ฉินเฉิงมองมาที่เธอ พยักหน้าแล้วตอบกลับไปว่า “ได้!”
“นายเองก็ไปรับปากเธอ?” เซียงหรงพูดออกมาด้วยความโกรธ
เขาพูดออกมาอีกว่า “นายนี่มันหน้าไม่อายจริงใช่ไหม? ฟางเสี่ยวเต๋อเพิ่งจะอายุสิบกว่าๆเอง นายอายุเท่าไหร่แล้ว?”
ฉินเฉิงหัวเราะและพูดออกมาว่า “ก็เธออยากมานอนกับฉันเอง จะให้ฉันทำยังไง”
“นี่นาย…” เมื่อได้ยินคำพูดนี้เซียงหรงก็โกรธเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับไปอย่างไร
“เอาละ พวกเราเองก็รีบกลับไปที่ห้องได้แล้ว” เหรินกุ้ยอีตบไปที่ไหล่ของเซียงหรงและพูดออกมา จากนั้นก็พาเขาออกไป
จากนั้นไม่นานในห้องก็เหลือไว้เพียงฉินเฉิงกับฟางเสี่ยวเต๋อสองคน
หลังจากที่เซียงหรงเดินออกไป ฟางเสี่ยวเต๋อก็รีบกระโดดออกห่างจากฉินเฉิงทันที
เธอจ้องมาที่ฉินเฉิงและพูดว่า “นายไปนอนที่โซฟา ฉันนอนเตียง!”
นอนที่ไหนสำหรับฉินเฉิงมันก็ไม่ต่างกัน ยิ่งไปกว่านั้นตอนแรกฉินเฉิงก็คิดจะนอนที่โซฟาอยู่แล้ว
“เธอไม่ชอบเซียงหรงคนนั้นเหรอ?” ฉินเฉิงถาม
ฟางเสี่ยวเต๋อถอนหายใจและพูดออกมา “ใช่ แต่พ่อของฉันชอบเซียงหรงมาก เหมือนว่าเขาอยากจับคู่ให้พวกเราสองคน”
“เธอยังเด็กขนาดนี้ แต่ถูกบังคับให้มีความรัก?” ฉินเฉิงถามออกไปด้วยความตกใจ
ฟางเสี่ยวเต๋อตอบออกมาด้วยความไม่พอใจ “แล้วมันยังไง หลายๆตระกูลเขาก็ทำกันแบบนี้”
ฉินเฉิงถอนหายใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าตระกูลเหล่านี้คงไม่มีทางได้มีความรักที่อิสระ
…..
หลังจากที่เซียงหรงกลับมาถึงห้องของเขา เขาก็หายใจอย่างรุนแรง
เขาปาโทรศัพท์ลงบนเตียง กัดฟันและพูดว่า “เจ้าฉินเฉิง ฉันไม่มีทางปล่อยแกไปแน่!”
หลังจากนั้นเซียงหรงจุดบุหรี่ หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ส่งข้อความถึงพ่อของเขาเพื่อบอกพ่อของเขาว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังจากที่พ่อของเขาอ่านข้อความแล้ว พ่อของเขาก็โทรกลับมาทันที
“เกิดอะไรขึ้น? ฉินเฉิงคนนั้นเป็นใคร?” พ่อของเขาเซียงเจียเฉียงถามกลับมา
เซียงหรงกัดฟันและพูดออกมาว่า “ฉินเฉิงคนนี้เป็นพ่อหม้าย! ไม่รู้ว่าเขาทำอย่างไงฟางเสี่ยวเต๋อถึงได้ติดใจเขาขนาดนั้น ตอนนี้ทั้งสองคนนอนอยู่ในห้องเดียวกัน พ่อ พ่อต้องเป็นคนจัดการเรื่องนี้ให้กับฉัน!”
เซียงเจียเฉียงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดออกมาว่า “เรื่องแค่นี้นายจัดการเองไม่ได้หรือยังไง?”
“พ่อ สิ่งสำคัญก็คือเจ้าฉินเฉิงคนนี้ฝีมือไม่ธรรมดา ขนาดเหรินกุ้ยอีเองก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้” เซียงหรงพูดออกมา “ไม่อย่างนั้นฉันคงจัดการเขาไปตั้งนานแล้ว!”
“เขาเป็นผู้มีวิชาศิลปะการต่อสู้?” เซียงเจียเฉียงขมวดคิ้วและถามออกมา จากนั้นก็พูดออกมาว่า “มันเป็นแค่นักศิลปะการต่อสู้ และฉันกล้าที่จะรุกรานตระกูลเซียงของเรา?”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเซียงเจียเฉียง เซียงหรงก็ยิ้มขึ้นมาทันที เขารีบพูดออกไปว่า “พ่อ พ่อรีบหาวิธีเร็วเข้า เอาเจ้าฉินเฉิงคนนั้นออกไปจากชีวิตของฉันให้เร็วที่สุดยิ่งดี!”
“วางใจ” เซียงเจียเฉียงพูด “ฉันมีเพื่อนอยู่ที่สมาคมศิลปะการต่อสู้ เรื่องนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
พูดจบเซียงเจียเฉียงก็วางสายไป
เซียงหรงนั่งอยู่บนเตียง หรี่ตาลง กัดฟันและพูดออกมาว่า “เจ้าเด็กเหลือขอ แกรอฉันก่อน!”
…..
ในคืนนั้นฉินเฉิงนอนอยู่บนโซฟาแต่ยังไม่หลับ
ฟางเสี่ยวเต๋อเองก็นอนพลิกตัวอยู่บนเตียง ราวกับว่าเธอเองก็ยังไม่หลับ
“อ๊ากกกก!” หลังจากนั้นไม่นานฟางเสี่ยวเต๋อก็ลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียง
เธอพูดออกมาด้วยความหงุดหงิด “มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมฉันนอนไม่หลับ! นายพอจะมีอาอะไรที่กินเข้าไปแล้วทำให้หลับเลยไหม?”
“ไม่มี” ฉินเฉิงตอบ “เธอไม่ลองนอนนับแกะดูหละ?”
“ฉันนับเป็ยร้อยๆตัวแล้ว!” ฟางเสี่ยวเต๋อเบะปากและพูดออกมา “ฉันเบื่อจะตายอยู่แล้ว!”
และในตอนนั้นจู่ๆก็มีเสียงดังมาจากประตูห้อง
ฉินเฉิงยังไม่ทันพูดอะไร ฟางเสี่ยวเต๋อก็ถามออกมาก่อนแล้วว่า “ใคร? ใช่คนที่จะมาตามฆ่าพวกเราหรือเปล่า?”
พูดจบเธอก็รีบลงมาจากเตียงและมาหลบอยู่ด้านหลังของฉินเฉิง
สีหน้าของฉินเฉิงไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปราวกับเขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
“ไม่ได้ล็อคประตู” ฉินเฉิงพูดออกไป
ทันทีที่เสียงของเขาเงียบลง ประตูก็ถูกเปิดออก
ในระหว่างนั้น หยูเหม่ยเหรินก็ก้าวเท้าเบาๆและเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม
“ทำไมถึงเป็นเธอ?” หลังจากที่เห็นหยูเหม่ยเหริน ฟางเสี่ยวเต๋อก็รีบลุกขึ้นมาจากโซฟาทันที
เธอถามออกไปด้วยความไม่พอใจ “เธอคิดจะทำอะไร? ฉันจะบอกเธอเอาไว้ ฉินเฉิงเขามีเจ้าของอยู่แล้ว เขาไม่ได้ชอบเธอ!”
หยูเหม่ยเหรินก็ไม่ได้โกรธอะไร เธอยิ้มและตอบกลับมาว่า “เธอรู้ได้ไงว่าเขาไม่ชอบฉัน?”
“ชิ เธอคิดว่าตัวเองสวยมากหรือไง?” ฟางเสี่ยวเต๋อกลอกตา “ฉันจะบอกเธอเอาไว้ พี่ซูวานของฉันสวยกว่าเธอเป็นร้อยๆเท่า ไม่สิ พันเท่า! แถมพี่ซูวานเธอยังเป็นถึงยอดฝีมืออีกด้วย!”
หยูเหม่ยเหรินยิ้มและตอบกลับมาว่า “เธอไม่ใช่ผู้ชาย เธอจะรู้ได้ไง?”
“ความคิดของฉันก็เหมือนกับฟางเสี่ยวเต๋อ” ฉินเฉิงพูดออกไปโดยไม่ลังเล
หยูเหม่ยเหรินตกใจเล็กน้อย และเบะปากออกมา
หลังจากนั้น เธอยิ้มและพูดว่า “ดูแล้วในตัวของคุณฉินมีอะไรบางอย่างแฝงอยู่ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมาย”
“มีเรื่องอะไร พูดมาเถอะ” ฉินเฉิงพูด
หยูเหม่ยเหรินยิ้มออกมา เธอโบกมือหนึ่งครั้งฟางเสี่ยวเต๋อก็หลับไปทันที
สีหน้าของฉินเฉิงเยือกเย็นขึ้นทันใด “เธอทำอะไรกับฟางเสี่ยวเต๋อ?”
“คุณฉินวางใจ เธอก็แค่หลับไปเท่านั้น” หยูเหม่ยเหรินหัวเราะออกมา
ฉินเฉิงหันไปมองฟางเสี่ยวเต๋อ และพูดออกมาว่า “ดึกดื่นป่านนี้มาหาฉัน แสดงว่าต้องมีอะไรที่ตอนกลางวันไม่สามารถทำได้อยู่ใช่ไหม พูดมาเถอะ”
“ดูคุณพูดเข้าสิ” หยูเหม่ยเหรินปิดปากและยิ้มออกมา “ฉันแค่รู้สึกอยากรู้อยากเห็นในตัวของคุณฉิน เนื่องจากฉันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกพิเศษบางอย่างจากตัวของคุณ”
“ความรู้สึกที่ทำให้เธอกลัว?” ฉินเฉิงเลิกคิ้วขึ้น
เมื่อได้ยินแบบนั้นสีหน้าของหยูเหม่ยเหรินก็เปลี่ยนไปทันที
“ถ้าหากให้ฉันเดา” ฉินเฉิงหัวเราะออกมา “บนร่างกายของเธอมีลักษณะพิเศษอยู่ ซึ่งมันน่าจะเกี่ยวข้องกับจิ้งจอกใช่ไหม”
ใบหน้าของเธอมีความเปลี่ยนแปลง แต่มันก็แค่แวบเดียวเท่านั้น
เธอยิ้มออกมา “ดูเหมือนว่าคุณฉินจะฉลาดกว่าที่ฉันคิด”
ฉินเฉิงพูดออกไปอย่างเยือกเย็น “ฉันไม่สนหรอกว่าเธอกับปีศาจจิ้งจอกมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไง แต่ฉันขอเตือนเธอเอาไว้สัก 1 ประโยค ทางที่ดีอย่ามายุ่งกับฉันจะดีกว่า”
หยูเหม่ยเหรินหรี่ตาลง จากนั้นพลังแห่งจิตศิกดิ์สิทธิ์ก็ตกลงมาบนร่างกายของฉินเฉิงอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ฉินเฉิงไม่ได้ทนอีกต่อไป เขาปล่อยพลังแห่งจิตศิกดิ์สิทธิ์ออกมาจากร่างกายของเขา มันเหมือนกับใบมีดที่แหลมคม ทำลายพลังแห่งจิตศิกดิ์สิทธิ์ของงหยูเหม่ยเหรินจนพังพินาศ
“อ้ายยย!”
จู่ๆหยูเหม่ยเหรินก็กรีดร้อง แล้วเธอก็เดินโซเซและเกือบจะล้มลงกับพื้น
“นาย…นายใช้พลังแห่งจิตศิกดิ์สิทธิ์ได้ด้วย?” หยูเหม่ยเหรินถามออกมาด้วยใบหน้าที่ซีดขาว
ฉินเฉิงยิ้มและตอบกลับไปว่า “คุณหนูหยู ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องของฉัน”
หยูเหม่ยเหรินรีบลุกขึ้นทันที “คุณฉิน ฉันไม่ได้รังเกียจหรืออะไรกับคุณแม้แต่อย่างใด ฉันแค่สงสัยในตัวคุณเท่านั้น”
ประโยคนี้ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา ถ้าหากหยูเหม่ยเหรินคิดจะทำร้ายฉินเฉิงคงมองออกตั้งแต่ตอนแรก
“นี่คือข้อมูลการติดต่อของฉัน” จู่ๆหยูเหม่ยเหรินก็พูดออกมา “ถ้าหากวันใดวันหนึ่งคุณฉินไปที่เมืองจิงตูแล้ว คุณสามารถติดต่อกับฉันได้!”