ทุกคนต่างตกใจ บอดี้การ์ดของฉื่อหยานเอาปืนเล็งไปที่ฉินเฉิง
ฉินเฉิงเหลือบมองพวกเขาอย่างเย็นชา จากนั้นโบกมือ ปล่อยจิตวิญญาณที่มีออกมาจากฝ่ามือทันที!
จิตวิญญาณเหล่านี้ได้ออกมากวาดล้างปืนทั้งหมดก็ถูกทำลายกลายเป็นเศษเหล็ก!
“นี่มัน…” พวกบอดี้การ์ดมองหน้ากันและพยายามเหนี่ยวไก แต่กลับพบว่าปืนในมือของพวกเขาถูกทำลายจนหมด
“ไอ้เวรเอ้ย ให้ตายเถอะ!” ฉื่อหยานตะโกนด่า พร้อมคลานออกจากโลงศพ ก็มีเท้าคู่หนึ่งเหยียบฝาโลงไว้
ฉินเฉิงปิดโลงศพแน่น จากนั้นเตะโลงศพลอยออกไป
“เร็วเข้า ไปรับประธานฉื่อไว้!” บอดี้การ์ดของเขาตะโกนออกมา คนเหล่านั้นจึงรีบไปรอรับโลงศพไม้นี้
“ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ!”
ฉื่อหยานใช้แรงสุดชีวิตเพื่อที่จะงัดโลงศพนี้ คนของเขาพยายามที่จะเปิดโลงศพเช่นกัน
แต่พวกเขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าโลงศพนั้นมันถูกปิดตาย เปิดไม่ออก
ฉินเฉิงกลับไปนั่งตรงที่นั่งของเขา และพูดว่า “อย่าเสียแรงไปเลย ถ้าไม่อยากให้ฉื่อหยานตายอยู่ในโลงศพ ก็รีบพาเขากลับไปซะ”
บอดี้การ์ดหลายคนมองหน้ากัน รีบยกโลงศพขึ้นแล้วออกไปจากที่นั่นทันที
“คุณฉินแข็งแกร่งมาก!” มีคนพูดชมพร้อมยกแก้วเหล้าขึ้น
“ไอ้เจ้าฉื่อหยาน มันไม่รู้จักคุณฉินซะแล้ว?”
“ฉันคิดว่าทางเหนือคงจะไม่มีที่ยืนสำหรับเขาแล้วหล่ะ!”
การชมเชยของทุกคน ไม่ได้ทำให้ฉินเฉิงหลงระเริง
เขาลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ฉันขอโทษ ทุกคนคงจะตกใจมาก”
ฟางจิ้งเหยาที่อยู่ข้างๆ ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ตระกูลฉื่อคงไม่ปล่อยคุณไปหรอก”
“ตระกูลฉื่อเป็นสุนัขรับใช้ของตระกูลซู ฉันไม่กลัวพวกมันแม้แต่น้อย ” ฉินเฉิงตอบ
ฟางจิ้งเหยาไม่ได้พูดอะไร แม้ว่าไม่มีอะไรให้โต้แย้ง แต่เขาก็ยังกังวลใจอยู่เล็กน้อย
…
บนเกาะเล็กๆทางตอนเหนือ ชายชราลึกลับกลับมาที่เกาะด้วยเรือสำปั้น
“วันนี้เป็นวันเกิดคุณปู่ของฉัน” ซูวานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความคิดถึง
“ฉันจะกลับไปปีนัง” ซูวานมองชายชราด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
ชายชราส่ายหัวและพูดว่า “สำหรับคุณ ที่นี่เป็นสถานที่ฝึกที่ดีที่สุด อย่างที่ฉันบอกไว้ คุณไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยตัวตนตลอดสามปี”
“ยังไงฉันก็ต้องกลับไป” แต่ซูวานดูเหมือนจะไม่ฟัง
ชายชราเงียบไปพักหนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ยกนิ้วขึ้น ทันใดนั้นก็มีวรยุทธ์ปรากฏขึ้นต่อหน้าซูวาน
แสงสีทองของวรยุทธ์นี้ค่อยเปล่งประกาย ดูแล้วมันเป็นวรยุทธ์ชั้นสูง
“หลังจากเรียนรู้วรยุทธ์นี้จนจบ ฉันถึงจะอนุญาต ” ชายชรายิ้มเบา ๆ
ซูวานหยิบเทคนิคเวทย์ขึ้นมาดู ก็พบตัวอักษรเขียนว่า วรยุทธ์ฝ่าหิมะ
วรยุทธ์ฝ่าหิมะ ถือเป็นวิชาที่สุดยอดในโลก
อย่างไรก็ตาม วรยุทธ์นี้ต้องอาศัยพลังขั้นสูง ไม่งั้นอาจทำให้ร่างกายอ่อนแอลงได้
ซึ่งคล้ายกับวรยุทธ์อื่นๆ
ซูวานมองอยู่นาน ก่อนพยักหน้าและกล่าวว่า “ตกลง”
…
งานเลี้ยงวันเกิดสุดอลังการ ณ เมืองเจียง
ช่วงประมาณสี่โมงเย็น การประมูลก็สิ้นสุดลง
ในการประมูลครั้งนี้ มียอดขายเกือบ 100 ล้าน เงินทั้งหมดจินฮู่เป็นผู้ดูแลจัดการ
หลังจากส่งแขกกลับไปหมด ฉินเฉิงกับคุณปู่ซูก็นั่งลงบนโซฟา
“นี่ครับ เค้กสั่งทำมาเพื่อคุณปู่เลยครับ” ฉินเฉิงลุกขึ้นและตัดเค้กให้นายซู
ถึงแม้ว่าคุณปู่ซูจะไม่ชอบกิน แต่ก็รับไว้
“ไม่มีข่าวคราวจากซูวานเลยเหรอ?” คุณปู่ซูพูดหลังจากรับเค้กมา
ฉินเฉิงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ครับ”
คุณปู่ซูถอนหายใจ และพูดขึ้นว่า “เท่าที่ฉันคิดไว้ ถ้าพวกเธอไม่ถูกรักแก ตอนนี้เราคงจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากัน”
“แม้ว่าเราจะมีชีวิตที่สงบสุข แต่ตระกูลซูคงไม่หยุดอยู่แค่นี้” ฉินเฉิงส่ายหัวและกล่าวว่า “คุณปู่ซู ฉันมีคำถาม อะไรที่ทำให้ตระกูลซูไล่ตามเขา ?เงินหรืออะไรกันแน่?”
ผู้เฒ่าซูส่ายหัวและพูดว่า: “จริง ๆ แล้วฉันก็ไม่รู้ เมื่อฉันออกมาจากบ้านตระกูลซู ฉันนำเงินให้ซูวานเป็นสินสอดทองหมั้น ส่วนเรื่องอื่นๆ ฉันจำไม่ได้จริงๆ ..”
“ตระกูลซูยิ่งใหญ่ขนาดนั้น คงไม่มาไล่ล่าคุณปู่ด้วยเงินแค่นี้หรอก?” ฉินเฉิงหัวเราะไปกินเค้กไป
“ใช่”คุณปู่ซูพยักหน้า “แค่หมื่นสองหมื่นล้านเอง ไม่เห็นตระกูลซูต้องเดือนร้อน…”
“หาา !”
เมื่อได้ยินฉินเฉิงก็พ่นเค้กกินออกมา
หนึ่งหรือสองหมื่นล้าน? ตอนที่คุณปู่ซูออกมาจากตระกูลซู เขานำเงินออกมาหนึ่งถึงสองหมื่นล้านจริงหรือ? แถมยังเป็นสินสอดของซูวาน?
โอ้ว..นี่มันเกินจินตนาการไว้มาก!
เงินเท่านี้มันสบายไปทั้งชาติเลยนะ?
“เฮ้ อย่าไปพูดถึงเรื่องนี้เลย” คุณปู่ซูโบกมือ “ยังไงจับพวกมันได้ก่อน พวกมันคิว่าของอยู่ในมือฉัน ฉันเลยปลอดภัย”
ฉินเฉิงยิ้มและพูดว่า “คุณปู่ซู แต่เราจะทำแบบนี้ไปได้ไม่นานนัก”
เหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งปีในการต่อสู้กับซูหยู เมื่อฉินเฉิงไปถึงจิงตู ถึงเวลานั้นฉินเฉิงต้องเป็นผู้แบกรับภาระนั้นไว้
หลังจากออกจากบ้านของปู่ซูแล้ว ฉินเฉิงก็กลับไปที่ปินโจว
สิ่งแรกที่ทำเมื่อกลับมาที่ปินโจว คือไปตรวจสอบสมุนไพร
ฉันเห็นว่าสมุนไพรยังคงมีคุณภาพ และอัตราการเติบโตก็เร็วขึ้นหลายเท่า!
“เห้อ… โอเค โอเค” ฉินเฉิงตบหน้าอกของเขา “ความเร็วประมาณนี้ อีกครึ่งปีคงใช้ได้”
“ท่านอาจารย์ ทำไมถึงกังวล” ซูเป่ยชวนพึมพำ “วันก่อนฉันแอบชิมไป มันขม โคตรไม่อร่อยเลย”
ฉินเฉิงจ้องเขม็ง “ใครให้กินมัน! นี่มันคือเลือดเนื้อของฉัน!”
“ไม่ใช่แค่เศษหญ้าหรอกเหรอ ” ฉูเป่ยชวนพึมพำ “อืม ใช่แล้ว ท่านอาจารย์ จากนั้นตงเทียนหนานได้เขียนถึงบอกว่าเขาจะสู้กับไปจนตาย!”
“ตงเทียนหนาน?” ฉินเฉิงเลิกคิ้ว “ตงเทียนหนานเป็นคนในตระกูลใหญ่ ”
“แต่… ฉันไม่มีเวลาต่อสู้กับเขา ถ้าฉันต้องการต่อสู้กับฉันจริงๆ ก็ต้องเข้าคิวรอ” ฉินเฉิงโบกมือ
“ตกลง ฉันเข้าใจ ฉันจะตอบกลับเขาไป” ฉูเป่ยชวนกล่าว
หลังจากฉูเป่ยชวนออกไป ฉินเฉิงก็หยิบจิตแห่งมังกรออกมา
จิตแห่งมังกรส่องแสงระยิบระยับในความมืด เปล่งประกายออกมา
จิตแห่งมังกรนี้ สิ่งอื่นๆก็ไม่สามารถเปรียบเทียบได้
แต่ว่า..มันใช้ยังไงล่ะ? ฉินเฉิงพยายามคิด แต่จิตแห่งมังกรก็ไม่สามารถดูดซับได้เลย
“กลืนลงไปเลยจะได้ไหม” ฉินเฉิงพึมพำขณะถือจิตแห่งมังกร
ฉินเฉิงตัดสินใจ สูดหายใจเข้าลึก ๆ และยัดจิตแห่งมังกรเข้าไปในปาก และกลืนจิตแห่งมังกรลงไป