“คิดยังไงเกี่ยวกับน้องสาวคุณ” ฉินเฉิงขมวดคิ้ว “ฉันมาที่นี่เพื่อหาเงิน ไม่ได้มาหาผู้หญิง”
เซินลั่วพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “งั้นก็ดี ฉันก็แค่เตือนคุณไว้ก่อน เข้าใจไหม”
ฉินเฉิงไม่พูดอะไรและเดินไปข้างหน้าต่ออย่างช้าๆ
พวกคนรวยเหล่านี้ ดูเหมือนว่าจะป่วยกันหมด มักจะคิดว่าคนอื่นมีความคิดที่แตกต่างจากพวกเขา
เซินลั่วจ้องที่แผ่นหลังของฉินเฉิงและขมวดคิ้วเล็กน้อย
…
ฉินเฉิงเดินไปรอบนึงแล้วก็เดินกลับไปที่บ้านตระกูลเซิน
ผู้คนในตระกูลเซินไม่ไว้ใจเขา แม้แต่พวกคนรับใช้ พวกเขาก็แค่พยักหน้าทักทายโดยไม่พูดอะไรสักคำ
โชคดีที่ฉินเฉิงไม่สนใจเรื่องนี้ เขากลับไปที่ห้อง หลับตาลงเล็กน้อย และเร่งการดูดซึมจิตแห่งมังกร
ออร่าที่มีอยู่ในจิตแห่งมังกรนี้เหมือนจะไม่มีขีดจำกัด แม้ว่าความเร็วในการดูดซับจะไม่มาก แต่ก็สามารถแก้ปัญหาปัจจุบันของฉินเฉิงได้อย่างมาก
จิตแห่งมังกรนี่มาจากก้นทะเลลึก และอีกทั้งยังเป็นของศักดิ์สิทธิ์ของโลกใต้ทะเล ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะสงสัยในใจ สรุปแล้วยังมีสิ่งซ่อนอยู่ใต้ก้นทะเลเท่าไหร่กันแน่?
แม้แต่เมืองซวนหมิงก็สามารถได้รับผลประโยชน์จากมัน ซึ่งมันทำให้เห็นว่าของที่ซ่อนอยู่ที่ก้นทะเลนั้นมันมั่งคั่งขนาดไหน!
ขณะที่ฉินเฉิงกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทันใดนั้นเสียงคร่ำครวญก็จากข้างนอกก็ดังเข้ามา
เสียงนี้มันมาจากสองฝั่ง แยกฝั่งเป็นชายหนึ่งและหญิงหนึ่ง เสียงจากปากของพวกเขาช่างน่าเวทนา มันทำให้คนที่ได้ยินตกใจกลัว
“เร็วเข้า ห้องของพ่อกับแม่!” เซินลั่วตะโกนอย่างกังวล
หลังจากนั้นเซินลั่ว เซินอี้เมิ้งและคนอื่นๆ ก็บุกเข้าไปในห้องอย่างไม่รอช้า
ภายในห้อง มีคนกำลังนอนอยู่ในอาการโคม่า เสียงคร่ำครวญอันเจ็บปวดจากปากของเขาดูเหมือนจะมาจากร่างกายไม่ใช่จากอย่างอื่น
ซึ่งดูๆแล้วเหมือนไม่ต่างจากความเจ็บปวดธรรมดาทั่วไป
ฉินเฉิงยืนจับคางอยู่ที่ประตู แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “ฉันเกรงว่าเจ้าของที่สกปรกนี้คงจะมีญาณบางอย่าง”
ของสกปรกทั่วไป เช่น เหมือนภรรยาของเฉินกวน ที่สามารถมองเห็นได้ว่าผิดปกติในทันที ในขณะที่ของสกปรกที่มีระดับสูงกว่านี้คนจะมองไม่ออก
“ฉันว่าเหมือนเป็นมะเร็ง” เซินลั่วขมวดคิ้วและพูดว่า “เสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดนี้คล้ายกับตอนเป็นมะเร็งมาก”
“เป็นไปไม่ได้” เซินเฉิงเจิ้งส่ายหัว “ทั้งคู่เคยไปโรงพยาบาลตรวจร่างกายแล้ว ไม่มีร่องรอยโรคมะเร็งในร่างกายเลย”
หลังจากนั้นเซินเฉิงเจิ้ง มองไปที่เซินลั่วแล้วขมวดคิ้วและพูดว่า “เภสัชกรยังไม่มาอีกหรือ”
“คงจะกำลังมา” เซินลั่วพูด “รออีกหน่อยเถอะ”
ในขณะนั้น เซินอี้เมิ้งก็ก้าวไปข้างหน้าและกระซิบ “ทำไมไม่… ให้ฉินเฉิงลองดูก่อน”
เซินลั่วเหลือบมองที่ฉินเฉิงและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ลืมมันไปเถอะ ถ้าให้เขาดู คงต้องเสียให้เขาเป็นร้อยล้านแน่”
“ถูกต้อง” ฉินเฉิงเห็นด้วยโดยไม่ลังเล “แต่ร้อยล้านนี้ คุณคงจะเซฟไว้ไม่ได้แน่”
“ฮ่าๆ” เซินเฉิงเจิ้ง หัวเราะเยาะโดยไม่พูดอะไร
ถ้าไม่ใช่เพราะฉินเฉิงช่วยเซินอี้เมิ้งไว้ พวกเขาคงจะระเบิดลงไปนานแล้ว
เสียงคร่ำครวญจากปากของทั้งสองคนยังคงมีอยู่ เซินอี้เมิ้งที่ได้ยินมันก็รู้สึกเจ็บปวดใจ
เธอทนไม่ได้ที่จะเห็นทั้งสองเจ็บปวดเช่นนี้ ดังนั้นเธอวิ่งออกจากห้องนอน ไปนั่งบนโซฟาและร้องสะอื้นเงียบๆ
ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เขาใช้นิ้วสัมผัสนิ้วเบาๆ หูของเซินอี้เมิ้งก็ได้ยินชัดเจนขึ้นในทันใด
เธอมองที่ฉินเฉิงด้วยความประหลาดใจ “นาย…นายเป็นคนทำเหรอ?”
ฉินเฉิงไม่ได้ตอบ แต่กลับยิ้ม “ไม่ต้องกังวล พ่อแม่ของคุณจะไม่เป็นไร”
เซินอี้เมิ้งลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและพยักหน้า “คุณฉิน ขอบคุณ ขอบคุณมากที่มีน้ำใจ…”
ฉินเฉิงยิ้มและพูดว่า “ตั้งแต่ฉันสัญญาว่าจะช่วยคุณ ฉันก็จะช่วยคุณจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน”
มิฉะนั้นเขาก็จะไม่มาหรอก
“ฮัลโหล ทำไมยังไม่ถึงอีก” เสียงคำรามดังลั่นมาจากห้อง “อะไรนะ รถติดเหรอ แกไม่รู้จักหานั่งเฮลิคอปเตอร์หรือไง ฉันจะบอกแกให้นะ ว่าถ้าไม่เจอแกในอีกครึ่งชั่วโมง แกก็ไม่ต้องกลับมาหาฉัน!”
พูดจบก็ตัดสายอย่างไม่ใยดี
“รวยมาก” ฉินเฉิงกางมือ “ถ้าในอนาคตฉันมีเงินนะ ฉันจะซื้อเฮลิคอปเตอร์ด้วย”
“นายควรจะหุบปากซะ” เซินลั่วมองเขาอย่างเย็นชา เขานั่งบนโซฟาและหยิบบุหรี่ออกมาสูบ
ฉินเฉิงเอนกายลงบนโซฟาและค่อยๆหลับตาลง
ทุกอย่างรอบตัวดูเหมือนจะเงียบไปในทันทีทันใด และฉินเฉิงก็ดูเหมือนจะเข้าสู่โลกของเขา โดยไม่ถูกรบกวนจากโลกภายนอก
ผ่านไปสักพัก ก็มีเสียงใบพัดหมุนมาจากลานบ้าน
ทันใดนั้น พวกเขาเห็นเฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่ประตู และคนสองคนก็รีบเดินลงมาอย่างรวดเร็ว
“ในที่สุดก็มาถึง!” เซินลั่ว เซินเฉิงเจิ้ง และเซินอี้เมิ้งรีบลุกขึ้นและออกไปทักทายพวกเขา
“เภสัชกร ในที่สุดคุณก็มาถึง!” เซินเฉิงเจิ้ง คว้ามือของเภสัชกรและพูดอย่างตื่นเต้น
เซินลั่วกระแอมและแนะนำ “นี่คือเภสัชกรของตำหนักเทพโอสถที่ฉันพูดถึง และยังเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนานโจว เขาคือ เต้าเฉิง!”
เซินเฉิงเจิ้ง เข้าไปจับมืออย่างรวดเร็วและพูดว่า “ฉันเคยเจอ ผอ.เต้าเแล้ว!”
เต้าเฉิงเหลือบมอง แต่ไม่ได้ยื่นมือออกไป
เซินเฉิงเจิ้ง เขินอายเล็กน้อย เขาหัวเราะและพูดว่า “คุณเต้า รีบไปดูเถอะ ตอนนี้คนไข้กำลังแย่”
เต้าเฉิงกล่าวอย่างใจเย็น “ฉันคิดราคาไม่ถูกนะ พวกคุณรู้ไหมว่าเท่าไหร่”
“รู้แน่นอน!” เต้าเฉิงรีบพูดต่อ “ตราบใดที่ผู้ป่วยสามารถรักษาให้หายได้ หนึ่งร้อยล้านก็เท่าไหร่หรอกเนอะ!”
เซินลั่วยังยิ้มอยู่ข้างๆ เขา “ผอ.เต้า คุณไม่รู้สินะ เมื่อกี้ก็มีคนมาคิดหนึ่งร้อยล้านหยวน”
เต้าเฉิงเพิกเฉยต่อคำพูดของพวกเขา และพูดต่ออย่างแผ่วเบา “พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว ไม่ว่าฉันจะรักษามันได้หรือไม่ ฉันจะคิดค่ารักษา ร้อยล้านหยวน เข้าใจไหม?”
“อะไรนะ!” สีหน้าของเซินเฉิงเจิ้ง เปลี่ยนไป
แม้จะรักษาไม่หาย ก็ต้องเสียค่ารักษาร้อยล้าน?
“ฉันคงไม่ได้มาเสียเที่ยวใช่ไหม” เต้าเฉิงพูดเบา ๆ “พวกคุณปรึกษากันก่อนได้นะ ฉันให้เวลาแค่ห้านาที”
เซินเฉิงเจิ้ง กัดฟันและพูดว่า “คุณเป็นถึงเภสัชกรของตำหนักเทพโอสถ งั้นเอาตามที่คุณพูด!”
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าเสียเวลา” เต้าเฉิงตอบ “พาฉันไปพบผู้ป่วย”
หลังจากพูดแล้ว เต้าเฉิงก็เดินไปข้างหน้า
เซินเฉิงเจิ้ง อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “คนที่มีความสามารถนี่ช่างพากันหยิ่งผยองกันจริงๆ”
แต่ถึงยังไงก็มาจากตำหนักเทพโอสถ เซินลั่วบ่นพรึมพรำ
เมื่อเทียบกับตำหนักเทพโอสถแล้ว ตระกูลเซินไม่มีอะไรเลย
หลังจากนั้นเซินเฉิงเจิ้ง และเซินลั่วก็ตามเถาเฉิงไปและพูดถึงสภาพของผู้ป่วย
เต้าเฉิงพูดอย่างไม่อดทน “ช่วยหุบปากจะได้ไหม หลังจากที่เห็นสถานการณ์ของผู้ป่วย ฉันจะเข้าใจเอง พวกคุณไม่จำเป็นต้องพูด”
“ได้ ได้” เซินเฉิงเจิ้ง รู้สึกไม่ดี แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร
หลังจากผลักประตูเข้าไป เต้าเฉิงก็กวาดตามองไปรอบๆ ในขณะที่กำลังจะพูด สายตาของเขาจ้องไปที่ฉินเฉิง
เขาตกตะลึง แล้วรีบวิ่งไปหา “คุณฉิน ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่”