลับตาลงเล็กน้อยแล้วไม่พูดอะไร เค้าทำราวกับว่าที่นี่ไม่มีใครเลย
เซินอี้เมิ้งยังคงนั่งอยู่ที่นั่น เธอลังเลเล็กน้อย คำพูดของเซินลั่วมันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ: เริ่มลงมือก่อนเลย
ในที่สุด เซินอี้เมิ้งก็กัดฟัน เธอลุกขึ้นแล้วนั่งลงข้างฉินเฉิงและกระซิบว่า: “คะ…คุณฉิน ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว คุณช่วยดูหน่อยจะได้ไหม?”
ฉินเฉิงค่อยๆลืมตาขึ้นมา เค้ามองไปที่เซินอี้เมิ้งเป็นเวลานานแล้วส่ายหัว จากนั้นก็พูดว่า: “พ่อของเธอหรือว่าพี่ชายของเธอที่ใช้ให้เธอมา?”
เซินอี้เมิ้งผงะไป ทันใดนั้นเอง ความตื่นตระหนกก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ แต่เธอก็ปฏิเสธอย่างแข็งขันว่า: “ไม่…ไม่ ฉันมาของฉันเอง!”
“เธออยากมาเองอย่างงั้นเหรอ?” ฉินเฉิงหรี่ตาลง
เค้าไม่รู้ความคิดของเซินอี้เมิ้งเลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่?
เซินอี้เมิ้งกัดฟันพูดอย่างกล้าหาญว่า: “ใช่แล้ว ฉันมาเอง คุณฉิน ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณยังโสด ฉัน…ฉันชอบคุณ!”
“เธอชอบฉันเหรอ?” ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมา “ทำไมเธอถึงชอบฉัน? เธอรู้จักฉันแล้วเหรอ?”
เซินอี้เมิงก็พูดขึ้นมากระตือรือร้น: “แม้ว่าฉันจะไม่รู้จักนาย แต่ฉันเชื่อว่านายเป็นคนที่อ่อนโยนและมีความรับผิดชอบมาก! ฉันไม่ได้ทำเพื่อตระกูลเซิน แต่ฉันทำเพื่อตัวเอง”
ฉินเฉิงมองไปที่เซินอี้เมิง เค้าไม่พูดอะไรอยู่นาน
หลังจากนั้นไม่นาน ฉินเฉิงก็ค่อยๆพูดขึ้นมาว่า: “ชีวิตนี้ของฉัน ฉันจะจริงจังกับคนแค่คนเดียวเท่านั้นแล้วคนๆนั้นก็ไม่ใช่เธอ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หัวใจของเซินอี้เมิ้งก็สั่นเทาอย่างรุนแรง ใบหน้าของเธอมันก็หยุดนิ่งไปโดยสิ้นเชิง
เธอรู้สึกละอายแล้วก็รู้สึกกระอักกระอ่วมไปหมด
“ขอ.ขอโทษนะ” เซินอี้เมิ้งรีบลุกขึ้นมาจากโซฟาแล้ววิ่งออกไปในทันที
เมื่อมองตามหลังของเซินอี้เมิ้งไป ฉินเฉิงก็รู้สึกสับสนขึ้นมาในใจของเค้า
แต่ไหนแต่ไรเค้าก็ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีคนมาตามจีบ
…
หลังจากที่ฉินเฉิงตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น เซินลั่วก็ไม่ค่อยพอใจซะเท่าไหร่
“คุณฉิน ทำไมคุณไม่อยู่ต่ออีกซักสองสามวัน มันไม่ง่ายเลยนะครับบที่จะมาที่นี่” เซินลั่วยิ้มแล้วพูดขึ้นมา
ฉินเฉิงส่ายหัวแล้วพูดว่า: “ไม่หละ อนาคตเดี๋ยวก็มีโอกาสอีก”
เมื่อพูดมาแบบนี้แล้ว เซินลั่วก็ไม่มีอะไรจะพูด
“งั้นผมจะเอารถไปส่งคุณที่สนามบิน” เซินลั่วก็พูดขึ้นมา
เค้าหันไปมองที่เซินอี้เมิ้งแล้วพูดขึ้นมาว่า: “เสี่ยวเมิ้ง เธอไปส่งคุณฉินที่สนามบินก็แล้วกัน”
หลังจากเรื่องเมื่อคืน เซินอี้เมิ้งก็รู้สึกกลัวเล็กน้อยกับการเผชิญหน้ากับฉินเฉิง
แต่สิ่งที่เซินลั่วพูดออกมานั้น มันไม่ต้องสงสัยเลย เธอทำได้เพียงแค่กัดฟันแล้วเดินเข้าไปในรถ
เธอไม่พูดอะไรตลอดทั้งทาง
ก่อนที่จะเช็คอิน เซินอี้เมิ้งก็ตะโกนขึ้นมาว่า: “คุณฉิน เราจะได้เจอกันอีกไหม?”
ฉินเฉิงยืนอยู่ที่นั่น ท่ามกลางความเงียบ ทันใดนั้นเค้าก็หันกลับมาแล้วเดินไปหาเซินอี้เมิ้ง
“ฉันให้เธอไว้เป็นของขวัญ” ฉินเฉิงมองไปที่หยกที่เซินอี้เมิ้งห้อยอยู่ที่หน้าอกของเธอ จากนั้นเค้าก็ใข้นิ้วชี้ไปที่เครื่องรางหยกนั่น
“หยกนี่มันจะสามารถปกป้องเธอได้สามปี เธอจะต้องใส่มันเอาไว้ตลอดเวลลา” ฉินเฉิงพูดต่อไปว่า “นี่ก็ถือว่าเป็นของที่ระลึกก็แล้วกัน”
เซินอี้เมิ้งก็เอื้อมมือไปจับหยกชิ้นนี้ เธอรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
ตัวเธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองจะต้องตกหลุมรักกับคนที่พึ่งจะเจอกันได้แค่สองครั้งเท่านั้น
“กลับได้แล้ว” ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดขึ้นมา
จากนั้นาเค้าก็หันหลังแล้วเดินไปขึ้นเครื่องบินโดยไม่หันกลับมามอง
เมื่อเสียงเครื่องยนตร์ดังขึ้นมา เครื่องบินก็บินขึ้นฟ้าไปในทันที
“คุณหนูครับ กลับกันเถอะครับ” ที่ทางขึ้นเครื่องที่ว่างเปล่า เซินอี้เมิ้งก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า เธอไม่จากไปไหนอยู่นาน
“อืม” เซินอี้เมิ้งยิ้มอย่างไม่เต็มใจ จากนั้นเธอก็เดินกลับไปที่รถ
…
หลังจากที่กลับมาปินโจวแล้ว ฉินเฉิงก็วางแผนที่จะไปที่ตำหนักเทพโอสถ
ตระกูลตงจากตะวันตกเฉียงใต้ก็ยังคงส่งเสียงโห่ร้องตลอดเวลา พวกเค้าไม่เคยมาที่เมืองปินโจวมาก่อน พวกเค้าเอาแต่อยู่ที่ด้านตะวันตกเฉียงใต้มานาน
“ตงเทียนหนานคนนี้โอหังใจริงๆ!” ฉูเป่ยชวนก็อดไม่ได้ที่จะด่าขึ้นมา “อย่าไปสนใจเค้าเลย มันก็แค่เสียงหมาเห่าเท่านั้น!”
ชายที่มีแผลเป็นที่หน้าก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า: “พูดตามตรง ตงเทียนหนาน…ไม่ใช่คนแบบนั้น แม้ว่าเค้าจะมีชื่อเสียงมาก แต่เค้าก็ถ่อมตัวเสมอและแทบไม่เคยทำอะไรเพื่อให้ได้ชื่อเสียงมาเลย แต่ท่าทีของเค้าในช่วงนี้… มันค่อนข้างผิดปกติ”
ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า: “อีกไม่กี่วันฉันจะไปที่ตำหนักเทพโอสถ ถ้าฉันมีโอกาส ฉันจะไปหาตงเทียนหนาน นายก็ไปด้วยกันสิ”
ชายที่มีแผลเป็นที่หน้าก็ผงะ เค้าพยักหน้าแล้วพูดว่า: “ครับ คุณฉิน”
หลังจากกำหนัดเวลาไว้อีกสามวันข้างๆหน้าแล้ว ฉินเฉิงก็บอกกับเต้าเฉิง
เต้าเฉิงสัญญาว่าเค้าจะจัดเตรียมการต้อนรับฉินเฉิงที่กำลังจะมาที่ตำหนักเทพโอสถเป็นอย่างดี
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินเฉิงก็มาที่บ้านตระกูลหลินที่เค้าคุ้นเคย ในเวลาเดียวกันก็เป็นตระกูลหลินที่เป็นคนแปลกหน้าสำหรับเค้า
หลินชิงชือที่เป็นร่างหยางบริสุทธิ์ เมืองซวนหมิงก็ต้องการตัวเธอเป็นอย่างมาก สำนักอื่นๆก็เช่นกัน
แม้ว่าฉินเฉิงจะไม่กังวลเกี่ยวกับความเป็นความตายของเธอ แต่เค้าก็กลัวว่าร่างหยางบริสุทธิ์นี้มันจะตกไปอยู่ในมือของคนชั่วอีก
ตระกูลหลินปิดประตูบ้านแน่น ฉินเฉิงยืนอยู่ที่ประตูและเคาะหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตูเลย
“หรือว่ามันจะเกิดเรื่องขึ้น?” ฉินเฉิงคิดกับตัวเองแล้วลูกเข้าไปที่คางของเค้า
ในตอนนี้เอง เพื่อนบ้านที่อยู่ข้างๆก็เดินออกมา
เธอมองไปที่ฉินเฉิงแล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า: “เธอนี่ใช่ลูกเขยของตระกูลหลินใช่ไหม? ฉันได้ยินมาว่าพวกเธอหย่ากันไปแล้ว ทำไมเธอถึงกลับมาอีกหละ?”
ฉินเฉิงไม่ตอบคำถามของเธอ แต่เค้าถามขึ้นมาว่า: “คนในบ้านไปไหนกันหมดครับ?”
“โอ้ เธอหมายถึงคนตระกูลหลินหนะเหรอ? ตั้งแต่นายท่านตระกูลหลินตายไป ตระกูลหลินก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ ตระกูลหลินมันตายไปแล้ว พวกเค้าเหลือกันแค่สองพี่น้องเท่านั้น!” หญิงข้างบ้านก็พูดต่อว่า: “ก่อนหน้านี้ ฉันได้ยินมาว่าแม่ของหลินชิงเฉิงกลับมาแล้วก็เอาเธอไปด้วย ฉันไม่รู้ว่าเธอไปไหน ตอนจะไปก็รีบไป บ้านก็ไม่ได้ขาย พวกเค้าทิ้งมันไว้แบบนี้!”
แม่ของหลินชิงเฉิง?
ฉินเฉิงก็ขมวดคิ้วขั้นมา ผู้หญิงคนนี้ไม่ดีซะเท่าไหร่ หลังจากให้กำเนิดหลินชิงเฉิงกับหลินชิงชือ เธอหนีไป นี่ก็หายไปหลายปีแล้ว
ตอนนี้ จู่ๆเธอก็กลับมาแล้วก็ยังจะมาเอาสองพี่น้องไปด้วยอีก นี่มันอาจจะเป็นเพราะร่างกายที่พิเศษของหลินชิงชือ?
ฉินเฉิงลูบคางของตัวเอง เค้าอดไม่ได้ที่จะสงสัย
แต่เค้าก็ไม่ได้คิดอะไรมาก มันก็ไม่มีใครอยู่บ้านแล้ว อย่างงั้นมันก็ไม่มีความจำเป็นอะไรแล้ว
…
สองวันต่อมา ฉินเฉิงกับชายที่มีแผลเป็นที่หน้าก็ไปที่ตะวันตกเฉียงเหนือด้วยกัน
ในตอนที่ฉินเฉิงเดินออกไปนี้เอง ที่ด้านหลังของเค้าก็มีผู้หญิงที่ดูราวกับนางฟ้าคนหนึ่งที่กลับมาที่ภูเขาหลงไห่